บทที่ 309 สามีภรรยา มีสามีก็ต้องมีภรรยา!
อย่างไรก็ตามทุกคนเข้าใจดีว่าหากไม่ได้เฉินชาง ผู้ป่วยคนนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงโชคลาภอะไรอีก ชีวิตของเขาคงตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถเจาะถุงหุ้มหัวใจแบบตาบอดเพื่อคลายภาวะหัวใจบีบรัดภายในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้ มันอันตรายเกินไป! เสี่ยงมากไป แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
หากว่ากันตามตรง หัวหน้าแผนกทั้งสามคนไม่รู้จริงๆ ว่าจะประเมินการกระทำของเฉินชางอย่างไรดี
นี่เรียกว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษหรือไม่
เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น จะต้องตัดสินใจเลือกออกมาให้เด็ดขาด และเฉินชางก็มีความสามารถเพียงพอที่จะทำได้ ผู้ป่วยจึงได้รับการช่วยเหลือเอาไว้ได้เช่นนี้เอง
……
หน้าแผนกฉุกเฉิน ผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดลงจากรถจักรยานไฟฟ้าที่ยังไม่ทันจอดสนิท รีบวิ่งกระหืดกระหอบมายังแผนกฉุกเฉิน!
แม้หูของเธอจะได้ยินเสียง ‘โครม’ แสดงให้เห็นว่ารถล้มไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สนใจหันกลับไปมอง
เธอเป็นผู้หญิงที่มีความละเอียดรอบคอบคนหนึ่ง ยามปกติผู้หญิงเช่นนี้จะคอยค้ำจุนครอบครัวได้ดี ทว่าในตอนนี้ความคิดของเธอติดอยู่กับผู้ป่วยชายเท่านั้น ไม่สนใจคิดเรื่องอื่นแล้ว!
หนิวฮุ่ยรู้สึกเสียใจ ปกติเธอเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง แต่จู่ๆ ก็สูญเสียที่พึ่ง ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีความเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่ง แต่ขณะนี้เมื่อได้ยินข่าวของสามี กลับรู้สึกราวกับฟ้าถล่ม!
อุบัติเหตุ! ช็อค! กู้ชีพ! อันตราย!
คำพูดทั้งหลายดังวนเวียนอยู่ในสมองไม่หยุด เธอตกใจเหมือนหัวใจจะสลาย!
เธอนำของมีค่าทั้งหมดเท่าที่จะคิดออกติดตัวมาด้วย ได้แก่เงินสดสองหมื่น บัตรประชาชน โทรศัพท์มือถือ บัตรเครดิต กระทั่งเครื่องประดับที่ทำจากทองคำแท้ที่สามีซื้อให้ตอนแต่งงานก็ยังนำใส่กระเป๋ามาด้วย
สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำอยู่เป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก เธอแค่พยายามช่วยสามีของตนอย่างสุดความสามารถ พยายามรักษาท้องฟ้าของเธอเอาไว้
ตอนนี้เธอไม่คิดตำหนิที่เขาดื่มเหล้าแล้ว ไม่คิดตำหนิที่เขาออกเช้ากลับดึกอีก ไม่คิดตำหนิที่เขาชอบออกไปเล่นเกมมือถือนอกบ้านอีก ขอเพียงเขามีชีวิตรอด จะเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น!
น้ำตายังไม่ทันไหลออกจากกระบอกตาก็ถูกหนิวฮุ่ยยกมือขึ้นเช็ด
ตอนนี้เธอจะร้องไห้ไม่ได้ เธอรู้ดี หากเธอร้องไห้แล้วใครจะปกป้องครอบครัวได้อีก
เขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่วีรบุรุษกู้โลก ไม่ใช่ชายหล่อเหลา ไม่ใช่คนเก่งกาจมากความสามารถอะไร เป็นแค่ชายวัยกลางคนมอซอคนหนึ่ง!
แต่…เขาเป็นสามีของเธอ เป็นคนที่เธอรักอย่างลึกซึ้ง เป็นท้องฟ้าของครอบครัว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หนิวฮุ่ยก็รีบเปิดประตูแผนกฉุกเฉินแล้ววิ่งเข้าไปทันที
แผนกฉุกเฉินดูยุ่งวุ่นวาย ความวุ่นวายนั้นก็ไม่ได้หยุดลงเพราะการมาถึงของหนิวฮุ่ย
หนิวฮุ่ยวิ่งเข้าไปหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล “หมอคะ ฉันเป็นภรรยาของซุนเซิ่ง เขา…ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างคะ”
นางพยาบาลเสี่ยวหลินได้ยินดังนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “คุณรอสักครู่นะคะ ผู้บาดเจ็บถูกส่งไปตรวจอยู่ค่ะ หมอเฉิน ญาติผู้ป่วยมาถึงแล้วค่ะ!”
เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจ เฉินชางจึงทราบว่าผู้บาดเจ็บชื่อซุนเซิ่ง เป็นคนพื้นที่ ข้อมูลถูกส่งออกมาต่อเนื่อง
ตอนนี้พวกเขากำลังรอผลการตรวจ เตรียมทำการผ่าตัดต่อไป!
เฉินชางรีบเดินเข้ามา มองไปที่หนิวฮุ่ย “สวัสดีครับ ผมเฉินชาง เป็นหมอที่โทรหาคุณเมื่อครู่นี้นะครับ”
หนิวฮุ่ยพยักหน้าแล้วรีบถามว่า “หมอเฉิน สวัสดีค่ะ…สามีของฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
พูดจบก็มองไปทางเฉินชางด้วยใบหน้าคาดหวัง ในใจยังคงรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่ากำลังรอเวลาตัดสินชะตาชีวิต!
เฉินชางอธิบายให้ฟัง “ตอนนี้อาการของผู้ป่วยค่อนข้างเสถียร เดี๋ยวผมจะอธิบายอาการอย่างละเอียดให้ฟังนะครับ ผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้กระดูกซี่โครงหัก บาดเจ็บไปถึงถุงหุ้มหัวใจและเส้นเลือด มีเลือดออกจำนวนมากจนไหลเข้าสู่ปอดและถุงหุ้มหัวใจ ทำให้เกิดภาวะหัวใจบีบรัด สถานการณ์อันตรายมาก ผมจึงเจาะถุงหุ้มหัวใจให้เขาแบบฉุกเฉิน ถึงจะช่วยกำจัดภาวะหัวใจบีบรัดออกไปได้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้พวกเรายังต้องตรวจให้มั่นใจว่ามีอาการบาดเจ็บที่หัวใจและเส้นเลือดจุดอื่นอีกหรือไม่ และยังมีเลือดคั่งอยู่ในปอดและถุงหุ้มหัวใจอีกหรือไม่ จะต้องผ่าตัดเปิดทรวงอกเพื่อวินิจฉัยอาการและการรักษาที่ดีขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่อันตรายนะครับ”
“ดังนั้นตอนนี้ผมคงบอกคุณได้แค่ว่า อาการของผู้ป่วยเสถียรเพียงชั่วคราว”
หลังจากอธิบายจบเฉินชางก็พูดต่อไป “นี่ครับ นี่เป็นหนังสือรับทราบและยินยอมรวมถึงหนังสือแจ้งการผ่าตัด…คุณช่วยเซ็นชื่อด้วยนะครับ”
ขณะที่เฉินชางพูด พยาบาลในห้องกู้ชีพก็วิ่งเข้ามา “หมอเฉิน ผู้ป่วยซุนเซิ่งได้สติแล้วค่ะ!”
ประโยคนี้ทำให้หนิวฮุ่ยดีใจอย่างยิ่ง
หลายครั้งที่ญาติผู้ป่วยมีความคิดอยู่ในหัวมากมาย เมื่อได้สติขึ้นมาแล้วก็ถือว่าดี เมื่อได้ยินว่าสามีได้สติแล้ว หนิวฮุ่ยก็รีบมองเฉินชางแล้วพูดว่า “ฉันเข้าไปเยี่ยมเขาได้ไหมคะ”
เฉินชางพยักหน้า “คุณมากับผมก็ได้ครับ”
เฉินชางประมาณการในใจ หากผู้ป่วยไม่ได้มีอาการใดเป็นพิเศษก็สมควรได้สติแล้ว ตอนนั้นเขามีอาการช็อคเพราะความดันโลหิตต่ำอันเกิดจากภาวะหัวใจบีบรัด ตอนนี้ผ่านไปนานแล้วก็สมควรได้สติแล้ว
ขณะสนทนากัน เฉินชางก็พาหนิวฮุ่ยเดินไปถึงห้องกู้ชีพ
ตัวเลขที่ปรากฏบนเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นปกติ เฉินชางจึงผ่อนคลายลงได้
หนิวฮุ่ยมองซุนเซิ่งที่นอนอยู่บนเตียง น้ำตาไหลออกมา
“สามี…คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ…” หนิวฮุ่ยร้องไห้โดยไร้เสียง เธอเดินไปข้างๆ ยืนน้ำตาไหลอยู่ตรงนั้น
หนิวฮุ่ยไม่เข้าใจเรื่องการแพทย์และไม่กล้าแตะต้องซุนเซิ่งตามใจเพราะกลัวจะมีปัญหาอะไร
ตอนนี้ซุนเซิ่งเห็นภรรยาของตนร้องไห้ต่อหน้าก็ใจอ่อนยวบ “ที่รัก…ขอโทษ…ผม…”
ซุนเซิ่งอยากขอโทษแต่หนิวฮุ่ยกลับหยุดเขาไว้ “คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คุณรู้หรือเปล่า…คุณทำให้ฉันตกใจแทบตาย ถ้าไม่มีคุณ ลูกของพวกเราจะทำยังไงคะ! คุณต้องรักษาตัวให้ดี ฉันขอร้องล่ะ อย่าดื่มเหล้าอีกเลยได้ไหมคะ…”
เมื่อเห็นภรรยาสะเทือนใจถึงเพียงนี้ ซุนเซิ่งก็อยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เพียงเขาอ้าปากน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ภรรยาที่ปกติเป็นหญิงแกร่ง ตอนนี้กลับร้องไห้เหมือนเด็กน้อย ซุนเซิ่งรู้สึกผิดจนพูดอะไรไม่ออก
ทางด้านหนิวฮุ่ย เมื่อเห็นสามีตนเองนอนอยู่บนเตียงของห้องกู้ชีพในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ก็รู้สึกดีใจ
ครอบครัวนี้ของพวกเธอจะขาดใครไปไม่ได้
ความแข็งแกร่งของผู้หญิงจะเกิดขึ้นบนพื้นฐานที่มีผู้ชายยืนหยัดเป็นท้องฟ้าให้เธอ
ความไร้เดียงสาของผู้ชายเกิดขึ้นเพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งคอยดูแลและใคร่ครวญสิ่งสำคัญเพื่อเขาอย่างครบถ้วนครบครัน เมื่อรวมกันแล้วจึงจะนับเป็นครอบครัว!
เฉินชางรอให้คนทั้งสองคุยกันอีกหลายประโยค ผ่านไปครู่หนึ่ง พยาบาลในห้องผ่าตัดก็โทรมาแจ้งว่าเตรียมการเรียบร้อยแล้ว พร้อมเริ่มการผ่าตัดได้ทุกเมื่อ
เฉินชางนำหนังสือยินยอมไปให้ทั้งสองเซ็นชื่อ จากนั้นก็เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าไปที่ห้องผ่าตัด
……
ตอนนี้หลี่เป่าซาน เถามี่และหัวหน้าแผนกคนอื่นๆ กำลังปรึกษากันอยู่ในห้องผ่าตัด
เถามี่กล่าวด้วยสีหน้าแปลกใจว่า “ตอนนี้ผมว่าผมมองเสี่ยวเฉินไม่ออกขึ้นทุกวันแล้ว เขาจะเก่งเกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าฝีมือเขาอยู่ระดับไหน!”
“ผมว่าเขาเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นหมอศัลย์ฯ จริงๆ! เหล่าหลี่ คุณพูดให้ทุกคนฟังหน่อยสิครับว่าคุณชุบเลี้ยงเขามายังไง”
หลี่เป่าซานใบหน้าไร้อารมณ์ ไม่ต้องพูดถึงเถามี่เลย แม้แต่เขาเองก็มองเฉินชางไม่ออก เพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่แสดงพิรุธออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย เฉินชางไม่เคยแสดงความสามารถออกมาด้วยเหตุผลของตัวเอง แต่ทุกครั้งที่แผนกเจอปัญหา เฉินชางก็จะเข้ามาช่วยแก้ เขาแก้ปัญหาไปได้หลายอย่างเลยทีเดียว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลี่เป่าซานก็รู้สึกประหลาดใจ
เสี่ยวเฉินคนนี้…มีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง
เรื่องการผ่าตัดไส้ติ่ง เขาก็พัฒนาวิธีการผ่าตัดไส้ติ่งแบบแผลเล็กออกมาได้!
เรื่องการผ่าตัดถุงน้ำดี เขาก็ผ่าถุงน้ำดีเคสที่ยากลำบากออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังผ่าตัดให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วยตนเองอีกด้วย เพียงแค่การผ่าตัดถุงน้ำดีอย่างเดียว หลี่เป่าซานก็ได้ยินว่าวันนั้นจางโหย่วฝูถึงกับถอนใจออกมาไม่หยุดเชียว
ด้านการผ่าตัดเย็บเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อซึ่งจัดอยู่ในแผนกศัลยกรรมมือ กระทั่งคนระดับหัวหน้าอย่างถานจงหลินและอันเยี่ยนจวินก็ยังตกตะลึงราวกับเห็นมายากล!
ก่อนหน้านี้เขาก็ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินกังจินเอาไว้ได้ รักษาหลอดอาหารและหลอดลมซึ่งจัดอยู่ในแผนกศัลยกรรมทรวงอกได้อย่างดี…
เสี่ยวเฉินคนนี้ ยังซ่อนความสามารถอะไรไว้อีกกันแน่!
เถามี่เห็นหลี่เป่าซานหน้าตึงไม่ยอมพูดอะไรก็คิดว่าหลี่เป่าซานกลัวว่าตนจะแย่งตัวเฉินชางไป จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ “เหล่าหลี่ พูดอะไรหน่อยสิครับ ผมไม่ได้มีความคิดจะแย่งเฉินชางของพวกคุณไปนะครับ ผมแค่รู้สึกแปลกใจว่าแผนกฉุกเฉินของพวกคุณเลี้ยงดูคนแบบนี้ออกมาได้ยังไง”
หลี่เป่าซานไอค่อกแค่ก เขาจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า!
จะให้โกหก หลี่เป่าซานก็ทำไม่เป็น เมื่อเป็นเช่นนี้สู้เงียบไปเสียยังจะดีกว่า ปฏิกิริยานี้จะทำให้ตัวเองดูเป็นคนยากจะหยั่งถึง