เฉินชางกลับมาที่ห้อง หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วก็เตรียมเข้านอน
จู่ๆ ก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ
[ติ๊ง! เนื่องจากรางวัลที่ได้จากภารกิจช่วงนี้ค่อนข้างมาก เพื่อทำให้เงินรางวัลของคุณมีที่มาที่ไปชัดเจนจึงทำให้เกิดความยุ่งยากอย่างเลี่ยงไม่ได้ ระบบจะมอบบริการด้านการเงินให้แก่คุณ ภายหน้าหากได้รางวัลจากภารกิจ ระบบจะใช้การบริการนี้เพื่อตอบสนอง]
เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ เป็นครั้งแรกที่เฉินชางรู้สึกดีใจ!
ตอนแรกเขาได้รับเงินรางวัลแค่ไม่กี่สิบหยวนยังรับเงินผ่านการจับฉลากได้
แต่ต่อมาเงินรางวัลมีจำนวนมากขึ้น คงนั่งรับรางวัลทั้งวันไม่ได้หรอกนะ?
หากวันๆ เอาแต่ถูกรางวัล เกิดลำบากขึ้นมาจะทำอย่างไร?
เขาคงรับไม่ไหว…ถ้ามีคนมาตรวจสอบคุณทั้งวัน คุณก็คงรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน
ดังนั้นเขาจึงพอใจในการกระทำของระบบมาก อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลอะไร ที่มาของเงินก็เหมาะสม ชีวิตเศรษฐีน้อยยิ่งไร้กังวล!
เฉินชางไอแค่กๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโฆษณาอะไรบางอย่าง
เฉินชางกด [ยอมรับ!] จากนั้นจึงพบว่ามีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เป็นเสียงเตือนข้อความเข้า
“เรียนลูกค้ารหัส186***1132 บัญชีของคุณที่ลงท้ายด้วย 0936 เปิดบัญชีบัตรเครดิตของธนาคารสำเร็จแล้ว…”
เปิดบัญชีสำเร็จ?
เหตุการณ์ต่อไปก็ยิ่งลึกลับ เฉินชางพบว่าในมือถือของตนมีแอพฯหนึ่งปรากฏขึ้น
“สเตรทฟรัช”
แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ถือหุ้น
ระบบจะช่วยฉันเล่นหุ้นหรือ?
ฟังดูไม่เลวเลย!
เฉินชางนอนบนเตียง พลิกตัวไปมาก็ยังนอนไม่หลับ จึงหยิบหนังสือ กายวิภาคระบบประสาท มาอ่าน ประมาณสามนาทีต่อมาก็หลับสนิท
หากเทียบกับหนังสือภาษาอังกฤษแล้ว หนังสือ กายวิภาคระบบประสาท เล่มนี้มีประโยชน์กับบุคลากรทางการแพทย์ที่เจอปัญหานอนไม่หลับจริงๆ เฉินชางอ่านมาสามปีแล้ว
จุดอ่อนเดียวคือหนังสือหนาเกินไป ตอนตกใส่หน้าค่อนข้างเจ็บ
หนึ่งค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบงัน เช้าวันต่อมาเฉินชางยังคงตื่นเช้าเช่นเคย เก็บของเดินทางไปยังโรงพยาบาลตามปกติ
เมื่อวานฝนตกหนัก วันนี้อากาศจึงค่อนข้างสดชื่น
เมื่อเฉินชางเดินเข้าไปยังประตูโรงพยาบาลก็ได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือน
[ติ๊ง! ภารกิจประจำวัน (หากทำสำเร็จติดต่อกันสิบวันจะได้รับภารกิจประจำวันพิเศษหนึ่งครั้ง): ผ่าตัดไส้ติ่งให้สำเร็จด้วยตัวคนเดียวห้าเคส
รางวัลภารกิจ: ทักษะภาษาอังกฤษ (ระดับสูง)]
เฉินชางตกตะลึงไปแล้ว!
มีแบบนี้ด้วยหรือ?
ดูท่าทาง ภารกิจประจำวันนี่เหมือนกับการลงชื่อเข้าใช้ ถึงกับมีภารกิจพิเศษด้วย
แต่ว่า…ภารกิจประจำวันภารกิจนี้ค่อนข้างลำบากจริงๆ
ทำการผ่าตัดไส้ติ่งให้สำเร็จด้วยตัวคนเดียวห้าเคส มีคนป่วยมากขนาดนั้นที่ไหนกัน?
ทว่าเมื่อเห็นรางวัลแล้ว เฉินชางก็ต้องตาลุกเป็นไฟ
ทักษะภาษาอังกฤษ (ระดับสูง)!
