เผ่ามารชุดเกราะสีดำคนเมื่อครู่ย่อมเป็นคนที่วิญญาณม่วงส่งมา
จากฐานะของบรรพชนแรกเริ่มลิ่วจี๋ ต่อให้วิญญาณม่วงเป็นแค่หนึ่งในศิษย์ของนาง ก็มีอำนาจไม่น้อยในทะเลสาบน้ำตกสีคราม จึงระดมกำลังจำนวนไม่น้อยได้อย่างง่ายดาย
ใช้พลังกลุ่มนี้ตรวจสอบความจริงของสิ่งมีชีวิตระดับหลอมสุญตาคนหนึ่งย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
เวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งวัน วิญญาณม่วงก็ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องที่อู๋โยวขุดแร่ได้อย่างกระจ่างแจ้ง
ความจริงแล้วที่ทะเลสาบน้ำตกสีคราม ก็มีการขโมยเปิดเหมืองแร่อยู่ไม่น้อย
และสถานที่ที่พวกของอู๋โยวขุดแร่อยู่บนชีพจรเหมืองแร่ระดับต่ำที่คุณสมบัติไม่สูงอันใด ประกอบกับพลังยุทธ์ของเขาไม่อ่อนแอ ดังนั้นขุมอำนาจอื่นๆ แม้ว่าจะรู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้ห้ามปรามอันใด
“ชีพจรเหมืองแร่ระดับต่ำ จะมีทองคำมารจำนวนมากได้อย่างไร ต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงยังต้องเอามาจากอู๋โยวถึงจะได้” หานลี่ตัดสินใจทันที
ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลใดๆ อีก มือหนึ่งร่ายอาคม หลับตาทั้งสองข้างแล้วเริ่มกระตุ้นจิตสัมผัสที่อยู่บนร่างของอู๋โยวและพวก
จากพลังยุทธ์ที่น่ากลัวของเขาในยามนี้ยามที่ลงมือกับเผ่ามารเหล่านี้พวกเขาย่อมไม่อาจสังเกตเห็นได้
แต่ไม่นานใบหน้าของหานลี่กลับเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนจิตสัมผัสส่วนใหญ่ออกจากเมืองน้ำตกสีครามแล้ว มีเพียงสองสายที่อยู่ห่างจากที่พักของเขาไม่ถึงสองสามลี้
หานลี่ย่อมประหลาดใจเคลื่อนไหวจิตสัมผัส แทรกไปในห้องทันที ตรงไปห่อหุ้มที่หมาย
หลังจากผ่านไปชั่วครู่หานลี่ก็เห็นพาจิตสัมผัสไปที่ทั้งสองคนแล้วมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ก็คือบุรุษและสตรีเผ่ามาคู่หนึ่งพวกของอู๋โยว
บุรุษอายุสามสิบกว่าปี สตรีอายุยี่สิบกว่าปี ดูเหมือนว่าจะเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง
เมื่อหานลี่กวาดจิตสัมผัสไป ทั้งสองกำลังเดินลงมาจากรถอสูรคันหนึ่งใกล้กับถนนสายหลัก หลังจากที่ถ่ายทอดเสียงปรึกษากันเงียบๆ ก็ตรงมายังโรงเตี๊ยมที่หานลี่พักอยู่
หานลี่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์เฟื่องฟูขนาดไหน แค่โคจรจิตสัมผัสไปสองสามครั้ง ก็เดาการเคลื่อนไหวของบุรุษและสตรีเผ่ามาคู่นี้ได้เจ็ดแปดส่วน รู้ว่าพวกเขามาหาตนแน่
หลังจากที่เขาฉีกยิ้มน้อยๆ ออกมาก็ชักจิตสัมผัสกลับมา แล้วนั่งรออยู่เงียบๆ ภายในห้องโถง
ดังคาดผ่านไปไม่ถึงหนึ่งมื้ออาหาร เขาก็สัมผัสได้ถึงจิตสัมผัสที่อยู่บนร่างของทั้งสองมาปรากฏที่หน้าประตูที่พัก
ทว่าเผ่ามารสองคนนี้ดูเหมือนจะยังลังเล เดินไปมาอยู่ด้านนอกประตู และไม่ได้มีเจตนาจะเข้ามาทันที
หานลี่ขมวดคิ้ว ริมฝีปากขยับสองสามครั้งอย่างเงียบเชียบ
ครู่ต่อมาบุรุษและสตรีเผ่ามารคู่นี้ก็มีเสียงเยือกเย็นดังขึ้นในหู
