Martial god space ตอนที่ 312 ฉกไขกระดูกมังกร
ทันใดนั้นมีมือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขา และมันพยายามขโมยศพของ เทพองค์ที่ห้า
มันเป็นของผู้พิทักษ์แห่งเมืองหย่งอัน เขาฉีกตัวออกมาจากศึกแย่งชิงไขกระดูกมังกร และรีบพุ่งตรงเข้ามาเพื่อขโมยศพของ เทพองค์ที่ห้า
เดิมทีร่างของ เทพองค์ที่ห้า ไม่มีอะไรสำคัญสำหรับเขา แต่เมื่อได้เห็นคัมภีร์โบราณ ผู้พิทักษ์แห่งเมืองหย่งอัน ก็เปลี่ยนใจจากไขกระดูกมังกรและต้องการจะขโมยศพของ เทพองค์ที่ห้า ก่อนที่ใครจะลงมือ ความรู้ต่างๆ ที่ถูกเก็บเอาไว้ในคัมภีร์โบราณจะช่วยยกระดับวรยุทธการต่อสู้ของเขา
มันต้องใช้เวลาในการชำระล้างจิตวิญญาณ เพราะคัมภีร์โบราณถูกปรับแต่งโดยจิตวิญญาณของ เทพองค์ที่ห้า
” เจ้าอยากตายใช่มั้ย? ” เย่ ซีหวิน สะบัดดาบใบมีดยาวของเขาทันที มือขนาดใหญ่ที่กำลังขโมยศพของ เทพองค์ที่ห้า ก็ถูกทำลายทันที
” เย่ ซีหวิน! เจ้าก็ได้ร่างของลูกมังกรไปแล้ว ตอนนี้เจ้ายังจะเอาคัมภีร์โบราณนี้อีกเหรอ? ” ใบหน้าของ ผู้พิทักษ์แห่งเมืองหย่งอัน เต็มไปด้วยความโลภ หลังจากพูดเสร็จ เขาหันไปมอง เย่ ซีหวิน ด้วยแววตาไม่พอใจ
คัมภีร์โบราณเพียงแค่หนึ่งหน้า ก็มากพอที่จะทำให้นิสัยของใครบางคนเปลี่ยนไปจากเดิม
” ใช่! มันเป็นของข้า! หากเจ้าต้องการรนหาที่ตายก็เข้ามา! ” เย่ ซีหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขาต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับ เทพองค์ที่ห้า แต่หลังจากเขาได้รับชัยชนะ ผู้พิทักษ์แห่งเมืองหย่งอัน จะมาชุบมือเปิบไปโดยง่าย แน่นอนว่าไม่มีใครยอมให้บุคคลที่สามเข้ามาแทรกแซงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของพวกเขา!
” มอบคัมภีร์โบราณให้กับข้า นายน้อยแห่งองครักษ์เสื้อแพรผู้นี้ จะรับประกันความปลอดภัยของเจ้า ระหว่างที่เจ้าพักอยู่ในอาณาจักรต้าหมิง! ” นายน้อยแห่งองครักษ์เสื้อแพร ปรากฏตัวขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เปรียบเทียบคัมภีร์โบราณ กับ ไขกระดูกมังกร แล้ว แม้ว่า ไขกระดูกมังกร นั้นจะมีค่ามาก แต่เมื่อเทียบกับคัมภีร์โบราณ มันกลายเป็นสิ่งไร้ค่าไปทันที คัมภีร์โบราณเพียงหนึ่งหน้านี้ทำให้จอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับตำนาน หรือแม้แต่จอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับนักปราชญ์ ต้องบ้าคลั่งเพื่อให้ได้ครอบครองมัน
นอกจากนี้ยังมีกองกำลังกวาดล้าง ชายผู้แข็งแกร่งในชุดคลุมสีดำ และจอมยุทธอาวุโสรุ่นเก่าที่ซ่อนเร้นอยู่ ต่างมุ่งเป้าหมายมาที่ เย่ ซีหวิน คัมภีร์โบราณเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ตอนนี้มันอยู่ในศพของ เทพองค์ที่ห้า ใครที่สามารถชิงศพไปได้ ใครคนนั้นก็จะได้รับคัมภีร์โบราณนี้ และอาจมีโอกาสสัมผัสถึงการมีอยู่ของคัมภีร์โบราณอื่น ๆ
” นายน้อยแห่งองครักษ์เสื้อแพร เริ่มรับงานเป็นผู้คุ้มกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ” เย่ ซีหวิน หัวเราะเยาะอย่างเย้ยหยัน คำพูดนั้นทำให้ทุกคนเห็นได้ชัดเจนว่า พวกเขาไม่สามารถโน้มน้าว หรือยื่นข้อเสนอให้เขายอมทำตามได้โดยง่าย
” หึ! เด็กน้อยไม่รู้จักมารยาทเอาซะเลย อย่างไรก็ตามเจ้าควรรู้ว่า มันเป็นสิ่งดีที่สุดสำหรับตัวเจ้า และเจ้าควรเชื่อฟังคำพูดของผู้อาวุโส ” ในเวลานี้ ชายชราผู้มีขอบเขตลมปราณอันลึกซึ้ง เดินเข้ามาถึงด้านหน้า และกล่าวต่ออีกว่า ” วันนี้ข้าจะสอนมารยาทให้กับเจ้า ว่าควรทำอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโส “
ชายชรา หัวเราะเยาะอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ชกหมัดที่แฝงไปด้วยพลังอันน่าหวั่นกลัวโจมตีไปที่ เย่ ซีหวิน แรงกดดันอันรุนแรงจากหมัดเหมือนกับคลื่นมหาสมุทรซัดเข้าหา เย่ ซีหวิน ราวกับพลังของมันไม่มีที่สิ้นสุด
” ชายชราอวดดีเช่นเจ้า จะสอนมารยาทให้กับข้างั้นเหรอ? ” เย่ ซีหวิน หัวเราะเยาะอย่างเย้ยหยัน เขาสะบัดดาบใบมีดยาวในมือ ปราณดาบสีทอง ก็กระจายออกไปกลายเป็นลำแสงดาบหลายสิบเล่ม เสียงแหลมคมอันน่าสยดสยองของปราณดาบ พุ่งแหวกตัดอากาศโจมตีพลังปราณหมัดที่พุ่งเข้ามาทันที
” ฉัวะ! ฉัวะ! ” ลำแสงของดาบทำลายพลังปราณหมัดลงได้ภายในพริบตา มันถูกตัดออกเป็นสองส่วนทันที ลำแสงของดาบที่เหลือยังพุ่งตรงต่อไปด้านหน้า และชนเข้ากับร่างของชายชราโดยตรง
” ฉึบบบ! ” ชายชราไม่สามารถต้านทานการโจมตีลำแสงของดาบ ร่างของเขาถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ ทันที
” มีใครอยากลองอีกมั้ย? ก้าวออกมาเลย! ” เย่ ซีหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นช้า ก่อนที่จะจ้องมองไปที่เหล่าจอมยุทธที่กำลังรายล้อมเขาอยู่ตอนนี้
ทันใดนั้นทุกคนก็พากันตกตะลึง หากนับรวม เทพองค์ที่ห้า ตอนนี้ เย่ ซีหวิน สังหารจอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนานแรกเริ่มขั้นที่ 2 ไปแล้วสองคน โดยเฉพาะ เทพองค์ที่ห้า นับว่าเป็นหนึ่งในจอมยุทธผู้แข็งแกร่ง แต่กลับถูก เย่ ซีหวิน สังหารภายในหนึ่งกระบวนท่า เมื่อเผชิญหน้ากับ เย่ ซีหวิน แล้วพวกมันไม่มีทางเอาชนะเขาได้ในเวลาอันสั้น
