เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 279 เฉินชางไม่ได้ทำใครท้องใช่ไหม

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 279 เฉินชางไม่ได้ทำใครท้องใช่ไหม

ตอนรับประทานอาหาร เฉินชางนำเหล้ามาด้วย

เป็นเหล้าที่หลี่เป่าซานให้เฉินชางมา

หบี่เป่าซานได้เหล้าขวดนี้มาจากผู้ป่วยรายหนึ่ง แต่หลี่เป่าซานไม่ดื่มเหล้า ก็เลยยกให้เฉินชาง

เป็นเหล่าเฝินจิ่ว รุ่นปีสองศูนย์ ซึ่งเป็นเหล้าชั้นดี

ในครั้งนี้หยางจยาฮุ่ยไม่ได้ห้ามทุกคนดื่ม แต่กลับมองชายชาตรีทั้งสามของบ้านด้วยสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วทำทีด่าว่าด้วยเสียงหัวเราะ “ครอบครัวนี้ พวกแกสามคนรังแกฉันผู้หญิงคนเดียวในบ้าน”

ทุกครั้งที่หยางจยาฮุ่ยด่าว่าเฉินต้าไห่ เขามักจะหัวเราะซื่อๆ ออกมา ไม่ตอบโต้อะไร

เขายังช่วยภรรยาผสมโรงอีกด้วย “ใช่ เฉินหลัว! สมัยแกยังเด็กแกทำให้แม่แกโมโหบ่อยๆ พ่อต้องคอยปลอบแม่แกว่าอย่าโมโห”

หยางจยาฮุ่ยถลึงตาใส่เฉินต้าไห่ทันที “คุณนั่นแหละทำให้ฉันอารมณ์เสียได้ทุกวี่ทุกวัน! หลัวเอ๋อร์รู้เรื่องรู้ราวมากกว่าคุณอีก”

หยางจยาฮุ่ยมองหน้าจอสั่งอาหารที่เธอใช้ไม่เป็น แต่เธอเห็นราคาของอาหารแต่ละอย่างแล้วก็รู้สึกสะอึกในใจ แพงจังเลย

เฉินชางสั่งอาหารชุดใหญ่ ทว่าต่อหน้าพนักงาน หยางจยาฮุ่ยก็เกรงใจที่พูดตรงๆ จึงพูดแค่ว่า “กินไม่หมดหรอก ไม่ต้องสั่งเยอะขนาดนั้น”

เฉินชางหัวเราะ สั่งเมนูที่ขึ้นชื่อของทางร้านเพิ่มอีกสองสามเมนู

เธอรอจนกระทั่งพนักงานเดินออกไปแล้ว หยางจยาฮุ่ยอดกล่าวไม่ได้ว่า “ชางเอ๋อร์ แพงจังลูก! สั่งน้อยๆ หน่อย!”

เฉินชางอดกล่าวไม่ได้ว่า “โธ่ แม่ครับ แม่ไม่ต้องกังวลเลยครับ ตอนนี้พวกเรามีเงิน…

…มาครั้งนี้ ผมอยากให้แม่ได้เสวยสุขเต็มที่ เดี่ยวพรุ่งนี้พวกเราไปพักโรงแรมน้ำพุร้อนเยว่หยางซานจวงกัน พักผ่อนที่นั่นสักสองวันแล้วค่อยไปดูบ้าน”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องบ้าน หยางจยาฮุ่ยก็อดถามไม่ได้ว่า “ทำไมอยู่ดีๆ เกิดอยากจะซื้อบ้านขึ้นมาล่ะ”

สีหน้าของเฉินต้าไห่ก็ดูอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที “มีแฟนแล้วหรือไง”

เฉินชางส่ายหน้า “เปล่าครับ หาเงินได้แล้ว การงานก็มั่นคงแล้ว ถือเงินไว้กับตัวก็ลงทุนไม่เป็น สู้ซื้อบ้านไม่ได้”

หยางจยาฮุยสีหน้าข้องใจ เธอกับเฉินต้าไห่ถกเรื่องนี้กันนานมาก!

เธอคิดว่าเฉินชางมีแฟนแล้ว แล้วครอบครัวของแฟนสาวเร่งเร้าให้ซื้อบ้าน ไม่ซื้อไม่ได้

เฉินต้าไห่คิดว่า เฉินชางทำแฟนสาวท้อง…

เพราะอยู่ดีๆ ก็เกิดคิดอยากจะซื้อบ้านขึ้นมา…

หยางจยาฮุ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ชางเอ๋อร์ พ่อกับแม่มาอันหยางครั้งนี้รวบรวมเงินมาหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน เงินที่ลูกมีอยู่ตอนนี้พอหรือเปล่า”

เมื่อเฉินชางได้ยินดังนั้น เขาก็ถึงกับงงในทันใด!

