การผ่าตัดอีกหลายเคสต่อจากนั้น เฉินชางยิ่งทำได้ลื่นมือมากขึ้น หวังหย่งก็ดูอย่างไหลลื่นมากขึ้น! ยิ่งหวังหย่งได้เห็นการผ่าตัดรูปแบบใหม่ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกใจสั่น
เขารู้แล้วว่าการผ่าตัดรูปแบบนี้เป็นการผ่าตัดในแนวคิดใหม่ทั้งหมด วิธีการผ่าตัดนี้ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เหนือคาด! เช่นการสอดอุปกรณ์เข้าไปในตอนแรกหรือการใช้ตะขอไฟฟ้าแยกถุงน้ำดีออกมาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ จะทำให้หลีกเลี่ยงท่อน้ำดีไปได้อย่างเหมาะสม ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย! และการเลือกมุมในการสอดกล้องก็ทำให้พบสิ่งที่คาดไม่ถึง
เทคนิคเหล่านี้อาจไม่ได้ใช้บ่อยนัก แต่ว่า…เมื่อพบกับคนไข้ที่มีอาการพิเศษบางอย่าง ขั้นตอนที่ใส่ใจเหล่านี้จะเลี่ยงไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนในภายหลังได้อย่างดีเยี่ยม เช่นการใช้กล้องในลักษณะพิเศษนั้น ทำให้พบนิ่วที่อยู่ในจุดแปลกๆ ซึ่งเมื่อก่อนมองเห็นไม่ได้ทั้งหมด
ความจริงในขั้นตอนเหล่านี้จะเห็นอวัยวะไม่มาก แต่ก็เหมือนกับการเปิดไฟเลี้ยวเวลาจะเลี้ยวรถ เป็นการป้องกันไว้ก่อน
ระดับของเฉินชางเพิ่มไปถึงระดับสิบแปดอย่างราบรื่นแล้ว แต่ว่านี่ยังไม่พอ และพรุ่งนี้ในแผนกก็ไม่มีการผ่าตัดอะไรที่เขาทำได้ด้วย
จะไปเก็บค่าประสบการณ์ที่ไหนดี?
ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว เฉินชางและหวังหย่งเดินออกไปจากห้องผ่าตัด ไม่ทันไรก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง เฉินชางยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นต้วนปัว!
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย
ต้วนปัวของแผนกศัลยกรรมทั่วไป? เขา…โทรหาผมทำไม?
เขาไปเอาเบอร์โทรศัพท์ของผมมาจากไหน ไม่ถูกสิ…ผมไม่ได้แลกเบอร์โทรศัพท์กับเขาด้วยซ้ำ!
จากนั้นเมื่อเฉินชางรับโทรศัพท์ เสียงเรียกเขาว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญเสี่ยวเฉิน’ ก็ดังแว่วออกมา ทำให้เฉินชางถึงกับเข้าใจกระจ่าง!
ต้วนปัวคนนี้ไม่ใช่ต้วนปัวคนนั้น!
หัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลประชาชนที่อำเภอหลันก็ชื่อต้วนปัวเหมือนกัน!
เฉินชางตบหน้าผากตัวเอง เขายุ่งๆ จนเลอะเลือนไปแล้วสินะ
ตอนนี้คนที่เรียกเฉินชางว่าผู้เชี่ยวชาญเสี่ยวเฉินก็มีแค่หัวหน้าแผนกต้วนคนเดียว
เฉินชางรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ รีบรับโทรศัพท์ขึ้นพูด “หัวหน้าต้วน สวัสดีครับ”
ต้วนปัวพูดยิ้มๆ “ผู้เชี่ยวชาญเสี่ยวเฉิน พรุ่งนี้หลังเลิกงานพอมีเวลาว่างไหมครับ?”
พรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดี เขายังไม่มีผ่าตัดอะไร และตอนบ่ายเขาก็ไม่มีอะไรทำจริงๆ
เฉินชางจึงพูดไปว่า “พรุ่งนี้ช่วงบ่ายผมว่างทั้งวันครับ”
ต้วนปัวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที!
“ถ้างั้นก็ดีเลยครับ พวกเราเตรียมคนไข้ที่ต้องผ่าตัดไส้ติ่งเอาไว้แปดเคส พรุ่งนี้รบกวนคุณมาช่วยผ่าตัดไส้ติ่งด้วยวิธีแบบแผลเล็กหน่อยนะครับ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับปาก “ได้ครับหัวหน้าต้วน ไม่มีปัญหา!”
ต้วนปัวยิ้ม “โอเคครับ ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะให้คนขับรถไปรอคุณที่ประตูโรงพยาบาลตอนเที่ยงนะครับ พอคุณเลิกงานก็มาได้เลย มากินข้าวกับพวกเราก่อน”
เฉินชางวางโทรศัพท์ไป จากนั้นจึงแก้ชื่อจากต้วนปัวเป็นหัวหน้าต้วน
ไม่เลว พรุ่งนี้มีแหล่งเก็บค่าประสบการณ์แล้ว!
……
……
แต่ไหนแต่ไรผู้ที่ทำงานในห้องผ่าตัดไม่เคยเลิกงานตรงเวลา และไม่มีความเคยชินที่จะต้องกินข้าวตรงเวลาด้วย จะเป็นหัวหน้าแผนกเหล่านั้นก็ดี จะเป็นหมอผู้มีชื่อเสียงก็ดี จะเงินเดือนหลักแสน เงินเดือนหลักล้านหรือ…หมอระดับไหนก็ช่าง ตอนที่ควรหิวก็ยังหิว แต่หากยังผ่าตัดไม่เสร็จ คุณอย่าหวังจะได้พักผ่อนเลย
ในระหว่างการผ่าตัด หากอยู่ๆ คุณหิวขึ้นมาก็จะผ่าตัดไปครึ่งเดียวแล้วออกไปกินข้าวก่อนค่อยกลับมาทำต่อไม่ได้
ความจริงผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ส่วนมากไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่เป็นงานที่เหนื่อยมากจริงๆ อยากพักก็พักไม่ได้ ความกดดันผลักดันให้คุณต้องเดินหน้าต่อไป โรงพยาบาลจัดแจงความรับผิดชอบมากมายมาให้คุณ คุณจะต้องทำให้สำเร็จ!
พอคุณพัฒนามาถึงระดับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วก็มักจะเป็นเช่นนี้ ตอนกลางวันไปทำงาน เดินออกจากประตูไปผ่าตัด พอเลิกงานกลับบ้านก็ต้องรีบเขียนวิทยานิพนธ์และทำงานวิจัย บางครั้งยังต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงหรือนั่งเครื่องบินไปทำงานนอกสถานที่ในคืนเดียวกัน วันต่อมาก็ต้องเข้าร่วมงานสัมมนา ไม่ก็เข้าร่วมการประชุม และในคืนเดียวกันก็ต้องกลับเลย ไม่อาจอยู่จนทำให้การผ่าตัดหรือการรักษาของวันต่อไปถูกยืดเยื้อ
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่า แต่เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง
แต่ไหนแต่ไรเรื่องการตายเฉียบพลันไม่เคยหายไปจากวงการการแพทย์ บางทีคนอื่นอาจคิดว่าเป็นเรื่องเกินจริง นี่มันยุคสมัยอะไรแล้ว ยังมีคนเหนื่อยตายอีกหรือ?
แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย คนในวงการแพทย์เหนื่อยมากจริงๆ!
เรื่องอย่างการนอนหลับบนเตียงในห้องผ่าตัดเหมือนในทีวีพวกนั้น เฉินชางก็เคยทำมาแล้ว และไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย ตอนนั้นคนที่นอนอยู่ข้างตนก็คือฉินเยว่ แม่นางขี้ประจบตัวน้อยนั่นเอง
ในชีวิตจริงเขาทำตัวรักหยกถนอมบุปผาไม่ได้ และเห็นอกเห็นใจคนอื่นไม่ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รู้สึกนับถือสือน่าและฉินเยว่จริงๆ สองคนนี้ดูแล้วเหมือนผู้หญิงอ่อนแอ แต่กลับทำงานอยู่ในแผนกฉุกเฉินได้อย่างดีเยี่ยม
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล เฉินชางก็พาหวังหย่งไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ สั่งกับข้าวมาเป็นกับแกล้มสามอย่างแล้วเปิดเบียร์แช่เย็นสองขวด
ช่วงนี้เขารู้สึกเหนื่อยมาก หวังหย่งที่คอยติดตามตนก็ไม่เคยได้มีเวลาผ่อนคลายเช่นกัน ต้องผ่าตัดตั้งแต่เช้าจรดค่ำทุกวัน ผ่าตัดเสร็จยังต้องเขียนประวัติผู้ป่วยอีก
ความจริง…เงินเดือนสองพันสองร้อยหยวนไม่สอดคล้องกับการทำงานหนักและการอุทิศตนเช่นนี้เลยจริงๆ อยู่ได้ด้วยรักและศรัทธาทั้งนั้น
เฉินชางก็เคยเป็นพนักงานชั่วคราวมาก่อน ความยากลำบากเช่นนั้นมีเพียงพวกเขาถึงจะเข้าใจ
หลายวันที่ผ่านมา เขาผ่าตัดไปหลายเคส ทุกเคสเฉินชางจะได้เงินค่าผ่าตัดจำนวนหนึ่ง และการผ่าตัดที่หวังหย่งทำก็ถูกรวมอยู่ในชื่อของตนด้วย
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเฉินชางมีสิทธิ์ออกใบสั่งทางการแพทย์ ส่วนหวังหย่งที่เป็นเพียงพนักงานชั่วคราวไ ม่มีสิทธิ์ออกใบสั่งทางการแพทย์
แผนกฉุกเฉินเพิ่งมีห้องผ่าตัด พวกเขาทำการผ่าตัดไปแล้วสามสิบกว่าเคส รวมกับผู้ป่วยอื่นๆแล้ว…เฉินชางลองคำนวณดู เขามั่นใจว่าเดือนนี้ตนจะได้รับเงินประมาณหนึ่งหมื่นหยวน แน่นอนว่าไม่นับเงินที่ได้จากรางวัลของระบบและเงินพิเศษที่ได้จากข้างนอก
เฉินชางรินเบียร์ให้หวังหย่ง
“สองวันมานี้คงเหนื่อยมากเลยนะครับ?”