“ในเมื่อมาแล้วก็เข้ามาเถิด! มาถึงที่นี่ได้ พวกเจ้าคงตัดสินใจมานานแล้ว”
บุรุษและสตรีเผ่ามารได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี หลังจากมองสบตากันแวบหนึ่ง ก็เป็นบุรุษเผ่ามารอายุสามสิบกว่าปีที่กัดฟันเอ่ยขึ้น
“ไปกันเถิด ท่านอาวุโสหานเอ่ยปากแล้ว พวกเขาย่อมไม่อาจกลับหลังได้”
หญิงสาวผู้นั้นหน้าตางดงามสองสามส่วน หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็ทำได้เพียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ดังนั้นบุรุษจึงเอ่ยคำว่า “คารวะท่านอาวุโส” อยู่ที่ด้านนอกด้วยเสียงอันดังทันใด แล้วพาสตรีเผ่ามารผลักประตูเดินเข้ามา
เมื่อพวกเข้าเดินเข้ามาในประตูใหญ่ เบื้องหน้าก็มีห้องโถงที่ไม่ใหญ่นักปรากฏขึ้น
ในห้องโถงมีเก้าอี้วางอยู่ตัวหนึ่ง หานลี่นั่งอยู่บนนั้น กำลังพิจารณาทั้งสองด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ชนรุ่นหลังสองสามีภรรยาคารวะท่านอาวุโสหาน!” บุรุษเผ่ามารเห็นหานลี่พลันใจหายวาบ รีบเข้ามาคารวะพร้อมกับหญิงสาว
“ลุกขึ้นเถิด ข้าเพิ่งกลับมาจากพวกเจ้า พวกเจ้าสองคนตามมามีเรื่องสำคัญอันใดต้องพูดกับข้าหรือ” หานลี่เอ่ยอย่างไม่คิดเช่นนั้น
“ท่านอาวุโสดวงตาเฉียบแหลมนัก ชนรุ่นหลังสองสามีภรรยามีเรื่องอยากปรึกษากับท่านอาวุโส” บุรุษเผ่ามารฉีกยิ้มขอโทษแล้วเอ่ยอย่างระมัดระวัง
“มีเรื่องอันใด ก็พูดเถิด ข้ายังมีธุระอีกมาก เสียเวลามากไม่ได้” หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
เมื่อได้ยินหานลี่กล่าวเช่นนี้ บุรุษเผ่ามารคู่นี้ก็มองสบตากันแวบหนึ่ง ผลคือยังเป็นบุรุษที่เอ่ยถามอย่างใจดีสู้เสือ
“ท่านอาวุโส ที่ท่านพูดก่อนหน้านี้ ไม่ทราบว่ายังเชื่อคำพูดนั้นได้หรือไม่?”
“ที่พูดก่อนหน้านี้? อ๋อเจ้าหมายถึงเรื่องที่ข้าพูดกับอู๋โยวก่อนจะจากไป หากเป็นเรื่องนั้นย่อมเชื่อได้ อันใด ทั้งสองอยากแลกเปลี่ยนกับผู้แซ่หานหรือ?” ในเมื่อคนตรงหน้าเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน หานลี่เลยไม่สนใจจะแสร้งสร้างสถานการณ์กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพแปลงสองคนนี้ จึงถามย้อนกลับอย่างราบเรียบ
“ไม่ผิด ชนรุ่นหลังมีเจตนานี้! ความจริงแล้วรายละเอียดของทองคำมารเหล่านี้ สองสามีภรรยาอย่างเรารู้ดีกว่าอู๋โยว เพราะว่าทองคำมารเหล่านี้คือสิ่งที่เราสองคนไปดูแลการขุดด้วยตนเอง ขอแค่ท่านอาวุโสยอมจ่ายศิลามารตามที่นัดกันไว้ เราสองคนก็จะบอกให้ขอรับ” บุรุษเผ่ามารได้ยินคำถามของหานลี่ก็ตอบกลับด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
“พวกเจ้ามาถึงที่นี่ อู๋โยวไม่รู้จักสินะ?” หานลี่แววตาเปล่งประกาย ไม่ได้ตอบอันใดทันที แต่เอ่ยถามอย่างราบเรียบ