“พ่อ แม่ เอาเงินกลับไปคืนเพื่อนบ้านเลย ตอนนี้ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินจริงๆ ช่วงวันหยุดผมไปทำงานที่คลินิกศัลยกรรมทำเงินได้เยอะ เดือนหนึ่งได้ตั้งหลายแสนหยวน เมื่อไม่นานมานี้ศัลยกรรมให้กับเถ้าแก่เนี้ยไป ทำเงินได้ล้านกว่าหยวน ผมถึงคิดจะซื้อบ้าน”

เมื่อหยางจยาฮุ่ยได้ฟังดังนั้นก็เอ่ยขึ้น “งั้นลูกก็ต้องเอาเงินไว้สำหรับตกแต่งบ้านด้วยสิ ตกแต่งบ้านไม่ต้องใช้เงินหรือไง เฟอร์นิเจอร์ก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ นะ”

เฉินชางไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือจะหัวเราะดี “แม่ แต่ละเดือนผมหาเงินได้เป็นหลายแสนหยวน แม่เก็บเงินไว้ดูแลตัวเองเถอะครับ ต่อไปไม่ต้องลำบากแล้ว เรื่องค่าเล่าเรียนค่ากินอยู่ของเฉินหลัว พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงแล้ว ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง…

…รอบ้านตกแต่งเสร็จ พ่อกับแม่ก็มาอยู่ได้เลย ถึงตอนนั้นแม่ทำอาหารให้ผมกับเฉินหลัวกิน สุดสัปดาห์เฉินหลัวก็กลับมาอยู่บ้าน พวกเราทั้งครอบครัวอยู่ที่เมืองอันหยาง ผมก็ดูแลทุกคนได้สะดวก”

เมื่อเฉินต้าไห่ได้ฟังเช่นนั้น เขาก็รีบพยักหน้าทันที “ใช่ ต่อไปคุณทำอาหารให้ชางเอ๋อร์กิน ส่วนผมอยู่ที่บ้านเก่าดูแลบ้าน”

หยางจยาฮุ่ยถลึงตาใส่เฉินต้าไห่ “ถ้าฉันไม่อยู่บ้านหลังนั้นแล้วใครจะทำอาหารให้คุณกิน!”

เฉินต้าไห่หัวเราะลั่น “ผมเป็นพ่อครัวนะ ไม่ต้องกลัวเรื่องนี้”

หยางจยาฮุยส่ายหน้า “เรื่องนี้ไว้คุยกัน แม่กับพ่อของลูกยังมีเรี่ยวแรงทำงานได้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนลูก แล้วอีกอย่างบอกตามตรง พ่อกับแม่อยู่ชนบทมาครึ่งชีวิตแล้ว ย้ายมาอยู่อันหยางไม่ชิน พ่อของลูกเขาอยู่บ้านหลังนั้นจนชินแล้ว ชอบไปแวะเวียนไปตามของเพื่อนบ้าน รอพ่อกับแม่แก่จนไม่เรี่ยวแรงแล้วค่อยว่ากันอีกที”

เฉินชางไม่ได้เกลี้ยกล่อมโน้มน้าวใจ อะไรที่พ่อแม่รู้สึกสบายใจก็ตามนั้น

แต่เฉินชางยังกล่าวอีกว่า “พ่อ แม่ ต่อไม่ไม่ต้องทำงานหนักแล้วนะ ใส่ใจสุขภาพร่างกายด้วย อายุมากแล้วต้องระมัดระวังให้มาก”

อาหารหนึ่งมื้อใช้เวลาในการรับประทานอาหารนานมาก ดื่มเหล้าหมดไปหนึ่งขวด เตรียมจะเปิดอีกขวด ทว่าหยางจยาฮุ่ยห้ามไม่ให้เปิดขวดที่สอง

หลังจากออกมาจากร้านอาหารแล้ว เฉินต้าไห่กับหยางจยาฮุ่ยอดกล่าวจากใจไม่ได้ว่า

“พนักงานของร้านบริการดีมากจริงๆ! ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดมืออุ่นอยู่ตลอด”

“พนักงานของร้านขยันกันจริงๆ ตอนไปห้องน้ำก็พาไป”

ระหว่างทางกลับโรงแรม ทุกคนต่างพูดคุยสนุกสนาน เมื่อกลับเข้ามาในที่พักแล้ว ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงกัน กินเมล็ดแตงที่ซื้อมา เปิดโทรทัศน์ ดูโทรทัศน์ไปพูดคุยกันไป

พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกันจนฟ้าสาง

นับตั้งแต่เฉินชางทำงานก็ไม่ได้กลับไปฉลองวันตรุษจีนกับที่บ้านเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…

ถ้าคุณมีแรงกดดันในชีวิตมาก อารมณ์ของคุณก็จะค่อนข้างฉุนเฉียวและซึมเศร้า

ตอนนี้สถานะทางการเงินของเฉินชางและคนในครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปมาก ความกดดันต่างๆ จึงเบาบางลงไปไม่น้อย

วันต่อมา เฉินชางพาครอบครัวไปที่โรงแรมน้ำพุร้อนเยว่หยางซานจวง ทุกคนในครอบครัวต่างได้พักผ่อนกันอย่างอิ่มเอม

เฉินปิ่งเซินให้เฉินชางมาห้าใบ เฉินชางไม่รู้ว่าให้มาทำไมตั้งห้าใบ สี่ใบก็พอแล้ว

เมื่อเหลืออีกหนึ่งใบ เฉินชางก็เลยคิดจะเอาให้คนอื่น ผลคือคนอื่นต่างมีกิจกรรมที่จะทำในช่วงวันหยุดกันหมดแล้ว

ระหว่างที่เฉินชางกำลังอับจนหนทางกับตั๋วใบที่เหลืออยู่นั้น เฉินชางก็เอาตั๋วใบนั้นใส่ไว้ในกระเป๋า คิดว่าไว้คราวหน้าตนมีเวลาว่างอีกจะมาเที่ยวที่นี่อีกครั้งคนเดียว

ช่วงระยะเวลาสองวันมานี้ ครอบครัวเฉินสี่คนต่างใช้ชีวิตกันกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ ตอนเช้าออกไปเลือกดูบ้าน ตกเย็นกลับไปแช่น้ำร้อนในโรงแรม

ในตอนเริ่มแรก เมื่อไปถึงตึกสำนักงานขาย เฉินต้าไห่เปี่ยมล้นด้วยความสนใจใคร่รู้ไปทุกสิ่ง เขาสอบถามข้อมูลต่างๆ นานา คิดไว้ว่าจะเอาไปคุยโวให้เพื่อนร่วมวงเหล้าฟัง

ทว่าหลังจากที่ดูบ้านมาได้สิบกว่าหลัง ความสนใจใครรู้ของเฉินต้าไห่ก็จางหายไป

ทว่าความรู้สึกสนใจใคร่รู้ของหยางจยาฮุ่ยกลับพุ่งสูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่สอบถามข้อมูลจากพนักงายขายบ้านได้อย่างเชี่ยวชาญยิ่งกว่าเฉินต้าไห่เสียอีก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทิศทางที่แสงแดดส่องเข้าบ้าน รูปแบบบ้าน ฮวงจุ้ย อะไรต่อมิอะไร…สอบถามสาวน้อยพนักขายของโครงการไปเสียหมดทุกอย่าง

ตกเย็นหลังจากกลับมาถึงที่พักแล้ว หยางจยาฮุ่ยยังฟังรายการของพนักงานขายบนโทรศัพท์ด้วยความสนใจ

วันต่อมา ทั้งครอบครัวมาที่ตึกที่อยู่อาศัยที่เพิ่งสร้างใหม่ ชื่อตึกหว่านเคอจื่อหยาง อยู่ใกล้ย่านธุรกิจการค้าเทียนเจีย

ตึกแห่งนี้อยู่ใกล้โรงพยาบาลอันดับสองมาก ตึกยังสร้างไม่เสร็จทั้งหมด

ด้านหลังยังคงมีการดำเนินการก่อสร้างอยู่ ทว่าถึงแม้จะยังสร้างไม่เสร็จ แต่ก็มีคนซื้อจนเต็มแล้ว

เฉินชางมองโมเดลจำลองที่พนักงานขายบ้านกำลังแนะนำ

ในตอนนี้เอง จู่ๆ เฉินชางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น

“เฉินชาง!”

หลังจากที่เฉินชางได้ยินเสียงนั้น เขาก็อดชะงักไม่ได้

เสียงนี้เป็นเสียงที่เคยอยู่ในชีวิตเขาเมื่อนานมากแล้ว เป็นเสียงที่เขารู้จักดีมาก

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินชางก็หันไปเงียบๆ

“เกิ่งเหยียน” น้ำเสียงของเฉินชางราบเรียบมาก เขามองคนที่คุ้นเคยตรงหน้า เดิมทีคิดว่าถ้าต้องเจอหน้ากันจะต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจขนาดไหน คิดไม่ถึงว่าตอนที่เอ่ยชื่อเธอออกไป จะกลายเป็นความรู้สึกที่แสนเรียบง่าย

เกิ่งเหยียนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่งกายสไตล์เดิมที่คุ้นตา ใบหน้าเหมือนเดิม สายตาที่มองเฉินชางก็ยังคนเป็นสายตาของคนที่รู้จักกัน

หญิงสาวคนนี้เป็นคนมีบุคลิกลักษณะเช่นนี้ ตรงไปตรงมา กล้ารักกล้าเกลียด คิดอะไรพูดอย่างนั้น

เกิ่งเหยียนหัวเราะ “เป็นนายจริงๆ ด้วย ไม่เจอนานเลยนะ!”

เฉินชางหัวเราะเก้อเขิน วางตัวไม่ถูก “ใช่ๆ ไม่เจอกันตั้งนาน เธอไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่นิด!”

ถึงแม้ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันมานานมาก แต่เมื่อได้พูดคุยกันก็ดูสนิทคุ้นเคยกันขึ้นมาทันใด

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท