การผ่าตัดด้วยการส่องกล้องไม่ได้มีแค่การส่องกล้องที่ช่องท้องเท่านั้น! ยังมีการส่องกล้องตรวจมดลูก ส่องกล้องตรวจช่องอก และอื่นๆ อีก…
การผ่าตัดเหล่านี้จำเป็นต้องเจาะรูเพื่อสอดอุปกรณ์เข้าไป แม้แต่ตัวเฉินชางเองก็คิดไม่ถึงว่าวิธีการที่ตนคิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจจะส่งผลกระทบในวงกว้างขนาดนี้
แม้เป็นการเย็บแบบเดียวกัน แต่หากคนเย็บเป็นคนละคน ผลย่อมออกมาไม่เหมือนกัน หากต้องการทำได้ถึงขั้นไร้บาดแผลเหมือนเฉินชางคงทำให้เป็นจริงได้ยาก
หลังเลิกงานเฉินชางก็ไปที่โรงพยาบาลซื่อปาเพื่อติดต่อกับอีกฝ่ายเรื่องการผ่าตัด
เมื่อนั่งรถแท็กซี่มาถึงอย่างเร่งรีบ กัวเฉิงก็ออกมาต้อนรับ
ความจริงการผ่าตัดไม่ยากนัก แต่ทุกคนเป็นผู้สูงอายุที่เกษียณแล้วทั้งนั้น อายุค่อนข้างมาก กัวเฉิงกังวลว่าสภาพของผู้ป่วยจะไม่มั่นคงจึงหวังว่าเฉินชางจะมาช่วยสักหน่อย หากพบเรื่องเหนือคาดอะไรขึ้นมา หวังว่าจะพอมีทางหนีทีไล่
ชีวิตคนเรามักเต็มไปด้วยเรื่องบังเอิญ การผ่าตัดครั้งแรกเพิ่งจะเริ่มขึ้น หมอทุกคนก็เจอดีแล้ว!
ชายชราอายุแปดสิบกว่าปีแล้ว อายุเท่านี้มีไม่กี่โรงพยาบาลที่เต็มใจผ่าตัดให้ผู้ป่วย แต่ชายชรายังร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคอะไรมาก โรคเพียงอย่างเดียวที่เป็นก็คือกระเพาะและลำไส้อักเสบเรื้อรัง
ชายชราชื่อจิ้นตงไหล เขามักหัวเราะอยู่เสมอ ตอนนี้ใกล้จะได้เวลาผ่าตัดแล้วจึงกล่าวปลอบใจหมอไปว่า “คนหนุ่มสาวก็ต้องทำงานให้มากหน่อย อย่าได้หวั่นกลัว อย่าเครียดไปเลยครับ”
สภาพจิตใจชายชราดีมาก ว่ากันว่าตอนหนุ่มๆ เคยเป็นทหาร ภายหลังจึงมาทำงานด้านความปลอดภัยสาธารณะ ตอนนั้นยังขี่ม้ากันอยู่ แต่เพราะต้องออกไปปฏิบัติภารกิจบ่อยๆ กินข้าวไม่เป็นเวลาติดต่อกันนาน ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยตั้งแต่หนุ่มๆ ถุงน้ำดีอักเสบกำเริบหลายครั้งแต่ไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดมาโดยตลอด จนกระทั่งก่อนหน้านี้ไม่นาน เขามีอาการเจ็บบริเวณท้องด้านขวาจนทนไม่ไหวจึงยอมเข้ารับการผ่าตัด
จากคำพูดของกัวเฉิง ลูกๆ ของชายชรามีความสามารถมาก ลูกชายคนโตเปิดบริษัทอยู่ที่อเมริกา ลูกชายคนที่สองทำงานทางด้านการเมือง ส่วนลูกสาวแต่งให้คนใหญ่คนโตในสายอาชีพหนึ่ง ทุกคนยุ่งมาก ในหนึ่งปีกลับมาน้อยครั้ง
ภรรยารอเขาอยู่บริเวณประตูเพื่อคอยดูแลเขาเมื่อผ่าตัดสำเร็จ ที่บ้านมีคนดูแลคนหนึ่ง เป็นหลานห่างๆ ที่คุ้นเคยกันดี เธอคอยดูแลทั้งสองมาตลอด
การผ่าตัดเริ่มขึ้นแล้ว กัวเฉิงผ่าตัดด้วยตัวเองโดยให้เฉินชางเป็นลูกมือ ข้างกายยังมีหมออายุน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย คงเป็นนักศึกษาที่เรียนจบปริญญาโทมาไม่กี่วัน ยังดูเยาว์วัย ยืนอยู่ข้างเตียงผ่าตัด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
จะอย่างไรกัวเฉิงก็คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะสอดกล้องเข้าไปก็พบปัญหาแล้ว!
พังผืดบริเวณช่องท้องค่อนข้างรุนแรง ตอนที่สอดกล้องเข้าไปพบว่าลำไส้เล็กส่วนดูโอดีนัมบวมผิดปกติ และมีพังผืดซึ่งเกิดจากการอักเสบระยะยาวบริเวณลำไส้ มีความเสียหายแบบเรื้อรัง ถ้าหากไม่ใส่ใจ อีกไม่นานคงแตก!
นี่ทำให้กัวเฉิงตกใจกลัว!
เฉินชางรีบพูดขึ้นว่า “เตรียมผ่าเปิดท้อง!”
กัวเฉิงรู้สึกกระวนกระวายแต่ยังพยายามสูดหายใจลึกๆ แล้วเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อเตรียมผ่าเปิดท้อง เฉินชางเห็นกัวเฉิงเคร่งเครียดเช่นนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ให้ผมทำให้ไหมครับ?”
กัวเฉิงรีบพยักหน้าทันที!
การพัฒนาของแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลซื่อปาค่อนข้างแย่จริงๆ แม้แต่หัวหน้าแผนกก็ยังเป็นเช่นนี้ เฉินชางอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ อุปกรณ์ในห้องผ่าตัดนี้ค่อนข้างใหม่ ตอนที่ถืออยู่ในมือก็รู้สึกได้ว่ามันแพงมาก!
โรงพยาบาลนี้มีอุปกรณ์และโปรแกรมที่หรูหรา แต่ฝีมือของหมอกลับค่อนข้าง…ทนดูไม่ได้เลย!
กัวเฉิงคงอายุไม่ถึงสี่สิบปี ไม่ได้อายุมากกว่าเหล่าเฉินเลย แต่ฝีมือ…แย่กว่ามาก เฉินชางไม่รู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกได้อย่างไร
มิน่าล่ะ สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยจึงต้องพาไปผ่าตัดที่อื่น ถ้าคุณทำได้ใครจะไปผ่าตัดที่อื่นล่ะ?
แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเฉินชาง เขามาผ่าตัดเท่านั้น!
……
……
ขณะนี้เฝิงอ้ายฮว๋า ภรรยาของจิ้นตงไหลกำลังนั่งรออยู่นอกห้องผ่าตัดด้วยท่าทีไม่สบายใจ มีหยางยานีผู้เป็นคนดูแลนั่งอยู่ด้านข้าง กล่าวปลอบใจว่า “คุณป้าคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณลุงเป็นคนดีสวรรค์คุ้มครอง ไม่ต้องกังวลนะคะ!”
เฝิงอ้ายฮว๋าถอนใจออกมาก่อนจะยิ้มให้พลางตบเบาๆ ไปที่มือของหยางยานี กล่าวขึ้นว่า “ยานี เธอไม่เข้าใจ คนเราพอแก่ตัวแล้ว คนที่ใส่ใจที่สุดก็คือคู่ชีวิต อายุเท่าฉันไม่ต้องเป็นห่วงลูกๆ ไม่ต้องพึ่งพาลูกๆ แต่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขา ถ้าเขาไม่อยู่ ฉันอยู่ไปก็ไม่มีความหมาย”
“เขาก็มีความคิดเหมือนฉัน ลูกหลานก็มีความสุขของลูกหลาน พวกเราไปยุ่งไม่ได้หรอก ฉันแค่อยากให้เขาปลอดภัย แต่บางครั้งฉันก็คิดว่าเขาไปก่อนก็ดี เพราะถ้าฉันไปก่อน เขาอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้แน่ ถึงเขาจะเป็นทหารมาชั่วชีวิต จับคนชั่วมามาก แต่จริงๆ ใจอ่อนมากเลย”
“ฉันยังจิตใจแข็งแกร่งกว่าเขาอีก…”
คนแก่มักจะชอบการพูดคุย คนที่นั่งอยู่ข้างกายเฝิงอ้ายฮว๋าก็คือหยางยานี ส่วนลูกๆ ไม่ได้อยู่ด้วย จึงทำได้เพียงพูดคุยกับหลานห่างๆ คนนี้ ดีที่มียานีคอยทำงานทั่วไปในชีวิตประจำวันจำพวกซักเสื้อผ้าทำอาหาร ทำให้เฝิงอ้ายฮว๋ามีเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านและหน้าตาอิ่มเอม
เฝิงอ้ายฮว๋าก็เป็นคนเมืองที่รักหน้าตาคนหนึ่ง ต้องการความเหมาะสม ต้องการความสะอาดสะอ้าน แต่เธอแก่แล้ว ทำงานสู้พวกคุณไม่ได้ และลูกๆ ของเธอก็ไม่แน่ว่าจะทำได้เหมือนหยางยานีที่ทำความสะอาดทั้งภายนอกภายในได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังคอยเก็บของจนเป็นระเบียบ
ตอนนี้ จู่ๆ โทรศัพท์ของหยางยานีก็ดังขึ้น เมื่อเธอหยิบมาดูพบว่าด้านบนเขียนว่า “จิ้นชิงจื้อ”
หยางยานีพูดว่า “คุณป้าคะ พี่ชิงจื้อโทรมา”
เฝิงอ้ายฮว๋าเห็นว่าเป็นลูกคนโตจึงพูดว่า “รับเถอะ”
เพิ่งจะรับโทรศัพท์ก็มีเสียงด่าดังขึ้น “หยางยานี พ่อฉันเลอะเลือนแล้ว เธอก็เลอะเลือนไปด้วยหรือไง? พ่อฉันอายุมากขนาดนั้น จะผ่าตัดเธอยังให้เขาไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลผู้สูงวัยอีก ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา เธอรับผิดชอบไหวหรือ?”
“เธอไม่ดูหน่อยล่ะว่าโรงพยาบาลเก่าๆ นั่นมีสภาพยังไง ได้ยินพวกคนแก่บอกว่า คนเราแก่แล้วแก่เลย ทำอะไรไม่เป็น เธอก็ต้องเตือนเขาให้มากหน่อย คิดแทนพวกเขาให้มากหน่อย นี่มันยุคอะไรแล้ว…”
หยางยานีถูกด่าอยู่ครึ่งค่อนวันโดยไม่ได้พูดสอด สถานการณ์นี้เธอเจอจนชินแล้ว
เฝิงอ้ายฮว๋าที่อยู่ด้านข้างทนฟังไม่ไหวจึงรับโทรศัพท์มาพูดว่า “จิ้นชิงจือ ถ้าลูกรู้จักพูดสักหน่อยก็พูด ถ้าไม่รู้จักพูดก็อย่าพูด!”
เมื่อพูดจบเฝิงอ้ายฮว๋าก็วางโทรศัพท์ไป!
ไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง หยางยานีรับโทรศัพท์ด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน “ค่ะพี่”
คราวนี้จิ้นชิงจื้อไม่กล้าระบายอารมณ์อีก แต่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี “ยานี เธออย่าส่งโทรศัพท์ให้แม่ฉันสิ ฉันกำลังพูดเรื่องจริงจังกับเธอนะ หลังจากที่รู้เรื่องการผ่าตัด ฉันก็เชิญผู้เชี่ยวชาญจากปักกิ่งมาคนหนึ่ง คราวนี้เขามาผ่าตัดให้พ่อฉันโดยเฉพาะ ตอนนี้ถึงโรงพยาบาลแล้ว เธออยู่ที่ไหน?”
หยางยานีได้ยินดังนั้นก็รีบบอกเฝิงอ้ายฮว๋าว่า “คุณป้าคะ พี่ชิงจื้อพาผู้เชี่ยวชาญจากเมืองหลวงมาที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ!”
……
……
จิ้นชิงจื้อพาเพื่อนเก่าของตนมาด้วย ตอนนี้เพื่อนเขาเป็นรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปเกี่ยวกับตับและถุงน้ำดีอยู่ที่โรงพยาบาล 301 คราวนี้เขาเชิญอีกฝ่ายมาที่เมืองอันหยางเพื่อมาผ่าตัดให้พ่อเขาโดยเฉพาะ ตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาล
“ผู้อำนวยการซุน เรื่องนี้รบกวนคุณจริงๆ ครับ” จิ้นชิงจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม
ซุนเจิ้งเหว่ยพูดว่า “ไม่หรอกครับ พวกเราให้ความใส่ใจกับการผ่าตัดของคุณจิ้นมาก หัวหน้าแผนกกัวเฉิงเป็นศัลยแพทย์หลัก แล้วยังเชิญหมอท่านหนึ่งมาจากโรงพยาบาลอันดับสองด้วยนะครับ ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่ พวกเรารีบไปดูกันเถอะ”
“ชิงจื้อ คุณก็เป็นลูกกตัญญูจริงๆ นะครับ อุตส่าห์เชิญหัวหน้าหลี่ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากเมืองหลวงมาด้วย หัวหน้าหลี่คนนี้เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการการผ่าตัดถุงน้ำดีและตับเชียวนะครับ ยอดเยี่ยมไปเลย!”
ทั้งสามพากันเดินไปที่ห้องผ่าตัด เมื่อหัวหน้าพยาบาลรู้ว่าผู้อำนวยการมาก็รีบออกมาต้อนรับ
ซุนเจิ้งเหว่ยกล่าวว่า “การผ่าตัดของหัวหน้าแผนกกัวเริ่มขึ้นหรือยัง?”
หัวหน้าพยาบาลพยักหน้า “เพิ่งเริ่มค่ะ”
ทั้งสามได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้ายินดี ยังดีที่มาเร็ว!
จิ้นชิงจื้อถามอย่างระมัดระวังว่า “ผมเข้าไปได้หรือเปล่าครับ?
ซุนเจิ้งเหว่ยพยักหน้า “เข้าไปได้เลยครับ”