บทที่ 232 คำเชิญของจิ่งหราน
วันนี้หลังจากที่จิ่งหรานทำเรื่องเข้าทำงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปรายงายตัวกับหัวหน้าแผนก และหลังจากออกมาจากโรงพยาบาล เขาก็รู้สึกปวดร้าวไปหมดทั้งตัว
ปวดร้าวไปทุกส่วน
กลางวันนี้ไปกินข้าวที่ไหนดีนะ
หาร้านอาหารสักร้านพอแก้ขัดไปก่อนแล้วกัน
เพราะถึงยังไงกับข้าวที่บ้าน เกิ่งเหยียนก็ไม่ยอมทำให้ตนกินแน่
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จิ่งหรานก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
เฮ้อ…
รู้งี้เชื่อที่หมอเฉินบอกก็ดี
และจู่ๆ ในตอนนี้เอง จิ่งหรานก็พบว่าการมีระดับการศึกษาสูงแฝงไว้ข้อบกพร่องกับปมด้อยบางอย่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการศึกษาระดับปริญญาเอก กับการทำงานเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอก ควรจะเพิ่มวิชาใหม่ๆ เข้าไปด้วย เช่น ‘การสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิง’ ‘วิธีเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสามีที่ยอดเยี่ยม’ ‘วิธีหยอกผู้หญิงให้อารมณ์ดี’ ‘ทำอย่างไรให้แม่ยายเชื่อฟัง’…
ถึงอย่างไรเสียทุกคนก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว แต่ยังขาดวิสัยทัศน์ในเรื่องของความรัก ใช้ชีวิตอยู่แต่ในรั้วสถานศึกษา ไม่มีเวลาสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิง ทำให้ขาดประสบการณ์ในด้านนี้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้จู่ๆ จิ่งหรานก็พบว่านี่เป็นแนวคิดงานวิจัยที่มีคุณค่ามาก!
คนแบบเขามีอยู่เยอะ
แต่เขายังโชคดีที่ได้เจอกับเกิ่งเหยียน
เขาคิดว่าระดับความรู้ของเฉินชางในวิชารักเทียบเท่ากับนักวิจัยหลังปริญญาเอก!
เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่เฉินชางบอกกับตนให้รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยสีหน้าจริงใจ ทันใดนั้นจิ่งหรานก็รู้สึกว่า เหตุการณ์นี้จะต้องเป็นประสบการณ์ตรงที่หมอเฉินเคยประสบมาแน่ บางทีตนควรจะทำความรู้จักกับหมอเฉินให้มากๆ เสียหน่อย
ว่ากันว่าคนที่อยู่สายงานเดียวกันคือคู่รักคู่แค้น อยู่ในแวดวงศัลยกรรมทรวงอกเหมือนกันจะต้องมีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจกันอย่างแน่นอน
แต่จิ่งหรานกลับไม่เคยคิดเช่นนนั้น เขามองว่าการเป็นเพื่อนร่วมวิชาชีพที่มีสัมพันธภาพที่ดีและเป็นทีมเดียวกัน เป็นปัจจัยที่นำมาซึ่งความสำเร็จ
เป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่ต้องการจะเป็นหัวหน้าแผนกของโรงพยาบาลตงต้าไปวันๆ สิ่งที่เขาต้องการคือเวทีแสดงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ และอาศัยเวทีนี้สร้างทีมศัลยแพทย์ทรวงอกที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา
แต่…หลังจากที่มาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว เขาก็ได้พบเห็นสิ่งที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป จุดที่ไม่ดีปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งก็คือที่แห่งนี้ยังขาดพลังความแข็งแกร่งในการทำงานเป็นทีม
ความจริงแล้วเฉินชางไม่เลวเลย ยังหนุ่ม มีความสามารถ มีความเมตตาต่อผู้อื่น
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทันใดนั้นจิ่งหรานก็ตัดสินใจว่าจะเชิญเฉินชางมารับประทานอาหารร่วมกันสักมื้อ
ถึงอย่างไรเสียเขาก็เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ ยังไม่มีเพื่อนใหม่ และดูเหมือนว่าเฉินชางจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
เกิดเป็นคนต้องจริงใจและยึดมั่นในสัจจะ!
แล้วก็ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยให้มากนัก ควรจะเป็นเพื่อนกันได้อย่างสนิทใจ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จิ่งหรานก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเฉินชาง
ตอนนั้นเฉินชางเพิ่งตื่นนอน หลังจากที่เห็นสายเรียกเข้าเป็นชื่อของจิ่งหราน เขาก็รู้สึกใจคอไม่สู้ดีนัก ถ้าหากว่า…เป็นเกิ่งเหยียนโทรมาคิดบัญชีกับตนจะทำอย่างไร
ถูกต้อง! ในกรณีที่เป็นเกิ่งเหยียนโทรมา ก็บอกไปว่าโทรผิดก็แล้วกัน!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็กดรับสาย แต่ยังไม่พูดอะไรออกไป “…”
จิ่งหรานเห็นว่ามีคนรับสายแล้ว ก็เลยรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า “หมอเฉินครับ คุณว่างมั้ยครับ กลางวันนี้กินข้าวด้วยกันสักมื้อมั้ยครับ”
เฉินชางค่อนข้างลังเลใจอยู่เล็กน้อย “คุณกับผม?”
จิ่งหรานถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มเจื่อน “ครับ เมื่อวานผมไม่ฟังที่คุณเตือน ที่บอกให้ผมยกเลิกรูปที่ส่งไปให้ภรรยา ผมคาดว่าช่วงนี้ภรรยาผมคงกินอะไรไม่ลงแล้ว…”
เฉินชางขอยืนยันเลยว่าตนไม่ได้รู้สึกดีใจที่ได้เห็นความทุกข์ยากของผู้อื่น “โอเคครับ ผมเลี้ยงคุณเอง หมอจิ่งเพิ่งมาอยู่ตงหยางยังไม่คุ้นที่คุ้นทาง พวกเราเจอกันที่ย่านธุรกิจการค้าเทียนเจียแล้วกันนะครับ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด เฉินชางถึงค่อนข้างรู้สึกดีกับจิ่งหราน
ฤดูร้อนที่ร้อนจัด เฉินชางพาจิ่งหรานไปกินหม้อไฟเจ้าเด็ดแห่งหนึ่ง
ทั้งสองกินหม้อไฟกันอย่างเอร็ดอร่อย
พูดคุยกันอย่างคึกคักสนุกสนาน!
พอได้ใช้เวลาร่วมกัน จู่ๆ เฉินชางก็พบว่าผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลย อาจเป็นเพราะจิ่งหรานใช้ชีวิตอยู่ในสถานศึกษามาเป็นเวลายาวนาน ทำให้จิ่งหรานไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมแบบคนเหล่านั้นในโรงพยาบาล
กลับเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา ถึงขั้นที่ค่อนข้างไร้เดียงสา!
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว จิ่งหรานมองเฉินชางด้วยความจริงใจ “หมอเฉินครับ ผมคิดว่าพวกเราเป็นคนแนวเดียวกัน”
เฉินชางชะงัก เขาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง เขามองจิ่งหราน มีหนึ่งประโยคในใจที่พูดไม่ออก หมอจิ่งครับ ความจริงแล้วผมเป็นอดีตของเกิ่งเหยียน เป็นคนที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อน…
เมื่อจิ่งหรานเห็นเฉินชางไม่พูด เขาก็กล่าวตามตรงเลยว่า “จริงครับ!…”
“ผมกลับมาที่ตงหยาง แน่นอนว่าผมไม่ได้แค่ต้องการเป็นหัวหน้า ผมอยากสร้างฐานฝึกอบรมด้านศัลยกรรมทรวงอก และสร้างทีมแพทย์ศัลยกรรรมทรวงอกของผมขึ้นมาที่ตงหยาง…ผมอยากจะเชิญคุณมาเข้าร่วมทีมเรา!”
เฉินชางชะงัก “เอ่อ…หมอจิ่งครับ ในทีมยังมีใครอีกหรือครับ”
จิ่งหรานหน้าแดง ยิ้มขวยเขิน “ตอนนี้มีแค่ผม อนาคตจะมีผมกับคุณ”
เฉินชางหัวเราะ “ไม่รีบครับ ผมทำงานอยู่โรงพยาบาลอันดับสองก็มีความสุขดีมาก แต่อนาคตข้างหน้าถ้าหมอจิ่งจำเป็นต้องการความช่วยเหลือ หมอจิ่งโทรหาผมได้เลยนะครับ แล้วก็เช่นกันครับ ถ้าในอนาคตผมเจออะไรที่แก้ไม่ได้ ผมหวังว่าหมอจิ่งจะยื่นมือเข้ามาช่วยนะครับ!”
จิ่งหรานพยักหน้า “ได้เลยครับ!”
อาหารหนึ่งมื้อใช้เวลารับประทานสองชั่วโมง ทั้งสองดื่มเบียร์หมดไปสองขวด
เดิมทีเฉินชางคิดว่าจิ่งหรานจะคอแข็ง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนเริ่มชวนดื่มเบียร์ก่อน คิดไม่ถึงว่าดื่มไปแค่สองอึกก็เริ่มกรึ่มแล้ว
จิ่งหรานกล่าวด้วยความเกรงใจ “ปกติผมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยมาก วันนี้กินข้าวร่วมกันกับหมอเฉินเป็นครั้งแรก คุยกันถูกคอมากเหมือนรู้จักกันมานาน ก็เลยรู้สึกว่าต้องดื่มสักหน่อย”
เฉินชางหัวเราะออกมาทันใด หมอจิ่งเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาจริงๆ
แต่หลังจากที่ดื่มไปสองขวดแล้ว จิ่งหรานก็รีบส่ายหน้าแสดงให้รู้ว่ามึนศีรษะจนดื่มต่อไม่ไหวแล้ว
หลังจากที่เฉินชางส่งจิ่งหรานขึ้นรถไปแล้ว จู่ๆ เขาก็ค่อนข้างรู้สึกไม่สบายใจ
ถึงยังไงเขา…เขาก็คุ้นๆ ว่าเกิ่งเหยียนไม่ชอบดื่ม
เฉินชางส่ายหน้า ไม่ใช่เกิ่งเหยียนไม่ชอบดื่ม ต้องบอกว่าเกิ่งเหยียนไม่ชอบให้ตนดื่ม!
ถูกต้อง!
วันนี้จิ่งหรานอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ฮัมเพลงเลียนแบบเฉินชาง เขารู้สึกว่าทำเช่นนี้แล้วสบายใจขึ้นมากจริงๆ
ขอนอนกลางวันให้เต็มอิ่มสักงีบ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้จิ่งหรานก็เปิดประตูเข้าไป แล้วเขาก็เจอเกิ่งเหยียนยืนโกรธจนหน้าดำหน้าแดงอยู่ที่หน้าประตู มือทั้งสองข้างกอดอก สายตามุ่งร้าย
เมื่อได้กลิ่นหม้อไฟกับกลิ่นเหล้าคลุ้งตลบไปทั่วทั้งตัวจิ่งหราน เธอก็ชะงัก!
เกิ่งเหยียนดมอย่างเอาจริงเอาจัง แล้วเธอก็พลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!
“จิ่งหราน คุณนี่จริงๆ เลยนะ ร้ายกาจนัก คิดว่าฉันจะไม่ให้คุณกินข้าว คุณก็เลยออกไปทำตัวเหลวไหลนอกบ้าน!…แถมยังดื่มมาด้วย?”
“…โอ้โห ดูสิว่าคุณจะแก้ตัวว่าอะไร…ฉันยังพูดอยู่เลยว่า เห็นว่าเป็นความผิดครั้งแรกของคุณ ฉันจะให้อภัยคุณหนึ่งครั้ง ฉันก็เลยตั้งใจรีบกลับมาทำอาหารให้คุณกินเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ คุณนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ!…”
“…ว่ามา ไปกินเหล้ากับใครมา”
จิ่งหรานถึงกับพูดอะไรไม่ออกในฉับพลัน
“ผม…”
เกิ่งเหยียนสีหน้าเปลี่ยน “ผมอะไร!”
จิ่งหราน “เฉิน…”
เกิ่งเหยียน “เฉินไหน!”
…
…
ตอนเปลี่ยนเวรช่วงเช้าในวันศุกร์ หลี่เป่าซานแจ้งข่าวสารเรื่องหนึ่งให้ทุกคนทราบ อุปกรณ์ผ่าตัดของห้องผ่าตัดของแผนกฉุกเฉินมาครบแล้ว
“อีกไม่นานนี้ โรงพยาบาลจะเริ่มดำเนินการการตรวจและการผ่าตัดโรคที่เกี่ยวกับมือ เสี่ยวเฉิน ตอนนี้คุณเป็นแพทย์ผู้นำทีมคู่กับหัวหน้าอัน เตรียมความพร้อมในการผ่าตัดมือให้ดีนะครับ”
เฉินชางพยักหน้ารับทราบ
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในแผนกอดรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อยไม่ได้
เฉินชางผ่าตัดมือเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ทันทีที่เฉินชางเพิ่งจะตอบตกลงไป แจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น
[ติ๊ง! ประสบการณ์ในการผ่าตัดมือ: เย็บเส้นเอ็นสำเร็จ 500 เคส ได้รับหนังสือ ‘เข็มทิศเวชศาสตร์ฟื้นฟูเส้นเอ็น’ หนึ่งเล่ม]
เฉินชางชะงัก แล้วเขาก็อดหัวเราะไม่ได้
เขาเปิดสมุดเป้าหมายเพื่อดูภารกิจระยะยาว และเมื่อเห็นว่าถ้าผ่าตัดสำเร็จห้าร้อยเคสก็จะบรรลุเป้าหมายเล็กของหมวดเป้าหมายทางการแพทย์
ซึ่งเป็นเป้าหมายเล็กนี้เป็นเป้าหมายเหนือขีดจำกัดที่เฉียนหลินกำหนดให้ตน เพื่อศักยภาพที่เหนือกว่าจิ่งหราน
หลังจากที่อ่านจบ เฉินชางก็หัวเราะออกมาอีก