เทพองค์ที่ห้า พยายามดิ้นรนแต่สุดท้ายก็ถูกบดขยี้โดย เย่ ซีหวิน สิ่งเหล่าทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องตกตะลึง แม้ว่าพวกมันต้องการคัมภีร์โบราณจาก เย่ ซีหวิน แต่พวกมันก็ต้องเลิกล้มความตั้งใจทันที เมื่อเห็นการโจมตีของ เย่ ซีหวิน เศษเนื้อที่กองอยู่ข้างหน้าตอนนี้ก็เพียงพอทำให้พวกมันตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ใบหน้าของเหล่าจอมยุทธเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น พวกเขาเริ่มลังเลที่จะเข้าร่วมแย่งชิงไขกระดูกมังกร ไม่ว่าจะเป็น ไขกระดูกมังกร หรือ ซากศพของลูกมังกร พวกมันล้วนดึงดูดจอมยุทธผู้ทรงพลังที่น่ากลัว หากพวกมันยังเข้าร่วมต่อไปคงไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตไปทิ้ง
เย่ ซีหวิน ยืนอยู่ด้านหน้าของ ไขกระดูกมังกร มือขนาดใหญ่สีทองของเขากำลังยื่นออกจับ ไขกระดูกมังกร
” เย่ ซีหวิน! เจ้าได้สมบัติล้ำค่าไปตั้งมากมาย เจ้ายังต้องการ ไขกระดูกมังกร อีกเหรอ? ” นายน้อยแห่งองครักษ์เสื้อแพร กล่าวด้วยความไม่พอใจ
” นี่เจ้ากำลังพูดเล่นใช่มั้ย! เจ้าคิดว่าการล่าสมบัติทุกคนจะได้รับส่วนแบ่งเท่ากันอย่างยุติธรรมเหรอ? สมบัติหนึ่งคนต่อหนึ่งชิ้นงั้นเหรอ? จำใส่หัวของเจ้าเอาไว้ว่าเฉพาะผู้ที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ครอบครองสมบัติล้ำค่า! สำหรับคนที่ไร้ความสามารถทำได้เพียงเฝ้าดูเท่านั้น ” เย่ ซีหวิน หัวเราะเยาะอย่างเย้ยหยัน และไม่สนใจคำพูดของ นายน้อยแห่งองครักษ์เสื้อแพร
ใบหน้าของ นายน้อยแห่งองครักษ์เสื้อแพร เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ เขาสาบานเอาไว้ว่าสักวันหนึ่ง เย่ ซีหวิน จะต้องชดใช้ หลังจากออกจากโลกใบเล็กนี้เขาจะระดมกองกำลังขององครักษ์เสื้อแพรจากทั่วอาณาจักรต้าหมิง ทำให้ เย่ ซีหวิน ตายโดยปราศจากที่ฝังศพ
เย่ ซีหวิน ไม่มีทางรู้สิ่งที่ นายน้อยแห่งองครักษ์เสื้อแพร กำลังคิดวางแผน แต่สังเกตจากใบหน้าของมัน เย่ ซีหวิน ก็รู้ว่ามันคิดวางแผนแก้แค้นเขา อย่างไรก็ตาม เย่ ซีหวิน ไม่จำเป็นจะต้องกังวลมากนัก เพราะมีคนจำนวนมากรู้ว่าเขาได้รับคัมภีร์โบราณ เขาจะตกเป็นเป้าหมายของบรรดาเหล่าจอมยุทธคนอื่นๆ และจะถูกไล่ล่าเพื่อแย่งชิงคัมภีร์โบราณทันทีเมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ในความเป็นจริงเขาสามารถสังหาร นายน้อยแห่งองครักษ์เสื้อแพร ได้ในทันที ยังไงซะผลลัพท์มันก็ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่เขาไม่อยากก่อสงครามในตอนนี้เพราะมีสิ่งอื่นที่เขาจะต้องทำก่อน
ปัญหาเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพียงแค่เขาฆ่าทุกคนที่รู้เกี่ยวกับคัมภีร์โบราณ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสังหารทุกคน สุดท้ายแล้วยังไงข่าวลือนี้ก็ต้องถูกเปิดเผยอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น เย่ ซีหวิน ไม่ควรปล่อยไขกระดูกมังกรไป ตัวเลือกเดียวของเขาคือจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองในเวลาอันสั้น ถึงจะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น
” บรึ้มมม! ” มีเสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้น ไขกระดูกมังกรแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่วท้องฟ้า มันดึงดูดสายตาของเหล่าจอมยุทธ หลังจากนั้นความชุลมุนก็เริ่มขึ้น
เย่ ซีหวิน รีบลงมืออย่างรวดเร็ว เขาเรียกใช้ กระจกเทียนหยวน และส่งมันออกไปเก็บเอาไขกระดูกมังกรที่อยู่บริเวณส่วนหัวของมังกร ในเวลานี้จอมยุทธคนอื่น ๆ ต่างพากันเก็บชิ้นส่วนของไขกระดูกมังกร แม้จะเป็นชิ้นเล็กๆ พวกเขาก็ไม่ได้มองข้าม เย่ ซีหวิน พยายามเก็บชิ้นส่วนอื่นๆ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นให้ได้มากที่สุด ซึ่งในตอนนี้มันเหลือไม่มากนัก
” ปังงง! ” สองมือขนาดใหญ่ปะทะกันบนท้องฟ้า กองกำลังกวาดล้าง และ เย่ ซีหวิน พวกเขาเล็งไขกระดูกมังกรชิ้นเดียวกัน ซึ่งมันเป็นชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ พวกเขาพยายามเก็บมันในเวลาเดียวกัน ทำให้มือชนกัน ต่างฝ่ายต่างผลักมือของอีกฝ่ายออกไป จอมยุทธคนอื่นๆ เห็นเหตุการณ์พวกมันฉวยโอกาสนี้ เอื้อมมือขนาดใหญ่ออกมาฉกไขกระดูกมังกรไป
” ย๊ากกส์! ” เย่ ซีหวิน คำรามเสียงดัง แล้วสะบัดดาบใบมือ ปราณดาบ ก็พุ่งออกไปตัดมือขนาดใหญ่เหล่านั้น ทำให้พวกมันระเบิดกลางอากาศ ในขณะที่ไขกระดูกมังกรหล่นลงมา เย่ ซีหวิน พุ่งตัวเข้าไปเก็บมันลงในแหวนทันที
ใบหน้าของ จอมยุทธเหล่านั้น เปลี่ยนเป็นสีซีดเผือก จากการโจมตีของ เย่ ซีหวิน พวกเขาไม่กล้าสอดมือเข้ายุ่งอีกต่อไป หากพวกเขาจะร่วมมือกันก็สามารถแย่งชิงไขกระดูกมังกรชิ้นสุดท้ายนั้นมาได้ แต่ เย่ ซีหวิน แข็งแกร่งมากเกินไป ถึงแม้พวกเขาจะไม่พอใจ แต่อย่างน้อยพวกมันก็ได้รับชิ้นส่วนของไขกระดูกมังกรมาอย่างน้อยคนละชิ้นสองชิ้น นับว่ายังโชคดีกว่าบางคนที่ไม่ได้เลยสักชิ้น
หลังจากไม่พบชิ้นส่วนอื่นๆ ของไขกระดูกมังกรแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ต่อ จอมยุทธเหล่านั้นก็พากันแยกย้ายออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือน . . . . . . . .
ท่ามกลางซากปรักหักพังทั้งหมดของนิกายสวรรค์ เนื่องจากการสิ้นอายุขัยของเส้นชีพจรมังกรปราณจิตวิญญาณที่คอยล่อเลี้ยงโลกใบเล็กใบนี้ก็แห้งเหือด ทำให้สภาพแวดล้อมทั้งหมดเลวร้ายลงอย่างมาก พื้นดินส่วนใหญ่แทบกลายเป็นพื้นทราย สิ่งที่น่ากลัว คือ พายุทราย ความแรงของลมจากพายุทรายขนาดใหญ่นี้ สามารถฉีกร่างของจอมยุทธขอบเขตลมปราณปัจฉิมบทออกเป็นสองส่วน หากพวกเขาโชคร้ายติดอยู่ในพายุทราย
( NT : ขอบเขตลมปราณปัจฉิมบท > ขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนานแรกเริ่ม > ระดับตำนาน )
พายุทรายเหล่านี้เป็นอุปสรรคอย่างมาก มันทำให้พวกเขาสูญเสียทัศนวิสัยการมองเห็น มันเป็นเรื่องที่อันตรายมากที่จอมยุทธของมนุษย์จะเดินทางในสภาพแวดล้อมแบบนี้ และยังมีสัตว์ปีศาจที่น่ากลัวซ่อนตัวอยู่ บางส่วนสามารถกลมกลืน และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายแบบนี้มาหลายร้อยล้านปี หรือบางทีพายุทรายที่เกิดขึ้นอาจจะเกี่ยวข้องกับสัตว์ปีศาจ พวกมันอาจจะสร้างอาณาจักรของสัตว์ปีศาจเอาไว้ตรงใจกลางของพายุ และเจริญเติบโตอยู่ในอาณาจักรของสัตว์ปีศาจ พายุทรายเหล่านี้จริงๆ แล้วอาจเกิดขึ้นจากการทำงานของค่ายกลบางอย่าง
เมื่อ เย่ ซีหวิน และกลุ่มของเขาพยายามเดินทางเข้าไปสำรวจในส่วนลึกของโลกใบเล็กใบนี้ เขาพบว่าพายุดังกล่าวมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาเดินลึกเข้าไปมีฝุ่นทรายก่อตัวหนาขึ้น และความแรงของลมจากพายุก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
กลุ่มของ เย่ ซีหวิน กำลังเผชิญหน้ากับพายุทรายขนาดใหญ่ ฝุ่นทรายสูงขึ้นไปบนฟ้ามากกว่าหนึ่งหมื่นเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางของลมพายุมีความกว้างหลายกิโลเมตร มันดูเหมือนกับป้อมปราการขนาดยักษ์ที่คอยกวาดล้างศัตรูทั้งหมดที่พยายามฝ่าเข้ามา
ป้อมปราการพายุทรายนี้ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นเหลือเพียงไม่กี่เมตร แต่สำหรับ เย่ ซีหวิน การมองเห็นของเขาเหมือนกับคบเพลิงที่ส่องสว่างในที่มืด ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นสัตว์ปีศาจหลายตัวซ่อนอยู่ในพายุทราย
มันเหมือนก้อนหินทรายขนาดใหญ่ ความเร็วของพวกมันน่าเหลือเชื่อมากเมื่อเทียบจากขนาดของพวกมัน เกือบจะหนึ่งลมหายใจพวกมันก็ตรงมาถึงด้านของ เย่ ซีหวิน มันสัตว์ปีศาจชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า อสูรทราย ร่างกายของพวกถูกปกคลุมด้วยชั้นของทราย ตัวที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในขอบเขตลมปราณปฐมบท พวกเขารวมตัวกันกลายเป็นก้อนหินทรายขนาดยักษ์ ดูเหมือนหลังจากพวกรวมตัวกันพลังของพวกมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เย่ ซีหวิน รีบโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือมังกรม้วนสมุทร มันก่อตัวเป็นร่างของมังกรพุ่งตรงเข้าไปปะทะกับ ก้อนหินทรายขนาดยักษ์ ทำให้เกิดการระเบิดเสียงดัง ร่างของ ก้อนหินทรายขนาดยักษ์ ถูกฉีกขาดออกเป็นชิ้น ๆ ทันที แม้ว่า อสูรทราย บางตัวจะอยู่ในขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนาน แต่พวกมันก็ไม่อาจต้านพลังโจมตีของ เย่ ซีหวิน ได้ บางตัวถูกฆ่าตาย บางตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส เย่ ซีหวิน มีขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนานแรกเริ่มขั้นที่ 2 เขาสามารถต่อกรกับจอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนานแรกเริ่มขั้นที่ 3 ได้อย่างสูสี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝ่ามือมังกรม้วนสมุทรสามารถฉีกร่างของ ก้อนหินทรายขนาดยักษ์ ได้อย่างไร