บทที่ 343 เหตุฉุกเฉิน
เหยียนหมิงลาออกแล้วทำให้แผนกฉุกเฉินต้องเร่งรับสมัครคน ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไรเขาก็เป็นหมอเก่าแก่ที่มีอายุงานสูงคนหนึ่ง ทั้งยังมีประสบการณ์มากมาย การลาออกของเขาจึงทำให้แผนกฉุกเฉินฝ่ายอายุรกรรมเกิดความวุ่นวายไปขณะหนึ่ง
แผนกฉุกเฉินฝ่ายอายุรกรรมไม่มีเวลาผ่อนคลายเนื่องจากคนไข้ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินในฝ่ายอายุรกรรมทั้งนั้น เมื่อเทียบกับฝ่ายศัลยกรรมแล้ว แผนกฉุกเฉินฝ่ายอายุรกรรมจะค่อนข้างจุกจิกกว่าและลำบากกว่า
การรับสมัครบุคลากรก่อนหน้านี้ก็เข้าสู่ช่วงปลายแล้ว ว่ากันว่าตำแหน่งใหญ่ๆ ที่เปิดรับสมัครเข้าสู่ช่วงเตรียมสัมภาษณ์งานแล้ว
เฉินชางเกิดความสงสัยจึงลองเปิดหน้าเว็บไซต์ของโรงพยาบาลขึ้นมาดู เขาอยากรู้ว่าเพื่อนร่วมเรียนของเขาเข้ารอบสัมภาษณ์หรือไม่
หลังจากตรวจสอบไปรอบหนึ่งจึงค่อยรู้ว่ามีเพียงหลัวโจวคนเดียวที่ทำคะแนนข้อเขียนได้อันดับหนึ่งและได้เข้าสู่รอบสัมภาษณ์ ส่วนคนอื่นๆ แม้จะเข้ามาได้แต่คะแนนการสอบรอบแรกก็ธรรมดา ไม่ได้มีจุดเด่นอะไร
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การสัมภาษณ์ก็เป็นงานที่ต้องให้ความสำคัญมาก
ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้นน่ะหรือ ดังคำที่ว่า
คุณแกร่งก็ปล่อยคุณแกร่งไป
ดังสายลมโชยพัดขุนเขา
หากคุณร้ายก็ปล่อยคุณร้ายไป
สิ่งที่คุณทำจะเหมือนจันทร์กระจ่างที่สะท้อนบนสายน้ำ
นี่คือคำพูดในอินเทอร์เน็ต! หมายความว่าการสัมภาษณ์จะเป็นตัวสะท้อนทุกอย่างของคุณ!
หลังจากดูจบ เฉินชางก็ถอยออกไป หลัวโจวเข้ามาทำงานที่แผนกฉุกเฉินฝ่ายศัลยกรรมได้ก็ไม่เลว แต่ว่า…ต้องดูโชคชะตาของเขาแล้ว ส่วนตัวเองก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง ชีวิตของตัวเองยังเอาไม่รอด ยังจะว่างไปวุ่นวายกับคนอื่นอีกหรือ
……
……
หากว่ากันตามปกติ งานช่วงสายๆ ของวันศุกร์จะว่างกว่าวันอื่นเล็กน้อย อาจเป็นเพราะทุกคนรู้ว่าใกล้จะถึงสุดสัปดาห์แล้วจึงอดทนไว้! ดังนั้นปกติวันนี้จึงค่อนข้างว่าง แต่คืนวันศุกร์มักจะเสียงดังเอะอะ
สุดสัปดาห์ที่แสนมีเสน่ห์ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว หลังจากสิ้นสุดสัปดาห์อันยากลำบากย่อมต้องเริ่มงานรื่นเริง
ช่วงสายของวัน ในตอนที่เฉินชางใกล้จะเลิกงานแล้ว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังแว่วออกมาจากในห้องผู้ป่วย
เฉินชางหยุดฝีเท้าลงทันที
แม้แผนกฉุกเฉินจะแบ่งเป็นฝ่ายอายุรกรรมและฝ่ายศัลยกรรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ทำเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการดูแลผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยของฝ่ายใด หากมีอะไรเกิดขึ้น บุคลากรของทั้งสองฝ่ายก็ต้องพยายามช่วยส่งเสริมเต็มกำลัง
เฉินชางเป็นหนึ่งในคนที่เกิดความสงสัยจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไป ยังไม่ทันไปถึงก็ได้ยินเสียงผู้ป่วยตะโกนว่า “ช่วยด้วย! ช่วยแม่ผมด้วย!”
ชายคนหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้วยท่าทางร้อนรน เฉินชางเห็นท่าทางไม่ดีหัวใจก็เต้นตึกตัก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“เกิดอะไรขึ้นครับ” เฉินชางรีบถามญาติผู้ป่วย
ตอนนี้เอง จางซูและเหยาจื้อเหวินของฝ่ายอายุรกรรมก็รีบวิ่งเข้ามาแล้ว
ตอนนี้ญาติผู้ป่วยมีสีหน้าหวาดผวา “หมอ! รีบไปดูเร็วเข้า อยู่ๆ แม่ผมก็ชักไปแล้ว!”
ประโยคเดียวทำให้คนทั้งสามตกใจ รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที เห็นผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้อกระตุก ใบหน้าสองฝั่งและปากเริ่มบิดเบี้ยว!
ตอนนี้ทั้งสามคนจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลงได้!
คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก ที่แท้ก็…ลมบ้าหมู?
ความรู้สึกแรกหลังจากที่ทั้งสามได้เห็นอาการป่วยต่างก็เป็นเช่นนี้
ในขณะที่กำลังเตรียมจะเข้าช่วยเหลือ จู่ๆ ผู้ป่วยก็สงบลง ไม่ชักแล้ว
ลมบ้าหมูกำเริบเล็กน้อยหรือ
จางซูรีบถามญาติผู้ป่วยทันที “ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเกิดอาการนี้ได้คะ”
ญาติผู้ป่วยส่ายหน้า สีหน้าเปลี่ยนไป เขามองไปยังมารดาของตนที่ในยามนี้มีเหงื่อท่วมศีรษะ รู้สึกปวดใจจนทนไม่ไหว รีบหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดเหงื่อให้เธออย่างระมัดระวัง
“แม่ครับ ไม่เป็นไรใช่ไหม ทำเอาผมตกใจหมด! ตอนนี้รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”
หญิงคนนั้นอายุประมาณห้าสิบหกสิบปี แต่งตัวธรรมดา ถุงเท้ามีรอยเย็บซ่อมหลายครั้ง ดูออกว่าสถานการณ์ทางบ้านอาจจะ…ธรรมดามาก
หญิงคนนั้นหลับตาลง ศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อ ปากก็ส่งเสียงพึมพำออกมา “โอ๊ย เจ็บเหลือเกิน รู้สึกใจหวิวๆ มึนหัว…แย่มาก อยากอ้วก!”
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความทรมาน น้ำเสียงก็แหบแห้งและสั่นเล็กน้อย ดูออกว่าเธอทุกข์ทรมานมากจริงๆ!
ลูกชายมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ตกลงมันเกิดอะไรกันแน่ครับ ก็คุณบอกว่าแม่ผมมีอาการวิงเวียนศรีษะไม่ใช่หรือ แค่สมองขาดเลือดธรรมดาไม่ใช่หรือ ทำไมถึงชักได้! ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! อยู่ที่แผนกฉุกเฉินมาสามวันแล้ว อาการไม่ดีขึ้นแต่กลับแย่ลงอีก ถึงกับเริ่มชักอีกแล้ว จะรักษาได้หรือเปล่า!”
อารมณ์ของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พูดประโยคสุดท้ายก็ถึงกับตะโกนออกมา
จางซูยังคงหน้าไม่เปลี่ยนสี “คุณหลบไปก่อนค่ะ ให้พวกเราดูผู้ป่วยหน่อย!”
ชายคนนั้นอายุสามสิบห้าปี ชื่อเถียนชง ไม่เคยเรียนปริญญา พอเรียนจบมัธยมปลายก็ทำงานทันที ดิ้นรนอยู่หลายปีในที่สุดก็ลงหลักปักฐานที่เมืองอันหยางด้วยกันกับภรรยา เขาเปิดร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง กิจการพอไปวัดไปวาได้แต่ก็ยุ่งมากจึงตัดสินใจรับมารดามาอยู่ในเมืองด้วยกัน ให้เธอช่วยดูลูก
พ่อของเถียนชงตายไปนานแล้ว ทุกอย่างจึงต้องอาศัยคนเป็นแม่คอยค้ำจุน ดังนั้นแม่จึงเป็นเหมือนที่พึ่งพิงของเขา
สามวันก่อน จู่ๆ แม่ของเขาก็วิงเวียนศีรษะอยู่ครึ่งคืนจนทนไม่ไหว มีอาการคล้ายโลกหมุน ทำให้เถียนชงตกใจจนโทรเรียกรถฉุกเฉิน 120 ให้มารับมารดาไปส่งที่โรงพยาบาลอันดับสอง
หลังจากมาถึงแล้ว จากการตรวจร่างกายก็พบว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก อาการที่หมอสงสัยว่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือภาวะสมองขาดเลือดที่เกิดจากหลอดเลือดบริเวณสมองส่วนหลังเกิดการตีบตัน!
สมองของคนเราประกอบไปด้วยสมองส่วนหน้าและสมองส่วนหลัง เมื่อสมองส่วนหลังขาดเลือด เช่นก้านสมองขาดเลือดชั่วคราว จะทำให้มีเลือดไม่พอส่งไปยังระบบประสาทต่างๆ เช่นประสาทที่ควบคุมการทรงตัว จนทำให้มีปฏิกิริยาที่เกิดจากการขาดเลือดต่างๆ นานาปรากฏให้เห็น
เนื่องจากระบบประสาทส่วนที่ควบคุมการทรงตัวมีหน้าที่คอยควบคุมความรู้สึกทางด้านการรับรู้พื้นที่ ดังนั้นเมื่อขาดเลือดก็จะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่าโลกหมุน
นี่เป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
จางซูมองเถียนชงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คุณอย่าเพิ่งร้อนใจไปนะคะ ร้อนใจไปก็แก้ปัญหาไม่ได้ ให้พวกเราดูก่อนว่าอาการเป็นยังไงกันแน่!”
เถียนชงมีสีหน้าอึมครึม ถลึงตาใส่จางซู “ถ้าแม่ผมเกิดอะไรขึ้น! ผม…ผมจะ…”
เถียนชงไม่ใช่คนเลวและไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร หากอยากให้เขาพูดจาแย่ๆ ออกมา จริงๆ เขาก็พูดไม่ออก เขาเพียงอยากให้มารดาของตัวเองอาการดีขึ้นเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่สนใจ
จางซูพยักหน้า “วางใจเถอะค่ะ หากเป็นความรับผิดชอบของพวกเรา พวกเราก็จะทำให้ดี คุณหลบไปก่อนนะคะ”
พูดจบจางซูก็กล่าวกับเหยาจื้อเหวิน “ไปเอาประวัติผู้ป่วยและรายงานการตรวจรักษามาให้หมด”
ตอนนี้ผู้ป่วยกำลังนอนอยู่บนเตียง ยังหอบหายใจอยู่ จางซูเห็นภาพนี้ก็รู้สึกแปลกใจ
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมเกิดอาการนี้ได้
ชักหรือ แปลกมาก!
ขณะนี้เอง หญิงคนนั้นก็มีใบหน้าขาวซีด จางซูรีบเข้ามาหาผู้ป่วยแล้วลองใช้เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจตรวจดู ยิ่งดูจางซูก็ยิ่งแปลกใจ ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกสงสัย ทุกอย่างรวมไปถึงคำสั่งแพทย์ก็เป็นคำสั่งปกติ ไม่มีปัจจัยใดที่จะทำให้เกิดสภาพแบบนี้ได้เลย
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เป็นโรคที่รักษายากจริงๆ…
ผลการตรวจแต่ละอย่างล้วนเป็นปกติ สิ่งที่แปลกไปก็คือมีค่าไขมันในเลือดสูงและค่าความหนืดของเลือดสูง ส่วนอย่างอื่นไม่มีอะไรผิดปกติ
ในตอนที่แอดมิทเข้าโรงพยาบาล เพื่อขจัดข้อสงสัยว่าจะเป็นอาการเกี่ยวกับระบบประสาทจึงได้ทำซีทีสแกน MRI และอัลตร้าซาวด์สมองแล้ว ทุกอย่างเป็นปกติ
แล้วทำไมถึงชักได้ล่ะ
การวินิจฉัยโรคแต่ละครั้งก็ใช้วิธีการเหมือนกับการสืบสวนสอบสวน จุดประสงค์ก็คือหาตัวการที่แท้จริงออกมาให้ได้
หลังจากจางซูอ่านผลการตรวจทั้งหมดแล้วก็ยังคงส่ายหน้า ไม่มีสาเหตุอะไรเลย แม้แต่ผลข้างเคียงของยาก็ไม่มียาตัวใดทำให้เกิดอาการชักแบบนี้ได้เลย!
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่