ทำไมต้วนปัวถึงกลายเป็นคนสนิทของจางโหย่วฝูได้ล่ะ?
เพราะเขามีความสามารถเช่นนี้อย่างไรล่ะ!
เดาได้ว่าหัวหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่คำพูดก็พูดได้ถูกใจคนเป็นหัวหน้า
ประการแรก จางโหย่วฝูมีฐานะเป็นศัลยแพทย์ด้านตับและถุงน้ำดี ความสามารถทั้งหมดไปรวมกันอยู่ที่ระบบตับและถุงน้ำดี ซึ่งอาการป่วยในระบบถุงน้ำดีเป็นอาการป่วยที่เห็นได้บ่อยที่สุด เลือกพูดเกี่ยวกับโรคนี้ จางโหย่วฝูย่อมเชี่ยวชาญมากที่สุด!
ประการต่อมา ผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบถุงน้ำดีมีมาก ยิ่งไปกว่านั้นฤดูนี้เป็นฤดูที่มีผู้ป่วยโรคถุงน้ำดีอักเสบมากที่สุด ดังนั้นหากบรรยายเรื่องอาการเหล่านี้ย่อมต้องมีคนดูมาก
ประการสุดท้าย ตอนนี้แผนกของพวกเขากำลังขาดแคลนผู้ป่วยประเภทนี้เป็นพิเศษ ตั้งแต่แผนกฉุกเฉินมีห้องผ่าตัดเป็นของตัวเองก็ไม่มาที่นี่หนึ่งสัปดาห์แล้ว ผู้ป่วยที่ถูกส่งมายังแผนกศัลยกรรมภายนอกลดน้อยลงมาก หากบรรยายเรื่องนี้จะช่วยแก้ไขสถานการณ์เร่งด่วนนี้ได้ดี
ดังนั้นเมื่อต้วนปัวพูดออกไป จางโหย่วฝูก็พอใจมาก!
ไม่เพียงแต่พอใจเรื่องเนื้อหาที่เลือก แต่ยังพอใจในตัวต้วนปัวมากขึ้นด้วย
จางโหย่วฝูหัวเราะ มองไปทางต้วนปัว จงใจเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ทำไมล่ะ?”
ต้วนปัวแสร้งทำเป็นจริงจัง “หัวหน้า คุณคิดดูสิครับ! ตอนนี้…”
หลังจากต้วนปัวแจงเหตุผลไปแล้ว จางโหย่วฝูก็หัวเราะออกมาโดยพลัน “คุณเนี่ยนะ เข้าใจผมดีจริงๆ!”
ต้วนปัวหัวเราะตาม “เป็นพรหมลิขิตน่ะครับ หัวหน้า พวกเราเป็นพวกเดียวกัน”
เมื่อหัวเราะเสร็จ ต้วนปัวก็ส่งบุหรี่มวนหนึ่งให้จางโหย่วฝูแล้วจุดไฟให้
จางโหย่วฝูสูบเข้าไปเฮือกใหญ่ “เฮ้อ…หลี่เป่าซานคนนี้ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ ถึงกับเอาห้องผ่าตัดไปสองห้อง ทำเป็นห้องผ่าตัดของตัวเอง ผู้ป่วยแผนกเราก็ลดลงทันที”
ต้วนปัวพยักหน้า “ความจริง…หัวหน้าครับ ผมมีวิธีอยู่นะครับ วิธีที่จะทำให้พวกเขาส่งผู้ป่วยมาให้เรา แล้วยังเป็นการตบหน้าพวกเขาเองด้วย”
จางโหย่วฝูได้ยินดังนั้นดวงตาเปล่งประกาย “วิธีอะไรหรือ?”
ต้วนปัวกล่าวว่า “ตอนนี้แผนกฉุกเฉินก็แค่สร้างสถานการณ์เพื่อข่มขู่เท่านั้นแหละครับ!”
จางโหย่วฝูขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
ต้วนปัวยิ้มอย่างลึกลับ “หัวหน้าครับ คุณไม่รู้หรือว่าตอนนี้แผนกฉุกเฉินอยู่ในสถานการณ์แบบไหน? แผนกฉุกเฉินก็เหมือนกาน้ำชาว่างเปล่า แค่สร้างสถานการณ์ข่มขู่คนอื่น! คุณลองคิดดู แผนกฉุกเฉินมีหมอผ่าตัดทั้งหมดกี่คน ศัลยแพทย์ของแผนกฉุกเฉินมีทั้งหมดไม่ถึงเก้าคนด้วยซ้ำ หลี่เป่าซานก็ยุ่งอยู่กับการผ่าตัดทั้งวัน จะมีเวลาไปสนใจการผ่าตัดเล็กๆ อย่างโรคถุงน้ำดีอักเสบที่ไหนกันล่ะครับ อีกอย่างอันเยี่ยนจวินก็ถูกจัดไปเป็นฝ่ายศัลยศาสตร์แล้ว เฉินปิ่งเซิงคนเดียวจะดูแลการผ่าตัดได้มากขนาดไหนกันเชียว?”
“ส่วนสือน่า แค่ผู้ป่วยรายวันก็มากจนปลีกตัวมาดูแลเรื่องการผ่าตัดไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นระดับฝีมือการผ่าตัดของสือน่า…ธรรมดามาก! คุณคงไม่รู้สินะครับ ตอนเรียนผมเป็นเพื่อนร่วมเรียนกับเธอ เธอเลือกแผนกศัลยกรรมกระดูก จะทำการผ่าตัดเกี่ยวกับตับและถุงน้ำดีได้ยังไง?”
“พอเป็นแบบนี้ก็เหลือแค่หมอเล็กไม่กี่คนแล้ว เป็นแค่พวกหมอเล็กหมอน้อย จะทำการผ่าตัดเกี่ยวกับตับและถุงน้ำดีของพวกเราได้หรือ? เดิมทีความอันตรายในการผ่าตัดถุงน้ำดีอักเสบก็มากอยู่แล้ว พวกเขาจะทำได้หรือ? หลี่เป่าซานจะวางใจให้พวกเขาทำหรือ? เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
จางโหย่วฝูได้ฟังคำพูดของต้วนปัว ดวงตาก็แทบจะเปล่งแสงได้!
ใช่แล้ว!
ตนกลัวอะไรล่ะ?
พวกเขามีหมอเล็กหมอน้อยอยู่ไม่กี่คน คิดว่ามีห้องผ่าตัดแล้วจะผ่าตัดได้หรือ?
ล้อเล่นกันละมั้ง!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไม่ให้ผู้ป่วยพวกเขาเลย ต่อให้โอนผู้ป่วยทั้งหมดไปให้เขา เขาจะทำได้หรือ?
พอถึงตอนนั้น ผู้ป่วยไม่ได้รับการผ่าตัด เมื่อยืดเยื้อออกไปอาการป่วยก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น ถึงตอนนั้นหลี่เป่าซานจะมีความสามารถแค่ไหนกันเชียว?
วิธีนี้ของต้วนปัวดีจริงๆ!
ยอดเยี่ยมไปเลย!
หลี่เป่าซาน ถึงตอนนั้นถ้าไม่อยากถูกกำจัดก็ต้องเชิญแผนกศัลยกรรมภายนอกของพวกเราไปผ่าตัดแน่นอน ไม่ใช่ว่าจะต้องส่งผู้ป่วยมาที่แผนกหรือ? ถึงตอนนั้น…ก็นำจุดอ่อนนี้ไปบีบบังคับให้มากหน่อย ทุกสิ่งทุกอย่างก็คุยกันง่ายแล้ว
ต้วนปัวเห็นหน้าตามีความสุขของจางโหย่วฝูก็รีบพูดขึ้นว่า “ผมว่านะครับหัวหน้า คุณช่วยพวกเขาสักหน่อยเถอะ!”
จางโหย่วฝูกล่าวถาม “ช่วยยังไง?”
ต้วนปัวยิ้มลึกลับ “วันเสาร์คุณมีผู้ป่วยมากไม่ใช่หรือครับ? พวกเราก็ส่งไปที่แผนกฉุกเฉินให้มากสักหน่อยสิครับ!”
เมื่อจางโหย่วฝูได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาทันที
……
……
เวรวันเสาร์ค่อนข้างยุ่ง เนื่องจากที่แผนกมีคนน้อย เฉินชางต้องเป็นเหมือนพ่อและแม่ ต้องเขียนประวัติผู้ป่วย ต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน และต้องเตรียมรับผู้ป่วยทุกเวลา
“หมอเสี่ยวเฉิน! มีผู้ป่วยมาแล้ว!”
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง เฉินชางเพิ่งจะถามอาการผู้ป่วยไปก็มีเสียงเร่งดังขึ้น
“หมอเสี่ยวเฉิน ผู้ป่วยคนนี้มีอาการเจ็บบริเวณถุงน้ำดี”
เฉินชางรีบจัดการให้เรียบร้อย
แผนกฉุกเฉินไม่ใช่ห้องผู้ป่วยทั่วไปที่จะค่อยๆ ทำไปช้าๆ ก็ได้
อาการป่วยของผู้ป่วยที่แผนกฉุกเฉินอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา คุณจะกล้าประมาทที่ไหนกัน
จนถึงเวลาประมาณหกโมงเย็น เฉินชางใกล้เลิกงานแล้วแต่ยังทำงานไม่เสร็จ ตอนบ่ายเขารับผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบถุงน้ำดีไปทั้งหมดแปดคน
นี่มันบ้าบออะไรกัน?
พระเจ้ารู้ว่าแผนกฉุกเฉินมีห้องผ่าตัดเป็นของตัวเองเลยเรียกคนไข้มาให้หลายๆ คนหรือ?
