คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 2335 เมืองเซวี่ยเฮ่อ

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

“ไม่ทราบว่ากลุ่มพันธมิตรของท่านรู้เรื่องแท่นบูชาโบราณบนแผ่นดินใหญ่ต่างๆ มากน้อยเพียงใด? หานลี่ในที่สุดก็เอ่ยออกมา

“รู้มากน้อยเพียงใด? นักพรตท่านหมายความว่าอย่างไรกัน…” พระรูปนั้นรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา

“หมายถึงตำแหน่งที่ตั้งของแท่นบูชาต่างๆ กลุ่มพันธมิตรของท่านสามารถครอบครองมันได้มากน้อยเพียงใด?” หานลี่เอ่ยถามออกมาอีกครั้ง

“แผ่นดินอื่นนั้น ชายชราไม่ชัดเจนนัก แต่ว่าแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดนั้น ตำแหน่งของแท่นบูชาโบราณกลุ่มพันธมิตรของเราครอบครองแล้วไม่น้อย นับได้เจ็ดหรือแปดของทั้งหมดได้กระมัง อย่างไรหรือ พี่หานสนใจในแท่นบูชาเหล่านี้อย่างนั้นหรือ?” พระรูปนั้นเอ่ยถามออกมาอย่างประหลาดใจ

นี้ก็น่าแปลกใจเกินไป

แท่นบูชาโบราณเหล่านี้โดยทั่วไปแล้วนับว่าเป็นของไร้ประโยชน์ สำหรับมหายานเช่นพวกเขาแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ควรค่าแก่การสนใจเลย

“เรื่องที่จะเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรของพวกท่าน ผู้แซ่หานยังต้องการไตร่ตรองอีกสักเล็กน้อย อย่างไรก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้โดยง่ายอย่างเช่นที่นักพรตเอ่ยออกมาได้ แต่ว่าเรื่องที่จะเข้าร่วมต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งนั้น ข้ากลับสามารถตอบตกลงได้ แต่ว่านอกจากรางวัลที่ตกลงกันไว้แต่เดิมแล้ว ข้ายังมีอีกเงื่อนไขหนึ่ง” หานลี่เอ่ยออกมา

“เงื่อนไขอะไรกัน?” พระรูปนั้นเผยท่าทีสง่างามออกมา

“ผู้แซ่หานในขณะที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือด หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากช่องทางข่าวสารของกลุ่มพันธมิตรพวกท่าน และได้รับข้อมูลในทันทีที่ต้องการ ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับแท่นบูชาโบราณนั้น ข้าต้องการแผนที่แต่ละแห่งของมันอย่างละเอียดในตอนนี้” หานลี่ตอบกลับมาโดยที่น้ำเสียงไม่สั่นไหว

“เรื่องนี้ง่ายเพียงนิด ชายชรารับปากท่านแล้ว ส่วนเรื่องของข้อมูลเกี่ยวกับแท่นบูชานั้น หลังจากที่นักพรตออกไปแล้ว ข้าจะให้คนส่งให้ท่านชุดหนึ่งทันที” พระรูปนั้นเมื่อได้ยินแล้ว สีหน้าดูผ่อนคลายลง รับปากออกมาทันที

“ดียิ่งนัก ตราบใดที่กลุ่มพันธมิตรของท่านรักษาสัญญา หลังจากนี้สามปี ผู้แซ่หานจะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้อย่างตรงต่อเวลา” หานลี่ยิ้มออกมา

“ด้วยสถานะของนักพรตแล้ว ในเมื่อรับปากแล้ว ผู้แซ่ปี้เองย่อมต้องวางใจ นี้เป็นสิ่งที่ใช้ส่งสัญญาณเตือน นักพรตท่านเก็บมันเอาไว้ให้ดี เมื่อการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งนั้นเริ่มขึ้น มันจะส่งเสียงเตือนนักพรตออกมา เมื่อถึงเวลานั้นพี่หานเพียงแต่ตามหาสาขาของพันธมิตรพวกเราให้พบ ต่างก็จะจัดการให้นักพรตไปยังทางเข้าของดินแดนเล็กๆ นั่น” พระรูปนั้นพลิกฝ่ามือหยิบเอาแผ่นอาคมแล้วเอ่ยออกมา