หวังหย่งยิ้ม “ตลอดสามปีที่ผ่านมามีวันไหนบ้างไม่เหนื่อย ผมชินแล้วละครับ”
ทั้งสองชนแก้วกัน ดื่มเบียร์เข้าไปรวดเดียวหมดแก้ว
พวกเขาผ่าตัดกันมาตลอดทั้งบ่าย ไม่ได้ดื่มน้ำสักอึก ทนมาจนถึงตอนนี้ได้ พอมีเบียร์เย็นๆ เข้าท้อง ทำให้รู้สึกสบายตัวจริงๆ
หวังหย่งมองเฉินชาง พูดยิ้มๆ ว่า “คุณเองก็เหมือนกันนะครับ ความจริง ความเหนื่อยแบบนี้ไม่ใช่แค่เหนื่อยกาย เส้นทางข้างหน้าไม่รู้ว่าต้องเหนื่อยอะไรบ้าง!”
เฉินชางพยักหน้า เขารู้ดีว่าหวังหย่งหมายถึงอะไร
“ไม่ต้องกังวล ต้องดีขึ้นแน่นอนครับ การประเมินคราวนี้ ผมคิดว่าคุณคงไม่มีปัญหาแล้วละ คุณมีพรสวรรค์ทางด้านการผ่าตัดมาก มีมือที่คล่องแคล่วว่องไว ทั้งยังสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ดี ที่คุณขาดก็มีแค่โอกาส!”
ดวงตาของหวังหย่งเปล่งประกายแวววาว! สิ่งที่เขาขาดมีเพียงโอกาสอย่างเดียว!
เขาเตรียมพร้อมมานานก็เพื่อโอกาสนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลาสั้นๆ เพียงสองอาทิตย์ที่เขาได้ติดตามเฉินชาง เขาคิดว่าตนเองก้าวหน้าได้รวดเร็วมาก เมื่อถึงเวลาประเมิน ขอเพียงทำไปตามปกติก็พอ เขาคิดว่าตนต้องมีโอกาสแน่นอน
ทั้งสองผ่านอะไรมาเหมือนกัน อีกทั้งยังคุยกันถูกคอ จึงพูดคุยกันไปอย่างเบิกบาน
พวกเขาสั่งกับข้าวมาสามอย่าง กินข้าวกันไปคนละสามถ้วย พวกเขาหิวมากจริงๆ
การผ่าตัดไม่ใช่งานที่ต้องใช้แค่ทักษะอย่างเดียว ยังต้องใช้แรงกายด้วย หากไม่มีพลังกายที่ดีก็จะยืนหยัดไม่ไหว
หลังจากกินดื่มกันอย่างอิ่มหนำ เฉินชางก็ถามว่า “วิธีผ่าตัดที่ผมแสดงให้คุณดูวันนี้เป็นวิธีการผ่าตัดถุงน้ำดีฉบับปรับปรุงให้ดีขึ้น คุณเห็นอะไรในนั้นหรือเปล่าครับ?”
หวังหย่งพยักหน้า “ครับ ไม่ธรรมดาเลยนะครับ ผมคิดว่าเป็นวิธีการที่มีแนวคิดใหม่ คุณเรียกมันว่าการผ่าตัดถุงน้ำดีฉบับปรับปรุงหรือ? คุณปรับปรุงเองหรือ?”
เฉินชางทำหน้าหนา พยักหน้าตอบไปว่า “ครับ ใช่”
หวังหย่งชูนิ้วโป้งให้ “ชางเอ๋อร์ ผมนับถือคุณจริงๆ สุดยอดไปเลย คิดได้ยังไงกันครับ”
“สมองของคุณไม่เหมือนพวกเราเลยจริงๆ สิ่งที่คิดออกมาจากสมองคุณนี่มันยอดเยี่ยมไปเลย!”
“ตอนนั้นผมเห็นข้อแตกต่างอยู่นะครับ ต่อมาผมก็มาคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถึงค่อยเข้าใจความหมายของมันอย่างแท้จริง แล้วพอคิดให้ละเอียดอีกครั้ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม!”
เฉินชางยิ้ม พูดอย่างจริงจังว่า “ครับ คุณศึกษาวิธีนี้ให้ดีนะครับ ผมคิดว่ามันคุ้มค่ามากเลย วันนี้คุณถ่ายคลิปไว้ด้วยใช่หรือเปล่า กลับไปก็ดูให้มากหน่อย สิ่งสำคัญก็คือรายละเอียดต่างๆ ที่ควรต้องศึกษาให้ดี จุดแรกก็คือ…”
ทั้งสองหยิบตะเกียบขึ้นมาตวัดแทนอุปกรณ์ผ่าตัด ข้าวมื้อหนึ่งกินกันไปถึงสองชั่วโมงถึงจะแยกย้าย