จนกระทั่งห้าทุ่ม เฉินชางจึงค่อยจัดการผู้ป่วยเสร็จ จากนั้นก็เลือกวันผ่าตัด
จนถึงตอนนี้ มีผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมกับหกคนที่มีอยู่แต่เดิม ทำให้ตอนนี้มีผู้ป่วยที่รอผ่าตัดวันจันทร์ทั้งหมดสิบสี่สิบห้าคนแล้ว ทำไม่เสร็จในวันเดียวแน่นอน
เมื่อเลิกงาน เฉินชางก็ง่วงจนหลับไปทันที ไม่ได้สนใจอย่างอื่นอีก
เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเจ็ดโมงแล้ว เขารีบเก็บของแล้วเดินทางไปยังคลินิกจื้อซินทันที เมื่อวานหลังจากจางจื้อซินตรวจดูแล้วก็พบว่าวันนี้อาการบวมจะหายอย่างสมบูรณ์ เฉินชางอยากไปดูสักหน่อยว่าผลการผ่าตัดเป็นอย่างไร
การฟื้นตัวบริเวณใบหน้าของเสี้ยวเถียนฮวาไม่มีอะไรร้ายแรง อาการบวมลดลงมาก จางจื้อซินมาถึงคลินิกแต่เช้า อยากเห็นความสำเร็จนี้ด้วยกัน
ความจริง จางจื้อซินไม่อาจสงบใจได้เลย ใครจะรับประกันอนาคตได้ล่ะ?
จนกระทั่งเวลาประมาณแปดโมง แม้แต่หยางเทาและฉินเสียงก็มาด้วย ความจริงพวกเขาสองคนก็คาดหวังมาก อยากรู้ว่าหากเสี้ยวเถียนฮวาฟื้นตัวแล้วจะมีสภาพอย่างไร
อย่างไรเสียการออกแบบก็เป็นแค่การออกแบบ เป็นเหมือนแนวคิดเท่านั้น ส่วนความจริงไม่มีใครรับประกันได้
ก็เหมือนกับรูปที่ถ่ายจากผู้ซื้อและผู้ขาย อย่างไรก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง
ทั้งสี่เดินทางไปที่ห้องของเสี้ยวเถียนฮวาด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม เธอพักอยู่ที่ห้องวีไอพี มีพยาบาลและคนดูแลคอยดูแลโดยเฉพาะ หลายวันนี้เสี้ยวเถียนฮวาพักอยู่ที่คลินิกเพื่อให้มั่นใจว่าดวงตาจะได้รับการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ
เสี้ยวเถียนฮวาพูดว่า “ฉันตื่นเต้นจังเลยค่ะ”
จางจื้อซินคิดในใจว่า คุณตื่นเต้น แต่ผมตื่นเต้นกว่าคุณอีก ยังไงเสีย…อึหมูบ้านคุณก็ไม่ต้องใช้ตังค์…
เฉินชางพูดขึ้นว่า “แกะออกเถอะครับ คงฟื้นตัวมากแล้ว”
หยางเทาและฉินเสียงเดินตามอยู่ด้านหลังโดยไม่พูดอะไร รอช่วงเวลาปาฏิหาริย์ปรากฏ!
ต้องทราบว่าการศัลยกรรมความงามก็เป็นเช่นนี้ ทุกครั้งที่แกะผ้าพันแผลจะให้ความรู้สึกคล้ายกับการเปิดหน้าเจ้าสาวในสมัยโบราณ เต็มไปด้วยความยินดีและตื่นเต้น
แน่นอน บางครั้งก็อาจตกใจได้
ผ้าพันแผลค่อยๆ ถูกแกะออกจนกระทั่งไม่มีอะไรอยู่บนใบหน้าอีก พริบตานั้นใบหน้าสะอาดสะอ้านพลันปรากฏต่อสายตาทุกคน!
ในชั่วขณะที่ทุกคนเห็นใบหน้านั้น ในใจก็อดสั่นสะท้านไม่ได้!
สวยมากหรือ?
แน่นอนว่าไม่ใช่!
ความจริงสิ่งที่สร้างความสั่นสะท้านมากที่สุดไม่ใช่ความงามดั่งบุปผา
สิ่งที่ทำให้สั่นสะท้านก็คือการเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังผ่าตัดต่างหาก!
!!!
คนที่อยู่ในห้องต่างเป็นคนผ่าตัดให้เสี้ยวเถียนฮวาด้วยมือตัวเอง ย่อมคุ้นเคยกับใบหน้าดั้งเดิมเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เมื่อเทียบกับใบหน้าก่อนหน้านี้แล้ว เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าพลิกดินเลยทีเดียว!
จางจื้อซินตื่นเต้นจนพูดจาตะกุกตะกัก!
“สะ…สุดยอดไปเลย! ผลงานชิ้นเอก! นี่เรียกว่าคลาสสิค!”
เสี้ยวเถียนฮวาได้ยินดังนั้นหัวใจพลันเต้นตึกตัก ไม่สนใจอย่างอื่น รีบเรียกหากระจกทันที “ส่งกระจกมาให้ฉันหน่อย!”