“ท่านอาวุโสฉลาดเฉียบแหลมนัก ชนรุ่นหลังทั้งสองตามมาเอง ทว่าไม่ใช่เพราะเราสองสามีภรรยาอยากทรยศคนอื่น แต่เพราะพวกอู๋โยวล่วงเกินเราสองสามีภรรยาก่อน เพราะว่าเราสองคนรับหน้าที่ดูแลคนที่เหมืองแน่ พวกเขากลับแอบไปปรึกษากัน หากจัดการเรื่องราวเสร็จก็จะผลักปัญหาทั้งหมดมาที่เราสองคน ให้เราสองสามีภรรยาตายแทน หากไม่ใช่เพราะข้าน้อยแอบได้ยินเรื่องนี้มาด้วยความบังเอิญ ก็คงถูกพวกเขาปิดบังไว้ และยิ่งไปกว่านั้นศิลามารที่ท่านอาวุโสแลกเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้ สุดท้ายสองสามีภรรยาอย่างเราก็ได้แค่ไม่เท่าไหร่ เสี่ยงอันตรายเช่นนี้กลับได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย ชนรุ่นหลังและพวกทั้งสองย่อมไม่ยินยอม” มาถึงยามนี้บุรุษเผ่ามารกลับเอ่ยอย่างคับแค้นใจ
“เจ้าและอู๋โยวมีความแค้นอันใดกัน ผู้แซ่หานย่อมไม่ยุ่ง ขอแค่เจ้าบอกข่าวที่ข้าพึงพอใจได้ ศิลามารที่พูดก่อนหน้านี้ย่อมไม่มีทางน้อยลง” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“ขอบพระคุณท่านอาวุโส ชนรุ่นหลังมั่นใจว่าจะไม่ทำให้ท่านอาวุโสผิดหวัง” บุรุษเผ่ามารดีใจและเอ่ยขอบคุณทันที
“ได้ เจ้าพูดมาเถิด” หานลี่ออกคำสั่ง
“ขอรับ ความจริงแล้วทองคำมารเหล่านี้มาจากเหมืองแร่ส่วนตัวที่พวกเราแอบขุด ทองคำมารก้อนแรกก็เป็นข้าและน้องหญิงเหยาที่พบ ทว่าทองคำมารเหล่านี้กลับอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของเหมืองแร่ ตำแหน่งห่างไกล หากไม่มีคนชี้ทาง คงหาได้ยาก พวกเราแอบขุดมาตั้งเกือบร้อยปี ถึงได้พบตำแหน่งของพวกมัน ตำแหน่งที่เป็นรูปธรรมอยู่ที่……” บุรุษเผ่ามารเริ่มอธิบาย
และระหว่างที่หานลี่ฟังอยู่ บางครั้งก็ส่งเสียงซักถามรายละเอียด
บุรุษเผ่ามารล้วนพยายามตอบเต็มที่ เมื่อเขาอธิบายเรื่องนี้จบ หานลี่ก็ก้มหน้าลงครุ่นคิด ยามที่ช้อนสายตาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
“เจ้าตอบได้ไม่เลว ลดปัญหาของข้าได้มาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะจ่ายศิลามารตามที่นัดกับเจ้าเอาไว้ แต่บอกไว้ก่อนนะหากข้าพบว่าสิ่งที่เจ้าพูดไม่เป็นความจริง ต่อให้เจ้าเอาศิลามารไปแล้ว จากนี้ก็ไม่มีชีวิตไปใช่แล้ว ยามนี้มีอันใดจะพูดอีกหรือไม่!” หานลี่ใช้มือหนึ่งพลิกฝ่ามือกำไลเก็บของสีแดงที่มีศิลามารบรรจุไว้เต็มไปหมดปรากฏขึ้นในมือ มองบุรุษเผ่ามารแล้วเอ่ยอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ท่านอาวุโสวางใจชนรุ่นหลังจะกล้าปิดบังได้อย่างไร ที่พูดก่อนหน้านี้เป็นความจริงทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องโกหกเลยสักนิด” บุรุษเผ่ามารมองกำไลเก็บของในมือของหานลี่แวบหนึ่ง แววตาเปล่งประกายร้อนแรง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“หึๆ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง พวกเจ้าไปได้แล้ว” หานลี่สะบัดข้อมือ โยนกำไลเก็บของไป แล้วออกคำสั่งอย่างราบเรียบ
“ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่ประทานให้ เราสองคนไม่รบกวนท่านอาวุโสแล้ว” บุรุษเผ่ามารรับกำไลเก็บของไว้ กวาดจิตสัมผัสไปด้านใน พบว่าด้านในมีศิลามารเต็มไปหมด ก็คารวะอย่างนอบน้อมด้วยความยินดีทันที แล้วรีบพาสตรีข้างกายถอยออกไปจากห้องโถง