“ของสิ่งนี้ ผู้แซ่หานรับไว้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะมารวมตัวกันกับนักพรต” หานลี่เองก็ไม่เกรงใจแล้ว ยกมือออกมา แล้วเก็บแผ่นอาคมเข้าไปในกำไลเก็บของ

เวลาต่อมา พระรูปนั้นก็เอ่ยถึงเรื่องที่ต้องระมัดระวังในการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งแล้ว และหลังจากที่ให้รายละเอียดแผนที่ของแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือด จึงได้ร่ายคาถาเพื่อส่งหานลี่ออกจากที่แห่งนี้

ด้านนอกของม้วนคัมภีร์ สาวงามผู้เย็นชาและคนอื่นๆ รู้สึกว่าเบื้องหน้านั้นพร่ามัว กายของหานลี่ถูกห่อหุ้มไปด้วยลำแสงสีเลือด ปรากฏกายขึ้นด้านหน้าของทุกคนอีกครั้ง

“อาจารย์หาน”

“ผู้อาวุโส”

ทุกคนต่างก็ส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ หรือไม่ก็รีบร้อนก้าวขึ้นไปคำนับด้วยความตกใจหรือยินดี

“ลุกขึ้นเถอะ ทำให้พวกเจ้าเป็นกังวลกันไปแล้ว” หานลี่โบกมือให้ทุกคนลุกขึ้นแล้วยิ้มออกมาจางๆ

ในเวลานี้ สาวงามผู้เย็นชาคนนั้นดูเหมือนว่าทำตามคำสั่งของปี้อิ่งได้สำเร็จลุล่วงแล้ว หลังจากที่ก้าวไปข้างหน้า จึงเอ่ยออกมาด้วยความเคารพ

“ผู้อาวุโสหาน ข้อมูลที่ท่านต้องการ ชนรุ่นหลังได้ส่งสารออกไปแล้ว อีกไม่นานก็จะส่งมาให้ท่าน ขอท่านผู้อาวุโสได้โปรดรอสักเล็กน้อย!”

“ข้ารออยู่ที่นี้มานานถึงเพียงนี้แล้ว แน่นอนว่ารอต่ออีกเพียงนิดย่อมไม่เป็นอะไร” หานลี่เอ่ยตอบกลับอย่างใจเย็น

สาวงามผู้เย็นชาเมื่อยินแล้ว ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาอีก หลังจากที่โค้งกายทำความเคารพแล้ว จึงร่ายคาถาแล้วนำรูปของแปดผีกลืนกินพระพุทธเจ้าเก็บกลับมา แล้วถอยออกไปรออีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่หานลี่ออกมาแล้วชายหนุ่มหน้ากลมที่ยืนด้วยท่าทางเคารพอยู่ด้านข้างตลอดไม่ได้ส่งเสียงใดออกมา

ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม แสงสว่างเพิ่งจะปรากฏขึ้นบนขอบฟ้า ลำแสงสีแดงเข้าพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วอย่างไม่คาดคิด หลังจากที่กะพริบขึ้นไม่กี่ครั้ง ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือทุกคน ลอยวนขึ้นลงไม่หยุดนิ่ง

สาวงามผู้เย็นชาคนนั้นเอื้อมมือออกไปขึ้นสูง

ชั่วขณะหนึ่งลำแสงสีแดงนั้นก็กลายเป็นดาบสีแดงเข้มตกลงมา บนตัวดาบนั้นมาพร้อมกับแผ่นหยกสีเหลืองอ่อน

“ผู้อาวุโส ข้อมูลของแท่นบูชาโบราณได้มาแล้ว”

สาวงามผู้เย็นชานั้นถอดแผ่นหยกออกมา แล้วรีบส่งมอบให้แก่หานลี่

หานลี่รับเอาแผ่นหยกมาไว้ในมือ หลังจากที่ใช้จิตสัมผัสกวาดดูครู่หนึ่งแล้ว ใบหน้าเผยท่าทีพอใจออกมา

“ละเอียดมากจริงๆ ครั้งนี้ลำบากกลุ่มพันธมิตรของพวกท่านแล้ว เวลาไม่เช้าแล้ว ถึงเวลาต้องเดินทางแล้ว”

หานลี่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาให้มากความ หลังจากที่รับแผ่นหยกเอาไว้แล้ว ก็ยกมือข้างหนึ่งออกมา ลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกมา

หลังจากที่เสียงดังกึกก้องดังออกมา ก็เกิดลมแรงขึ้นกลางอากาศ เรือลำสีดำขนาดใหญ่ราวกับเนินเขาเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา

มันคือเรือศักดิ์สิทธิ์วิญญาณน้ำหมึก

ชายหนุ่มใบหน้ากลมและสาวงามผู้เย็นชาเมื่อเห็นเข้ากับของใหญ่โตเช่นนี้ต่างก็พากันตกตะลึง

แต่ด้านของหานลี่กลับนำพวกของเซวี่ยพั่ว บรรพชนฮวาสือและคนอื่นๆ บินขึ้นไป

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเรือขนาดใหญ่ส่งเสียงฮึมฮัมออกมา จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีดำแล้วลอยหายทะลุในอากาศ

เพียงพริบตาเดียว ที่แห่งนั้นก็เหลือเพียงแค่ชายหนุ่มใบหน้ากลมและสาวงามผู้เย็นชาเพียงแค่สองคน

และในตอนที่เรือขนาดใหญ่ยักษ์หายลับไปในพริบตาตรงขอบฟ้าแล้ว สาวงามผู้เย็นชานั้นก็หมุนกายกลับมาในทันที คำนับชายหนุ่มใบหน้ากลมนั้น แล้วเอ่ยออกมาด้วยความเคารพ

“ใต้เท้าปี้อิ่ง ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสหานจะตอบตกลงร่วมต่อสู้แล้ว ยินดีกับใต้เท้าด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่ง โอกาสที่จะชนะของกลุ่มพันธมิตรพวกเราก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน”

“เฮ่อเฮ่อ ถึงแม้ว่านักพรตหานท่านนี้จะมีอิทธิฤทธิ์ที่ไม่ธรรมดา แต่สำหรับราชาผีผู้แข็งแกร่งทั้งสิบแห่งยมโลกแล้ว จำนวนแพ้ชนะก็มีเพียงห้าต่อห้าเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากคนผู้นี้แล้ว กลุ่มพันธมิตรของเราก็หาคนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่เจอแล้ว หวังเพียงว่าคนของอีกฝ่ายที่เข้าร่วมการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งในครั้งนี้ อย่าเป็นราชาผีทั้งสิบของยมโลกทั้งหมดก็พอแล้ว” ชายหนุ่มใบหน้ากลมตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกันใบหน้าก็พร่ามัว แล้วกลายร่างเป็นชายชราใบหน้าเหี่ยวเหลือง ดวงตาขุ่นมัว สวมใส่เสื้อคลุมสีเขียว

ชายหนุ่มใบหน้ากลมคนนี้ กลับคือใต้เท้าปี้อิ่งคนนั้นนั่นเอง

ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีการใดในการปกปิด ถึงได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ แล้วทำให้พลังยุทธ์อยู่ในขั้นของผสานอินทรีย์ได้ และไม่รู้ว่าจะสามารถปกปิดหูตาของหานลี่ได้จริงๆ หรือไม่

“ผู้อาวุโส คนของกลุ่มพันธมิตรการค้าตามหาท่านมีเรื่องสำคัญอะไรหรือไม่? คงจะไม่กระทบต่อ จะไม่ส่งผลกระทบต่อวัตถุประสงค์ในการเดินทางของพวกเราหรอกนะ” บนเรือลำขนาดใหญ่ยักษ์ เซวี่ยพั่วเอ่ยถามออกมาอย่างเป็นกังวลอยู่หลายส่วน

“นักพรตวางใจได้ กลุ่มพันธมิตรการค้าเฮ่อเหลียนเพียงแค่ต้องการให้ข้าช่วยเหลือในเรื่องเล็ก ๆ เท่านั้น และจะไม่กระทบต่อแผนการเดิมของเราแม้แต่น้อย” หานลี่เอ่ยตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ชนรุ่นหลังก็วางใจแล้ว” สีหน้าของเซวี่ยพั่วดูผ่อนคลายลง

หานลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย จู่ๆ ตรงข้อมือก็สั่นไหว ขณะเดียวกันก็เอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง

“เถียนเซียนจื่อ เจ้าสามารถปรากฏกายออกมาได้แล้ว เรื่องที่ข้าสนทนากับนักพรตปี้อิ่งก่อนหน้านั้นค่อนข้างที่จะเป็นความลับ หวังว่าเซียนจื่อจะช่วยเก็บรักษาไว้เป็นความลับ อย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป”

“ฮ่ะฮ่ะ พี่หานวางใจได้ น้องสาวไม่ใช่คนที่ปากมาก อีกทั้งเป็นเพียงแค่ดินแดนเล็กๆ เท่านั้น ไม่ได้อยู่ในสายตาของเผ่าพวกเราอยู่แล้ว หากว่าเผ่าของเราต้องการอยากจะได้มันแล้วละก็ ต้องการเท่าไหร่ พวกเราก็สามารถทำได้เท่าที่ต้องการ ข้าสาบานด้วยมารในจิตใจว่า จะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวแก่ผู้ใด” เสียงหัวเราะกังวานใสดังขึ้นที่หัวเรือในทันที

ตามมาด้วยบนข้อมือของหานลี่เกิดเป็นแสงสว่างวาบสีเขียว ร่างกายงามสง่าปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน

กายงามสวมใสเสื้อคลุมสีเขียวอ่อน ผิวขาวราวหิมะ ผมยาวดำสลวย ใบหน้านั้นดูบอบบางเป็นพิเศษ ปรากฏเป็นสาวงามที่มีดูทรงพลังบีบบังคับผู้คน เพียงแต่ว่าตรงผมสีดำของเธอนั้นมีเขาสีเขียวสั้นอยู่คู่หนึ่ง

เป็นเถียนเฟยเออร์ที่กลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม

เซวี่ยพั่ว บรรพชนฮวาสือและคนอื่นๆ เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ก็พากันตกใจ แต่จากคำพูดของหานลี่ก่อนหน้านั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ใช่ศัตรู ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เกิดการเข้าใจผิดจนต้องลงมือออกไป

“จากความมั่งคั่งของเผ่าท่านแล้ว เชื่อว่าเซียนจื่อคงจะไม่ทำอะไรที่เป็นการผิดต่อมารในจิตใจ ข้าเองก็จะไม่เอ่ยอะไรออกมาให้มากแล้ว” หานลี่พยักหน้า แล้วเผยท่าทีวางใจต่อคำพูดของหญิงสาวคนนี้ออกมา

“ต้องขอบคุณพี่หานที่ช่วยเหลือในครั้งนี้ น้องสาวจึงได้หลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย รอเมื่อถึงงานชุมนุมพระสูตรดอกบัว บุณคุณนี้จะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน ข้าคงไม่รั้งรออยู่ที่นี้นานนัก คงต้องขอจากดินแดนนี้กลับไปยังเผ่าก่อนแล้ว” เถียนเฟยเออร์ยิ้มจางๆ หลังจากที่เอ่ยออกมาสองประโยค ก็รีบเร่งกล่าวคำอำลาออกมา

หานลี่เองก็ไม่รั้งเธอเอาไว้ เอ่ยออกมาสองสามคำ “รักษาตัวเองด้วย” อะไรทำนองนี้ออกมา หญิงสาวคนนี้ก็แปลงกายเป็นกลุ่มลำแสงสีฟ้าแล้วจากเรือขนาดใหญ่ยักษ์นี้ไป พุ่งตรงไปยังทิศทางใดทางหนึ่ง

ส่วนนางจะออกจากดินแดนวิญญาณนี้ได้อย่างไร หานลี่เองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก

“ไปกันเถอะ ข้าได้รับตำแหน่งคร่าวๆ ของแท่นบูชาโบราณมาแล้ว ใกล้ๆ นี้ดูเหมือนว่าจะมีอยู่แห่งหนึ่ง พวกเราไปดูกันที่นั่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หานลี่รอจนเถียนเฟยเออร์จากไปจนไกลแล้ว จึงได้เอ่ยสั่งออกมา

บรรพชนฮวาสือโค้งกายรับคำสั่งในทันที แล้วจึงได้กระตุ้นให้หุ่นเชิดเปลี่ยนทิศทางของเรือเล็กน้อย มุ่งตรงไปยังด้านหน้าด้วยความเร็วที่เร็วขึ้น

“นักพรตเซวี่ยพั่ว เจ้าตามข้ามาที่ห้องโถง ข้ามีบางอย่างจะพูดกับเจ้า” หานลี่เอ่ยสั่งไปยังเซวี่ยพั่ว

เซวี่ยพั่วไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วเขาก็เอ่ยตอบไปด้วยความเคารพ จากนั้นก็เดินตามหลังไป

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็ปรากฏกายอยู่ในห้องโถงกันเพียงลำพัง คนหนึ่งนั่งและอีกคนหนึ่งยืนอยู่

“ตอนนี้นักพรตเซวี่ยก็ได้เข้ามายังแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าด้านล่างนั้นคิดจะทำอย่างไรต่อไป อีกทั้งข้อตกลงกับเจ้าในตอนต้นนั้น ข้าเพียงรับปากว่าจะปกป้องเจ้าเมื่อเจ้าพบเข้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่จะตามหากายเดิมได้อย่างนั้น ยังคงต้องดูที่ความสามารถของนักพรตเอง” หานลี่เอ่ยออกมากับหญิงสาวคนนี้อย่างใจเย็น

“ผู้อาวุโส ชนรุ่นหลังได้คิดเอาไว้แต่เนิ่นแล้ว ชนรุ่นหลังวางแผนเอาไว้ว่าจะกลับไปยังเมืองเซวี่ยเฮ่อที่พบเบาะแสในตอนต้น ในตอนนั้นถึงแม้ว่าจะพบสัญลักษณ์ที่กายเดิมทิ้งเอาไว้ที่นั่น แต่ก็น่าเสียดายเพราะว่าถูกศัตรูไล่ฆ่า จึงไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงอย่างละเอียด ทำได้เพียงแต่หลบหนีไปยังแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวน เชื่อว่าหาให้เวลาข้าเพียงพอแล้ว จะต้องตามหาเบาะแสเพิ่มเติมได้อย่างแน่นอน” เซวี่ยพั่วเอ่ยตอบกลับมาอย่างไม่ต้องคิด

“เมืองเซวี่ยเฮ่อ…ช้าก่อน ข้าขอดูก่อนว่าเมืองนี้อยู่ตรงตำแหน่งใด” สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากที่มือข้างหนึ่งพลิกกลับมาแล้ว ก็นำเอาแผ่นหยกที่ได้รับก่อนหน้านั้นออกมา จากนั้นก็ใช้จิตสัมผัสกวาดลงไปในนั้น

“อยู่ไกลถึงเพียงนี้ หากว่าไม่ใช้เขตอาคมส่งตัวแล้ว อาศัยเพียงบินไปยังเมืองนี้เกรงว่าคงใช้เวลามากถึงครึ่งปีทีเดียว แต่ว่า โชคดีที่บนเส้นทางนี้มีแท่นบูชาโบราณอยู่ไม่น้อย คงไม่ทำให้เรื่องของข้าต้องล่าช้า เช่นนั้นก็ไปยังเมืองเซวี่ยเฮ่อกันเถอะ แต่ว่า เมื่อพบเข้ากับแท่นบูชาโบราณใกล้เส้นทางนี้ ข้าจะต้องใช้เวลาตรวจสอบสักเล็กน้อย คงจะทำให้ล่าช้าไปบ้าง” หลังจากที่หานลี่ดูจนเสร็จแล้ว ก็เอ่ยออกมาอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้

“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว ชนรุ่นหลังไม่มีทางกล้าที่จะทำให้เรื่องสำคัญของผู้อาวุโสต้องล่าช้า เพียงแต่ว่าเมืองเซวี่ยเฮ่อนั้นเป็นขอบเขตอิทธิพลของนิกายเลือดแห่งนั้นที่ข้าเป็นศัตรูอยู่ ข้าคงต้องระมัดระวังอยู่เล็กน้อย” เซวี่ยพั่วยินดีอย่างยิ่ง รีบร้อนเอ่ยออกมาพร้อมทั้งคำนับ

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท