บทที่ 217 ภารกิจที่กำหนดขึ้น
คำพูดของเฉียนหลินทำให้เฉินชางจิตใจเอนเอียง!
ทำไมฟังแล้วได้อารมณ์นั้นมากเลย
อารมณ์เดือดพล่าน!
เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งไม่อาจบรรยายออกมาด้วยคำพูดได้ เฉินชางก็อดรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้…
เฉินชาง “จะ…ไม่ดีหรือเปล่า”
เฉียนหลินกล่าวด้วยอารมณ์โกรธแค้นอยู่เต็มอก “จะไม่ดีได้ยังไงกันครับ พี่ใหญ่? นี่เรื่องของความโกรธแค้นที่โดนฉกเมียรักไป คุณโดนสวมเขาขนาดนี้?”
คำพูดนี้…ทำให้ไฟในใจของเฉินชางลุกโชนขึ้นมาทันใด
เฉินชางยืดตัวตรงเตรียมจะเดินไปในงานประชุมใหญ่ เฉียนหลินอดปรบมือไม่ได้ “แบบนี้ถูกต้อง!”
“ไม่ถูก! เราเลิกกันก่อนที่เธอจะมีแฟนใหม่ แบบนี้ไม่เรียกว่าโดนสวมเขา…” เฉินชางหันกลับมากะทันหันพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เฉียนหลินชะงัก อดเคร่งขรึมไม่ได้ “แล้วรู้สึกอัดอั้นหรือเปล่าล่ะครับ ถ้ารู้สึกก็โกรธแค้นได้!”
เฉินชางนิ่งเงียบไม่พูดจา ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้สนใจเกิ่งเหยียนแล้ว แต่รสชาติของความรู้สึกที่โดนเปรียบเทียบกับแฟนใหม่ของเกิ่งเหยียนมันช่างขมขื่นเหมือนรสชาติของยาขม ปวดร้าวตรอมตรม (ผมไม่รู้ว่าพวกคุณเคยเผชิญกับความรู้สึกเช่นนี้ไหม…)
…
…
ทั้งสองเดินเข้าไปในงานและหาที่นั่ง
ขณะนี้อธิการบดีกำลังพูดอยู่ ถึงอย่างไรเสียอธิการบดีก็ต้องเป็นผู้กล่าวเปิดงานประชุมใหญ่
แต่เฉียนหลินกับเฉินชางมองว่าการกล่าวเปิดงานของเขาเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเวลาอย่างเห็นได้ชัด
และในตอนนี้อธิการบดีก็พูดจบแล้ว เฉียนเลี่ยงก้าวขึ้นเวที
เฉินชางผลักเฉียนหลิน “ลุงคุณขึ้นเวทีแล้ว”
เฉียนหลินนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง เฉินชางก็เลยหันไปมองด้วยความสงสัย เขาพบว่าเฉียนหลินถือสมุดกำลังขีดๆ เขียนๆ
เฉินชางชะงักทันใด!
“คุณเขียนอะไรน่ะ”
เฉียนหลินยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “เปิดเกมด้วยความยากระดับนรก!”
หลังจากที่พูดจบ เฉียนหลินก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาให้เฉินชางดู “เห็นหรือยัง นี่ก็คือความสำเร็จในปัจจุบันของจิ่งหราน! พวกเราต้องทำลายมันให้สิ้นซากทีละชิ้น ทีละชิ้น!…”
“…แต่คุณวางใจได้ ผมแบ่งแยกแต่ละขั้นตอนแต่ละภารกิจเป็นหมวดหมู่ให้คุณแล้ว”
หลังจากที่พูดจบ เฉียนหลินก็ยื่นสมุดเล็มเล็กให้เฉินชาง “คุณดู สมัยที่เขาเรียนเรียนอยู่ปีหนึ่ง ได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาล ทุนการศึกษาเฝินจิ่วสมัยเรียนปีสอง…สมัยเรียนปีสามประสบความสำเร็จได้รับการตีพิมพ์บทความวิจัยลงบนวารสารวิชาการระดับชาติเป็นครั้งแรก สมัยปีสี่ได้ตีพิมพ์บทความวิจัยลงบน SCI เป็นครั้งแรก ได้ค่า IF สูงถึงหนึ่งจุดสาม สมัยปีห้าเข้าร่วมแข่งขันคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันผู้ประกอบการระดับนักศึกษามหาวิทยาลัย (Shanxi Merchants Cup) ได้รับเงินทุนก่อตั้งกิจการสองแสนหยวน และในปีเดียวกันนี้ หลังจากที่นวัตกรรมที่คิดค้นเสร็จสมบูรณ์ก็มีบริษัทยารุ่ยเต๋อมาติดต่อซื้อไอเดียของเขาด้วยจำนวนเงินก่อนหักภาษีเกือบหนึ่งล้านหยวน หลังจากนั้นได้รับการตีพิมพ์บทความวิจัย…ลงบน SCI เป็นครั้งแรก ได้ค่า IF สูงถึงสี่จุดเจ็ด
…สิ่งเหล่านี้คือความสำเร็จของเขาสมัยปริญญาตรี หลังจากจบปริญญาตรีก็สอบติดวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนระดับปริญญาโทด้วยคะแนนสูงถึงสี่ร้อยห้าสิบเอ็ดคะแนน แล้วพบก็ค้นข้อมูลเจอประวัติส่วนตัวอันรุงโรจน์สมัยที่เขาเรียนอยู่ที่วิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน!”
หลังจากที่พูดจบ เฉียนหลินก็มองเฉินชางด้วยสายตาที่ห่วงใยจากใจจริง “ผู้มีพระคุณ คุณสบายใจได้ มีผมอยู่ทั้งคน พวกเรามาร่วมมือกันจัดการพ่อจิ่งหรานอะไรนั่นให้สิ้นใจตายไปเลย ทำให้เขารู้ว่าจะหาแฟนสาวทั้งทีต้องวิเคราะห์ให้เป็น วิเคราะห์ให้ดีให้ถี่ถ้วนว่าผู้ชายคนก่อนหน้าเก่งสุดยอดขนาดไหน!…”
“…ตอนนี้พวกเราขาดแค่ข้อมูลสถิติ เมื่อเอาข้อมูลทั้งหมดมาประกอบเข้าด้วยกัน ก็เป็นอันสมบูรณ์”
เฉินชางมองสมุดเล่มเล็กที่เฉียนหลินยื่นให้เขาดูด้วยสีหน้าตกตะลึง เขาถึงกับอ้าปากค้างเล็กน้อย นี่เขากำลังล้อผมเล่นใช่มั้ยเนี่ย
เฉียนหลินไล่ดูความสำเร็จของจิ่งหรานไปทีละข้อ แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา “ผมประมาณการว่าความแตกต่างระหว่างข้อมูลที่เป็นรูปธรรมกับสถานการณ์จริงไม่ต่างกันมาก ตอนนี้เรารอให้ถึงเวลาที่เขาขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ แล้วค่อยดูว่ามีข้อมูลสถิติไหนอีกบ้างที่ไม่ครบถ้วน เราค่อยเอาแต่ละส่วนมาประกอบเข้าด้วยกันก็ใช้ได้แล้ว!…
…ผู้มีพระคุณ คุณไม่ต้องห่วงนะ จากประสบการณ์ที่ผมขึ้นกล่าวสุนทรพจน์มาหลายเวทีรวมทั้งเคยร่วมฟังสุนทรพจน์มาตลอดหลายปี ตอนที่เขากล่าวสุนทรพจน์ เขาจะต้องคุยโม้อวดความล้ำเลิศของตัวเองแน่ เล่าถึงความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็สรุปข้อมูลทั้งหมดให้เป็นหมวดหมู่อีกรอบหนึ่ง เท่านี้ตารางข้อมูลก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์!”
…
หลังจากที่เฉียนเลี่ยงกล่าวสุนทรพจน์จบแล้วก็ถึงคิวของจิ่งหรานจริงๆ
ในเวลานี้เฉียนเลี่ยงกล่าวบนเวทีว่า “วันนี้ทางมหาวิทยาลัยของเราได้เชิญศิษย์เก่าดีเด่นของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยางมาร่วมงานในวันนี้จำนวนหนึ่ง ลำดับต่อไปจะเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ของศิษย์เก่าดีเด่น ขอเสียงปรบมือต้อนรับด้วยครับ!”
เสียงปรบมือด้านล่างเวทีดังกึกก้องทันใด ทำให้บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นพิเศษ ดูแล้วจิ่งหรานจัดว่าเป็นบุคคลมีชื่อเสียงโด่งดังมากทีเดียว!
และในตอนนี้ ดวงตาของเฉียนหลินกับเฉินชางก็เบิกกว้าง ทั้งสองคนต่างพินิจพิเคราะห์แฟนหนุ่มคนปัจจุบันของเกิ่งเหยียนอย่างละเอียด
จิ่งหรานเดินไปขึ้นเวทีด้วยกิริยาท่าทางที่ดูสุขุมและสง่าผ่าเผย สวมชุดสูททางการที่เข้ากับทรงผมที่เซ็ตเสยไปด้านหลัง ดูดีมีสไตล์จริงๆ!
แต่…
เจ้าหมอนี่ยังหล่อสู้ตนไม่ได้
อืม ควรค่าแก่การ pk (สังหาร)!
บอกเลยว่าชนะขาดลอย…
ลำดับต่อไปเป็นความสามารถพิเศษ…
“สวัสดีครับทุกท่าน ผมชื่อจิ่งหราน น้องๆ ที่นั่งอยู่ในที่ประชุมแห่งนี้อาจจะไม่รู้จักผม ผมขออนุญาตแนะนำตัวให้ทุกท่านได้จักสักหน่อยนะครับ…”
บลา บลา ยาวเหยียด
“…แพทยศาสตร์ไม่ใช่แค่ศาสตร์แห่งการวินิจฉัยโรคและการรักษา แต่ยังเป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์สาขาหนึ่งด้วย เราต้องอย่าหยุดที่จะปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำความรู้ความสามารถไปใช้ในการวินิจฉัยโรคและการรักษาได้ดีมากยิ่งขึ้น…
…หลังจากที่ผมเรียนจบปริญญาเอก ผมทำงานเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่สถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งชาติ สังกัดโรงพยาบาลฟู่ว่าย หลังจากทำวิจัยจบแล้ว ผมก็โชคดีเป็นอย่างยิ่งได้รับคำเชิญชวนจากผู้อำนวยการหลิวให้ผมกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนจบมา…
…ผู้อำนวยการหลิวบอกให้ผมแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ด้านการศึกษาของผมให้ทุกท่านฟัง รวมทั้งผลการเรียนที่ผมได้ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านในวันข้างหน้า เชื่อว่าทุกท่านที่นั่งอยู่ในที่ประชุมแห่งนี้ส่วนใหญ่ต่างก็กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาโท งั้นผมจะขอแบ่งปันเรื่องราวของผมสมัยเรียนปริญญาโทว่าผมได้ทำอะไรมาบ้าง ผมหวังว่าเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านในภายภาคหน้าทั้งในด้านการศึกษาและการใช้ชีวิตนะครับ”
เฉียนหลินในเวลานี้รวบรวมสมาธิจดจ่อ มือกำปากกาแน่น เตรียมพร้อมเก็บข้อมูล
“แพทยศาสตร์คือศาสตร์แห่งการวินิจฉัยโรคและการรักษา เราจำเป็นต้องหาจุดที่ขาดตกบกพร่องของตัวเราเวลาที่วินิจฉัยโรคเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง สมัยที่ผมเป็นนักศึกษาปริญญาโท ในทุกวันผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่โรงพยาบาลในฐานะศัลยแพทย์ทั่วไปคนหนึ่ง การผ่าตัดเป็นประสบการณ์ที่ผมจำเป็นต้องมี ทั้งยังต้องมีความชำนาญด้วย ช่วงปริญญาโทปีสาม ผมผ่านการผ่าตัดทั้งเล็กและใหญ่มาทั้งหมดเกือบหนึ่งพันกว่าเคส และได้รับความเชื่อใจจากอาจารย์ มอบหมายให้ผมเป็นแพทย์ผู้นำทีมในห้องผ่าตัดมาหกร้อยกว่าเคส ที่ผมพูดถึงตัวเลขเหล่านี้ เพราะอยากจะบอกกับทุกคนว่า ทุกความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย ตัวเลขจำนวนเคสผ่าตัดเหล่านี้สร้างแรงกระตุ้นให้ผมมาก ทุกวันนี้ผมยังพบว่าฝีมือการผ่าตัดของผมยังไม่เพอร์เฟกต์พอ ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาอีกมาก…
…ผมได้รับการตีพิมพ์บทความวิจัยสองฉบับลงบนวารสาร ‘ศัลยกรรมหลอดเลือดทรวงอกและหลอดเลือดหัวใจ’ กับวารสาร ‘ศัลยกรรมหลอดเลือด’ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ผมได้ปรับปรุงเทคนิคในการผ่าตัดแบบเก่าสองแบบที่สืบทอดกันมาให้ดีขึ้น และในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาเอก ผมตัดสินใจมุ่งศึกษาด้านปอดโดยเฉพาะ ศึกษาการปลูกถ่ายปอดทั้งสองข้าง ศึกษาระดับความยากในการปลูกถ่ายหัวใจและปอดพร้อมกัน…”
…
…
“…สิ่งที่ผมอยากจะบอกทุกท่านคือ ความสำเร็จไม่มีทางลัด ยามที่คุณเพียรพยายามมุ่งไปยังหนทางข้างหน้าจนกระทั่งคุณก้าวไปถึงเป้าหมายแล้ว คุณก็จะพบว่าที่แท้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเคยเฝ้าฝัน ล้วนอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ!…
…ผมบอกทุกท่านได้อย่างตรงๆ เลยวว่า ในปีนี้ตอนที่ผมพิจารณาว่าจะสมัครงาน ผมได้รับจดหมายเชิญจากโรงพยาบาลหลายสิบแห่ง มีทั้งโรงพยาบาลในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น ค่าจ้างรายปีไม่ต่ำกว่าห้าแสนหยวน ทั้งยังมีทุนวิจัยให้อีกปีละห้าแสนถึงหนึ่งล้านหยวน มีสวัสดิการห้องชุด มีตำแหน่งงานให้ภรรยา…เป็นต้น…
…ในตอนที่คุณยังไม่ดีเลิศพอ แรงกดดันจากสังคมภายนอกคือสิ่งที่คุณต้องฟันฝ่า แต่ในตอนที่คุณดีเลิศมากพอแล้ว คุณจะพบว่ารถ บ้าน ธนบัตร สิ่งของเหล่านี้ก็เป็นแค่ของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเท่านั้นเอง ในฐานะที่เราเป็นแพทย์ สุดท้ายแล้วความใฝ่ฝันของเราก็คือการได้ช่วยชีวิตคน ผม ในนามของแพทย์ อุทิศกำลังและความสามารถให้กับหน้าที่นี้ อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า พวกเราจะต้องทำให้ชื่อคนจีนได้รับการบันทึกอยู่ในรายชื่อของบุคคลที่ได้รับรางวัลโนเบลให้ได้!”
จิ่งหรานเพิ่งจะพูดประโยคนี้ออกไป เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งหอประชุม!
ไม่ใช่แค่เพียงนักศึกษาเท่านั้น บรรดาผู้ปกครอง อาจารย์ที่ปรึกษา อธิการบดีเป็นต้น ต่างก็รู้สึกคล้อยตามไปกับอุดมคติอันยิ่งใหญ่ของจิ่งหรานกันหมดแล้ว!
รางวัลโนเบลนะ?
ต้องมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน!
คำพูดของจิ่งหรานทำให้นักศึกษาทั้งหมดต่างก็รู้สึกตื้นตันใจจนสงบใจไว้ไม่อยู่ แต่ละคนต่างก็ตกอยู่ห้วงอารมณ์ที่ฮึกเหิมเดือดพล่าน!
จนอดปรบมือกู่ร้องด้วยความดีใจออกมาไม่ได้!
เป็นเสียงที่ก้องดังอยู่ภายในใจ!
มีนักศึกษาใหม่คนไหนบ้างที่มาเรียนมหาวิทยาลัยแล้วไม่มีความฝันอันยิ่งใหญ่และความทะเยอทะยานที่จะก้าวไปสูงสุด!
การปรากฏตัวของจิ่งหรานเติมเต็มความปรารถนาและความคิดที่อยูลึกลงไปในจิตใจของทุกคน
ถึงขั้นที่กล่าวได้ว่า จิ่งหรานได้กล่าวแทนเสียงของหัวใจของทุกคนแล้ว!
กล่าวถึงความฝันของพวกเขา
กล่าวถึงต้นแบบที่พวกเขาอยากจะเป็น!
ในตอนนี้ จิ่งหรานกลายเป็นไอดอลของพวกเขาแล้ว!