เฉินชางไม่ได้ภาษาอังกฤษ แค่พอใช้ได้เท่านั้น จำกัดอยู่ที่ระดับหก ตอนนี้การเรียนหมอต้องเรียนรู้จากนอกประเทศด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ศึกษาการแพทย์ มีประโยชน์กับการพัฒนาตัวเองในภายหลังจริงๆ
เช่นหลี่เป่าซาน แม้จะอายุห้าสิบปีแล้ว แต่เพราะภาษาอังกฤษอันคล่องแคล่วของเขา ทำให้เขามีโอกาสไปประชุมกับนานาชาติบ่อยครั้ง
ทำอย่างไรจึงจะสำเร็จภารกิจนี้ได้?
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ภารกิจแบบนี้มา เฉินชางอยากทำให้สำเร็จจริงๆ
พรุ่งนี้ต้องแข่งขันแล้ว เฉินชางไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้มากนัก วันนี้หัวหน้าแผนกให้ตนตามไปผ่าตัดหลายเคส เฉินชางค่อนข้างคาดหวังกับเรื่องนี้มากกว่า
ติดตามแพทย์ผู้มีชื่อเสียง หากว่า…ไม่สิ มีโอกาสได้ทักษะแค่หนึ่งในร้อยเท่านั้น
ไม่นานก็ถึงเวลาแลกเวร ตอนที่หลี่เป่าซานเข้ามาในห้องทำงาน เห็นได้ชัดว่าอยู่ในอารมณ์ไม่ดี ใบหน้าเคร่งขรึม หลังจากแลกเวรเสร็จก็พูดว่า
“ผมมีเรื่องจะพูดเรื่องหนึ่ง”
ทุกคนสบตากัน ใครไปหาเรื่องหัวหน้าหลี่ของพวกเราล่ะ?
หลี่เป่าซานยืนอยู่บริเวณนั้น อารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “เช้านี้ผมได้รับข่าวมาอย่างหนึ่ง เวลาประมาณสิบโมงเช้า แผนกเวชระเบียนและแผนกประกันสุขภาพของโรงพยาบาลจะมาตรวจสอบแผนกฉุกเฉิน”
“ผู้ป่วยเคสผ่าตัดไส้ติ่งและเคสผ่าตัดถุงน้ำดีในมือทุกคนต้องมอบให้แผนกศัลยกรรมทั่วไป มิฉะนั้นหากแผนกประกันสุขภาพตรวจพบจะส่งรายงานลงไป ทุกคนดูด้วยนะครับว่าในมือพวกคุณมีผู้ป่วยประเภทนี้อยู่หรือเปล่า”
โดยพื้นฐานแล้ว ระบบการทำงานของแผนกฉุกเฉินจะใช้การถ่ายโอนผู้ป่วย เมื่อจบขั้นตอนแรกเข้าจะต้องถ่ายโอนผู้ป่วยไปยังแผนกที่แตกต่างกันไป
ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ คนด้านล่างพลันรู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสือน่า ในมือเธอมีผู้ป่วยแบบนี้มากที่สุด
แผนกฉุกเฉินกลายเป็นตัวเปรียบเทียบ
นี่คือแผนกครบวงจร ป่วยน้อยป่วยมากก็มาได้ หมอแผนกฉุกเฉินมักจะมองแผนกฉุกเฉินเป็นหอผู้ป่วยทั่วไป การผ่าตัดเล็กๆ จะรับไว้เอง นี่เป็นการเพิ่มรายได้ให้หมอ
การผ่าตัดเล็กๆ เหล่านี้ ปกติทำกันได้ทุกคนจึงไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับเรื่องอนุสัญญา
แต่ตอนนี้ฝ่ายเวชระเบียนและแผนกประกันสุขภาพจะมาตรวจสอบ เห็นได้ชัดว่ามีการสอดมือเข้ามายุ่ง!
สือน่ารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที “หัวหน้าแผนกคะ เมื่อก่อนพวกเราก็ทำ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาตรวจสอบเอาตอนนี้ล่ะคะ? วันนี้ในมือฉันมีคนไข้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดอยู่สี่ห้าคน ถ้าถ่ายโอนไปตอนนี้จะทำให้ผู้ป่วยรับภาระหนัก และจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีกมาก”
หลี่เป่าซานก็อารมณ์ไม่ดี ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ?
เดิมทีหมอแผนกฉุกเฉินมีรายได้ไม่มากอยู่แล้ว ดีที่อาศัยการผ่าตัดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้หาเงินเพิ่มได้บ้าง แผนกศัลยกรรมทั่วไปของพวกคุณเป็นแผนกใหญ่ วันๆ รู้จักแต่แย่งเคสผ่าตัดเล็กๆ ไปจากแผนกฉุกเฉิน ไม่รู้สึกขายหน้าหรือไง?