บุรุษสตรีเผ่ามารคู่นี้ออกจากโรงเตี๊ยม มาที่ตรอกรกร้างใกล้ๆ กัน หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ไหวเอ่ยปากถามขึ้น
“เป็นอย่างไรบ้าง ศิลามารที่ท่านอาวุโสหานให้เยอะเหมือนที่เขาพูดไว้หรือไม่”
“แม้ว่าจะไม่ได้ตรวจละเอียด แต่ก็น่าจะไม่แตกต่างกัน จากระดับความใจกว้างของอีกฝ่าย ในเมื่อให้มาแล้วก็คงไม่มีทางหลอกพวกเรา ก่อนที่ข้าจะมากลับคิดไม่ถึงเลยว่า ‘ท่านอาวุโสหาน’ จะยอมมอบศิลามารให้ง่ายดายเช่นนี้ ทำให้พวกเราไม่ได้ใช้สิ่งที่เตรียมการไว้” บุรุษเผ่ามารตอบกลับอย่างปิดสีหน้าตื่นเต้นไว้ไม่มิด
“เช่นนั้นพวกเราก็ทำเช่นนี้ จะไปตามเส้นทางที่วางแผนกับอู๋โยวออกจากทะเลสาบน้ำตกสีครามไว้หรือไม่” หญิงสาวเผยสีหน้ายินดีออกมา แต่ก็นึกอันใดได้ แล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ย่อมอยู่ที่ทะเลสาบน้ำตกสีครามไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจไปตามเส้นทางที่อู๋โยววางไว้ พวกเราต้องไปอีกทาง ขอแค่ออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยได้ และไม่ต้องไปรวมตัวกับพวกเขา มีศิลามารก้อนนี้พวกเราก็โบยบินได้แล้ว เหตุใดข้าต้องระงับความโทสะไปเป็นลูกน้องของผู้อื่นด้วย” บุรุษเผ่ามารเอ่ยอย่างไม่ต้องขบคิด เห็นได้ชัดว่าขบคิดเรื่องนี้มาเนิ่นนานแล้ว
“ได้ ข้าเชื่อเจ้า ทำเช่นนั้นเถิด” สตรีเผ่ามารลังเลเล็กน้อย แล้วเอ่ยสนับสนุน
ดังนั้นบุรุษสตรีเผ่ามารคู่นี้จึงขวางรถอสูรคันหนึ่ง แล้วตรงออกไปจากประตูเมืองที่อยู่ใกล้พวกเขาที่สุดทันที
ในเวลาเดียวกันหานลี่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถง หรี่ตาทั้งสองข้างลงพิจารณาข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา
ยามที่เขาเพิ่งได้ยินบุรุษเผ่ามารอธิบาย ก็สำแดงเคล็ดวิชาลับไปโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
แม้ว่าเคล็ดวิชานี้จะไม่เหมือนกับเคล็ดวิชาค้นวิญญาณ ที่สามารถตรวจสอบเนื้อหาที่ปิดบังอยู่ในหัวของผู้อื่นได้ แต่กลับสามารถวินิจฉัยสิ่งที่คนผู้นี้พูดได้ว่าจริงหรือเท็จ และยิ่งไปกว่ายังมีผลที่พิเศษมาก
มิเช่นนั้นจากนิสัยระมัดระวังของเขาจะเชื่อคำพูดของบุรุษเผ่ามารทั้งหมดแล้วจ่ายศิลามารจำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างไร
ขอแค่สิ่งที่บุรุษเผ่ามารพูดเมื่อครู่เป็นความจริงแม้ว่าอีกฝ่ายจะปิดบังอันใดไว้ เขาก็ไม่สนใจมากนัก
แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะยามนี้เขาอยู่ในโรงเตี๊ยม จึงไม่สะดวกที่จะลงมือใช้เคล็ดวิชาค้นวิญญาณกับอีกฝ่าย มิเช่นนั้นหากเผ่ามารระดับสูงคนอื่นๆ ในละแวกนี้รู้เข้า หรือถูกเขตอาคมที่วางไว้ในโรงเตี๊ยมพบเข้า จะยุ่งยากไม่น้อย
“ช่างเถิด เวลากระชั้น อย่าเพิ่งไปหาเรื่องเจ้าพวกนั้นดีกว่า รอให้ตรวจสอบเสร็จแล้วค่อยว่ากัน ชักช้าไม่ได้แล้ว ยามนี้ต้องไปดูเหมืองแร่ส่วนตัวก่อน” หานลี่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสสองสามครั้ง แล้วยืนขึ้นเอ่ยพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา