บทที่ 344 สถานการณ์พิเศษ!
ปฏิบัติการทางคลินิกก็เป็นเช่นนี้เอง โรคภัยต่างๆ มีความซับซ้อน คุณจะต้องเปิดดวงตาทั้งสองให้กระจ่าง อย่าได้ถูกสิ่งอื่นมาทำให้ไขว้เขว
คำพูดของผู้ป่วยก็ไม่แน่ว่าจะเชื่อได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงญาติผู้ป่วยเลย!
จางซูเป็นอาจารย์หมอของแผนกฉุกเฉินฝ่ายอายุรกรรมที่ค่อนข้างเจนจัด มีประสบการณ์สูง หลังจากอ่านรายงานการตรวจเรียบร้อยแล้วก็ขมวดคิ้วพูดว่า “ระยะนี้ผู้ป่วยกินอาหารแปลกๆ มีอาการบาดเจ็บภายนอก หรือมีนิสัยที่ชอบทำจนเป็นปกติในชีวิตประจำวันหรือเปล่าคะ”
เถียนชงสูดหายใจลึก ทำให้ตัวเองใจเย็นลง
ความจริงก็เหมือนที่หมอพูด แก้ปัญหาก่อนค่อยว่ากันเถอะ!
“ไม่มีครับ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของแม่ ผมเป็นคนดูแลด้วยตัวเอง ไม่มีอะไรผิดปกติ”
จางซูยังคงถามต่อไป “คุณมั่นใจหรือเปล่าคะว่าทางครอบครัวไม่มีใครมีประวัติเป็นโรคลมบ้าหมู”
เถียนชงใคร่ครวญอย่างละเอียดพบว่าไม่มีจริงๆ ชั่วชีวิตของเขาก็ไม่เคยได้ยินคุณตาคุณยายพูดถึงเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ของเขามีชัก
“ไม่มี! ไม่มีแน่นอนครับ!”
คำตอบอันเด็ดขาดทำให้การวินิจฉัยจมลงสู่หล่มโคลนอีกครั้ง
ทางด้านเฉินชางกำลังอ่านอาการของผู้ป่วย ในสมองก็กำลังใคร่ครวญถึงโรคที่จะแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ พิจารณาถึงสาเหตุอาการทั้งหมดของโรคที่ถูกจัดอยู่ในประเภทลมบ้าหมู
สมองเป็นเหมือนซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งจริงๆ มันกลั่นกรองและคิดคำนวณไม่หยุด!
เฉินชางวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว ต้องการข้อสรุปเช่นกัน
กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก
มีอาการสั่นที่ริมฝีปากและใบหน้า
เหงื่อออก…น้ำลายไหล…ใจหวิว…วิงเวียน…คลื่นไส้…
ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยมีอาการชักและมีอาการเหล่านี้ปรากฏให้เห็น แต่สติรับรู้ของผู้ป่วยก็ยังแจ่มชัด!
ไม่มีอาการที่แสดงว่าสติรับรู้ของผู้ป่วยพร่าเลือนเลย
นี่มันแปลกมาก…
ทันใดนั้นเอง! ในสมองของเฉินชางก็ปรากฏความเป็นไปได้บางอย่างขึ้นมา!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางเครื่องให้ออกซิเจนข้างเตียง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป!
เฉินชางรีบพูดขึ้นว่า “ใครตั้งค่าเครื่องให้ออกซิเจนจนมีขนาดการไหลมากขนาดนี้”
จางซูรู้สึกเหมือนตรัสรู้ทันใด มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที รีบเงยหน้ามองไปทางนั้นโดยพลัน!
สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สภาพจิตใจเกิดความสับสน
จางซูหน้าเปลี่ยนสี รีบเดินออกมากล่าวกับหัวหน้าพยาบาลเสียงดังว่า “พยาบาลรับผิดชอบเตียงสิบเก้าคือใคร เข้ามานี่!”
นางพยาบาลเสี่ยวเหอได้ยินดังนั้นก็หวาดกลัวจนใจสั่น เดินเข้ามาด้วยท่าทางหวาดระแวง เมื่อพบจางซูก็พูดว่า “หัวหน้าจาง ฉันเป็นพยาบาลที่รับผิดชอบดูแลเตียงสิบเก้าค่ะ!”
จางซูเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นเสี่ยวเหอก็รีบถามทันที “ใครเป็นคนตั้งค่าออกซิเจน”
เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้นด้วยอาการมึนงง จากนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไป “7.5! บ้าหรือเปล่า!”
จากนั้นก็หันไปจ้องเถียนชง “ฉันบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าอย่าปรับเอง ทำไมคุณปรับตามใจชอบ!”
เถียนชงก็สับสนเช่นกัน “ผมไม่ได้แตะนะ! ผมไม่ได้แตะต้องอะไรเลย!”
ขณะนั้นเอง หญิงอายุหกสิบกว่าปีผู้เป็นมารดาของเถียนชงก็พึมพำออกมาว่า “ฉัน…ฉันเป็นคนปรับออกซิเจนเอง…”
เมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้ รอบด้านก็เงียบลงทันที!
เถียนชงตกตะลึงไปแล้ว เขาโกรธจนทนไม่ไหว แต่ก็รู้สึกจนใจเช่นกัน “แม่! บ้าไปแล้วหรอครับ ที่นี่คือโรงพยาบาลนะ แม่ทำแบบนี้ทำไม”
หญิงชรารู้สึกไม่ดีนัก เธอถอนใจออกมาเบาๆ แล้วส่ายหน้า “เมื่อวานหมอบอกแม่ว่าสูดออกซิเจนสักหน่อยจะดี บอกว่าสมองของของแม่ขาดเลือดและขาดออกซิเจน ทำให้เกิดวิงเวียนศีรษะได้ง่าย…แม่เลยคิดว่าจะสูดออกซิเจนได้เท่าไหร่กันเชียว”
“เถียนชง อย่าตำหนิหมอกับพยาบาลเลย พวกเขาบอกแม่แล้วว่าอย่าสูดออกซิเจนมากเกินไป แต่แม่…อดใจไม่ไหว คิดว่าเสียเงินไปมากขนาดนั้น ถ้าไม่สูดออกซิเจนมากๆ ก็ขาดทุนแย่! แม่ก็เลยปรับให้มันสูงขึ้นสักหน่อย…”
เธอขยันและใช้ชีวิตเรียบง่ายมาชั่วชีวิต เลี้ยงดูลูกๆ สามคนด้วยตัวคนเดียวจนเติบใหญ่ เป็นลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน ทำงานเพื่อค้ำจุนครอบครัวนี้ขึ้นมาได้ ชีวิตของเธอประหยัดจนเป็นนิสัย จุดนี้แก้ไขไม่ได้แล้ว
ตอนอยู่ที่บ้านก็เช่นเดียวกัน หากอาหารเหลือก็ทำใจทิ้งไม่ลง เก็บไว้กินเอง
ขนมปังหมดอายุ หากกินได้ก็กิน…
เถียนชงเข้าใจแม่ของตนเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็อดถอนใจออกมาไม่ได้ เขารู้จักแม่ตัวเองดีเกินไป เรื่องเหล่านี้แม่ทำออกมาได้จริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เถียนชงก็มีสีหน้าโศกเศร้า คิดถึงตอนที่ตนตะโกนตำหนิหมอเมื่อครู่ พานให้รู้สึกไม่สบายใจ
ทุกคนตรวจรักษาให้แม่ของตนอย่างยากลำบาก แต่ตนกลับไปตำหนิผู้อื่นเช่นนั้น ไม่ดีเลยจริงๆ!
เถียนชงรีบพูดขึ้นว่า “หัวหน้าจาง หมอเหยา! ขอโทษจริงๆ ครับ ขอโทษด้วย ต้องตำหนิผมที่ไม่มีความรู้ ทำอะไรไม่รู้ความ คุณอย่าถือสาเลยนะครับ!”
เถียนชงพูดพลางโค้งตัวลง เรียกว่าเขาใส่ใจเกินไปจนวุ่นวาย!
เมื่อคนในครอบครัวเกิดป่วยขึ้นมา เถียนชงกดข่มอารมณ์และสงบจิตใจของตนไม่ได้เลยจริงๆ เขารู้สึกว่าแม่สำคัญกับเขามากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดการสูญเสีย เขาก็ไม่กลาชักช้า
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เถียนชงก็รู้สึกเสียใจจริงๆ
การวินิจฉัยบ่งชี้ว่าออกซิเจนเป็นพิษ แม้จะมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ถูกกักเก็บไว้สูง แต่สาเหตุสำคัญก็ยังมาจากประวัติการรักษา ประวัติอาการป่วย ตลอดจนลักษณะอาการ
ผู้ป่วยไม่รู้ว่าออกซิเจนก็เป็นพิษได้ด้วย หมอจึงคิดไปว่าผู้ป่วยคงไม่มีแรงจูงใจที่จะทำแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะเฉินชางค้นพบได้อย่างแม่นยำ คาดว่าจางซูคงต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่งถึงจะรู้ตัว!
คิดถึงตรงนี้ สายตาที่จางซูใช้มองเฉินชางก็แปลกไปเล็กน้อย!
เสี่ยวเฉินคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
เขาวิเคราะห์ข้อมูลภายใต้สภาพแวดล้อมและเงื่อนไขเช่นนี้จนได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนออกมาได้ นี่คือความสามารถที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสมควรมีและเป็นความสามารถที่หาได้ยากที่สุด
ยิ่งคิดจางซูก็ยิ่งรู้สึกว่าเฉินชางสุดยอด!
ส่วนเหยาจื้อเหวินก็มองเฉินชางด้วยท่าทีเคารพเลื่อมใส กล่าวตามจริง เหยาจื้อเหวินรู้สึกว่าเฉินชางกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาไปแล้ว แม้ว่าตน หวังหย่ง ฉินเยว่และคนอื่นๆ จะเรียนจบปริญญาโท แต่หากเทียบความสามารถทางด้านคลินิกจริงๆ พวกเขายังห่างไกลจากเฉินชางอีกมาก
นี่คือความเป็นจริง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหยาจื้อเหวินก็ยกนิ้วโป้งให้เฉินชางพร้อมสีหน้าเลื่อมใส กระซิบบอกว่า “สุดยอด!”
เฉินชางยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “บังเอิญๆ…”
เหยาจื้อเหวินยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรอีก
หากมีแค่ครั้งสองครั้งอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่หากมีหลายครั้ง ยังจะเชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญอีกหรือ หากคุณเชื่อ คุณก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!
เขาวินิจฉัยออกมาได้อย่างแม่นยำ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
จางซูรีบเรียกพยาบาลเสี่ยวเหอเข้ามาเพื่อเตรียมการรักษา
อาการของผู้ป่วยชัดเจนมาก นั่นก็คืออาการออกซิเจนเป็นพิษ การรักษาหลักๆ ก็คือ ใช้ยาประเภทยากล่อมประสาท ยากันชัก หรือยานอนหลับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในตอนที่เกิดอาการตื่นตระหนก
หลังจากจางซูพิจารณาครู่หนึ่งก็พูดกับเหยาจื้อเหวินว่า “เสี่ยวเหยา ไดอะซีแพม[1] 10mg ฉีดเข้าเส้นเลือดดำช้าๆ พารัลดีไฮด์[2]สำหรับผู้ใหญ่ 5 ml ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ…”
เหยาจื้อเหวินรีบพยักหน้าแล้วเตรียมออกไปทำตามคำสั่งแพทย์ ส่วนนางพยาบาลเสี่ยวเหอก็รีบวิ่งออกไปจัดยา
ผู้ป่วยอีกหลายคนที่อยู่รอบๆ ก็พากันมองการวินิจฉัยและการรักษาในครั้งนี้ด้วยใจหวาดระแวง ในใจเต็มไปด้วยอารมณ์นับพันหมื่น แต่ละคนพากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมา
“ออกซิเจนเป็นพิษได้ด้วยหรือ”
“ใช่แล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่าออกซิเจนก็เป็นพิษได้!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“พยาบาล ผมไม่สูดออกซิเจนแล้ว…”
“ใช่ๆ! ฉันด้วย ฉันก็ไม่สูดออกซิเจนแล้ว”
[1] ไดอะซีแพม – Diazepam เป็นยามีฤทธิ์ส่งผลให้สงบจิตใจลง ใช้ในการรักษาโรควิตกกังวล, โรคสั่นเพ้อเหตุขาดสุรา, โรคสั่นเพ้อเหตุขาดเบ็นโซไดอาเซพีน, อาการกล้ามเนื้อกระตุก, อาการชัก, โรคนอนไม่หลับ และกลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข
[2] พารัลดีไฮด์ – paraldehyde คือสารที่มีฤทธิ์เป็นยากดประสาทและยานอนหลับ