แล้วยังมีจางโหย่วฝูอีก คนคนนี้ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ถึงกลับทำเรื่องแบบนี้เพื่อหมอเล็กๆ คนเดียวเชียว
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลี่เป่าซานก็รู้สึกทนไม่ไหว “การตรวจสอบกะทันหันของโรงพยาบาลจะมีขึ้นในช่วงสองวันนี้เท่านั้น หลังจากสองวันนี้ผ่านไปจะเป็นเหมือนปกติ ทุกคนเตรียมตัวให้ดีนะครับ อย่าให้แผนกประกันสุขภาพหักเงินเอาได้”
ตอนนี้เฉินชางเข้าใจกระจ่างขึ้นมาแล้ว!
นี่กำลังเล่นงานตนสินะ!
เล่นงานแผนกฉุกเฉินที่ไหนกัน?
ต่อให้จางโหย่วฝูมีความสามารถขนาดไหนก็ไม่กล้าเล่นงานแผนกฉุกเฉินตรงๆ หรอก?
เมื่อถ่ายโอนผู้ป่วยในมือไป ตนก็ไม่มีเคสผ่าตัดให้ฝึกฝน จนกระทั่งการแข่งขันจบลง ผู้ป่วยก็ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ผู้ป่วยกลุ่มต่อไปก็ไม่ต้องสนใจอีก
เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้ตนฝึกฝน!
ประการแรกไม่ส่งผลต่อกำไรระยะยาวของหมอในแผนกฉุกเฉิน ประการที่สองได้ทำตามเป้าประสงค์ของตัวเอง มีอะไรไม่ดีกันล่ะ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็หัวเราะเสียงเย็น
กลัวก็แต่ว่าพวกคุณจะวางแผนผิดจนล้มเหลวไปเอง!
ครั้งนี้จะทำให้พวกคุณรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าทักษะชั้นยอด!
หลังจากหลี่เป่าซานออกไปจากห้องทำงานก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายออกไป
“ฮัลโหล? ไม่มีอะไรครับ คือว่า…”
ที่ผ่านมาหลี่เป่าซานเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น วันนี้รับปากไว้แล้วว่าจะพาเฉินชางไปฝึกฝนและช่วยชี้แนะให้อีกฝ่าย ย่อมต้องทำให้ได้
แต่คิดไม่ถึงว่าจางโหย่วฝูจะทำเรื่องเช่นนี้เพื่อลูกศิษย์ของตัวเอง ทำให้เขาไม่มีเคสผ่าตัดในแผนกเหลืออยู่เลย
ถ้าไม่มีก็ต้องหาเอาจากข้างนอก!
เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกไปสองสามครั้ง ล้วนเป็นโรงพยาบาลที่เขาไปมาหาสู่อยู่บ่อยๆ หาอยู่ครึ่งค่อนวันก็พบโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากเมืองมณฑลไม่ไกล ขับรถประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงเขาเรียกเฉินชางมาที่ห้องของตน
“เก็บของเลยครับ ผมจะพาไปผ่าตัดนอกสถานที่ มีเคสผ่าตัดไส้ติ่งอยู่หลายเคสพอดี คราวนี้ผมจะชี้แนะคุณให้ดี”
เฉินชางชะงักไป ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “หัวหน้าแผนกครับ ไม่ต้องลำบากหรอก ผมคิดว่าการผ่าตัดไส้ติ่งของผมพอใช้ได้แล้ว ไม่ต้องลำบากคุณขนาดนี้หรอกครับ…”
ความจริงเฉินชางรู้สึกซาบซึ้งใจกับการกระทำของหลี่เป่าซานมาก ในฐานะหัวหน้าแผนกคนหนึ่ง พูดคำไหนคำนั้นได้ย่อมเป็นเรื่องดี
เมื่อได้ยินเฉินชางพูดเช่นนี้ ในใจของหลี่เป่าซานก็ราวกับได้รับการปลอบโยน แค่เด็กคนนี้รู้ถึงความลำบากใจของตนก็นับว่าไม่ลำบากเสียเปล่าแล้ว
แต่หลี่เป่าซานยังคงพูดต่อไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ไร้สาระ บอกว่าผ่าตัดได้ก็ได้งั้นเหรอ? ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแบบไหนก็ต้องฝึกฝนเป็นพันเป็นหมื่นเคสไม่หยุดหย่อนถึงจะทำได้ดี! เร็วเข้า อีกสิบนาทีออกเดินทาง ผมจะไปหาเหล่าเฉินก่อน ไปพูดกับเขาสักหน่อย”
เฉินชางสูดหายใจลึก มองหลี่เป่าซานด้วยความรู้สึกเบิกบานใจ
เนื่องจากมีโอกาสทำภารกิจให้สำเร็จแล้ว แต่ว่า…ที่ดีกว่าคือการได้เจอหัวหน้าดีๆ!
Next