บทที่ 348 พูดความจริงช่างยากแท้…
ทุกคนจะต้องผ่านประสบการณ์บางอย่างถึงจะเติบโตขึ้นได้ เฉกเช่นเก่าฮว๋ายที่จู่ๆ ก็ตระหนักรู้ถึงความไม่ดีพอของตนระหว่างการผ่าตัดของแผนกฉุกเฉินแห่งโรงพยาบาลตงต้าเมื่อครั้งที่แล้ว!
สิ่งที่คนเป็นศัลยแพทย์ควรมีก็คือดวงตาดุจเหยี่ยว หัวใจดุจสิงห์ และมือดุจสตรี
ใจสิงห์คือความกล้าหาญและความเด็ดขาดซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่แล้ว!
ดวงตาดุจเหยี่ยวก็คือการวินิจฉัย ตรวจหาอาการป่วยได้อย่างรวดเร็ว มือดุจสตรีก็คือเทคนิคและความสามารถในการผ่าตัด ซึ่งสองสิ่งนี้พัฒนาได้จากการเรียนรู้และการฝึกฝนไม่หยุดหย่อน ดังนั้นใจสิงห์จึงเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด เพราะมันคือการฝึกฝนจิตใจ นับเป็นความท้าทายสำหรับผู้ที่ทำงานในสายการแพทย์ทุกคน
เก่อฮว๋ายนับเป็นคนโชคดีคนหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ก้าวผ่านตัวเองได้แล้ว ซึ่งความจริง ทุกการก้าวผ่านก็คือการเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นกัน
ขณะนี้เก่อฮว๋ายกำลังนั่งอยู่ในห้องพักหมอ ดูคลิปการผ่าตัดอย่างจริงจัง นี่ทำให้เขารู้สึกทอดถอนใจอย่างหนัก!
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตะลึงพึงเพริดไม่ใช่เพียงเทคนิคการผ่าตัดอันโดดเด่นยอดเยี่ยมของหมอผู้ผ่าตัด เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความกล้าหาญที่ตัดสินใจผ่าตัดด่วนในห้องฉุกเฉินของหมอคนนั้นอีกด้วย!
ยิ่งดูเก่อฮว๋ายก็ยิ่งฮึกเหิม ยิ่งดูเก่อฮว๋ายก็ยิ่งตื่นเต้น!
ในใจของเก่อฮว๋า ผู้ผ่าตัดลึกลับคนนี้มีระดับฝีมือสูงส่งจนไม่อาจหยั่ง เกือบจะเป็นไอดอลของเขาอยู่แล้ว เขาสาบานเลยว่าหลังจากนี้จะไปหาหมอคนนั้นถึงแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองเพื่อสนทนากับอีกฝ่าย
เก่อฮว๋ายมีลางสังหรณ์ว่าผู้ผ่าตัดในคลิปจะต้องเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งแน่ๆ ซึ่งอาจเป็นอาจารย์ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาเลยก็เป็นได้
ยิ่งคิดเก่อฮว๋ายก็ยิ่งใจเต้นตึกตัก
ส่วนเมิ่งซีที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตื่นตะลึงเช่นกัน แต่เธอไม่เหมือนกับเก่อฮว๋าย เธอเห็นโลกมามาก แม้จะเป็นเช่นนี้ การตัดสินใจผ่าตัดด่วนในห้องฉุกเฉินก็ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นจริงๆ
การผ่าตัดในต่างประเทศจะมีความเคร่งครัดมากกว่าการผ่าตัดในประเทศจีน และการผ่าตัดนี้…เมิ่งซีคิดว่าแม้แต่เธอเองก็อาจทำไม่ได้
ความจริงไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศ หรือในประเทศจีน การพัฒนาด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินก็ค่อนข้างเชื่องช้า หากว่ากันตามทฤษฎีแล้ว คนส่วนใหญ่คงไม่กล้าผ่าตัดในห้องฉุกเฉินเช่นนี้แน่
แม้การแพทย์สมัยใหม่จะมีข้อกำหนดที่บ่งชี้ไว้ชัดเจนว่าหากผู้ป่วยได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจและมีภาวะบีบรัดหัวใจร่วมด้วยก็สามารถผ่าตัดเร่งด่วนได้ แต่จะมีสักกี่คนกันเชียวที่กล้าทำจริงๆ!
นอกจากนี้ ความสามารถของผู้ผ่าตัดก็ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นการผ่าตัดระดับปรมาจารย์ที่มีความระมัดระวังมากกว่าเธอเสียอีก
คนคนหนึ่ง ไม่ว่าพรสวรรค์จะเป็นอย่างไร สิ่งที่มีจำกัดก็คือจิตใจและพละกำลัง
หากคิดจะผ่าตัดเหมือนเคสนี้ หมอผู้ผ่าตัดจำเป็นต้องมีประสบการณ์การผ่าตัดหลายร้อยหรือกระทั่งหลายพันเคสเสียก่อน มิเช่นนั้นย่อมไม่ได้ผลลัพธ์แบบนี้แน่นอน เมิ่งซีก็อยากสนทนากับคนคนนี้ อยากนั่งคุยกับเขาบ้างจริงๆ
ทว่าทันทีที่เธอได้ยินเสียงที่ดังแว่วออกมาจากคลิปการผ่าตัด ก็รู้สึกว่ามันฟังคุ้นๆ
นี่เธอรู้สึกไปเอง…หรือว่าคิดมากเกินไป ทำไมเสียงมันถึงได้ฟังดูคุ้นจัง
คลิปการผ่าตัดจบลงแล้ว
เมิ่งซีส่ายหัว เย็นนี้เธอเลิกงานเร็วเพราะมีการผ่าตัดแค่เคสเดียว ทั้งยังเป็นการผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบที่ใช้เวลาไม่มากด้วย พรุ่งนี้ก็จะได้พักผ่อนแล้ว บางทีเธอควรดูซีรีส์หรือทำอาหารเลิศรสเป็นรางวัลให้ตัวเองสักมื้อ
เมื่อการประชุมจบลง ซย่าเกาเฟิงก็มองทุกคนแล้วพูดว่า “การผ่าตัดที่เห็นนี้นำมาจากแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง เป็นการผ่าตัดโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่เกิดขึ้นจริง หลังจากทุกคนกลับบ้านแล้วก็ลองไตร่ตรองดูให้ดีนะครับ ช่วงเปลี่ยนเวรวันจันทร์ผมจะมาถามทุกคนว่ารู้สึกยังไง เอาละ แยกย้ายได้”
ทุกคนพากันพยักหน้าแล้วแยกย้าย
สำหรับการผ่าตัดนี้ ขอแค่เป็นหมอคนหนึ่ง ย่อมต้องรู้สึกสะเทือนอารมณ์แน่นอน
เมื่อเฉินชางเห็นประตูเปิดออก ดวงตาก็เปล่งประกาย ในที่สุดก็ไม่ต้องยืนรอข้างนอกแล้ว
ซย่าเกาเฟิงเดินออกมา เมื่อเห็นเฉินชางก็ยิ้มให้ทันที “เสี่ยวเฉิน มาแล้วหรือ”
เขาชื่นชมเฉินชางมาก มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง หากเมิ่งซีไม่ได้เป็นอาจารย์เขา ซย่าเกาเฟิงคงแย่งตัวมาแล้ว
เขาแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมเฉินชางถึงไม่ขอให้เถามี่เป็นอาจารย์ จะอย่างไรเถามี่ก็เป็นลูกพี่ใหญ่ในวงการศัลยกรรมหัวใจ เป็นคนระดับเดียวกับซย่าเกาเฟิง
คิดได้ดังนี้ ซย่าเกาเฟิงก็แอบวางแผนในใจว่าหากเจอเถามี่คราวหน้าจะไปแซวสักหน่อย หมอของโรงพยาบาลคุณแท้ๆ ทำไมมาขอให้หมอของโรงพยาบาลผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เพียงแค่คิดถึงท่าทางในตอนนั้นของเถามี่ ซย่าเกาเฟิงก็เกิดคาดหวังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เฉินชางก็เดินเข้าไป
ซย่าเกาเฟิงดวงตาเปล่งประกาย “เสี่ยวเฉิน ใช่แล้ว ผมจำได้ คุณก็เป็นหมอแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองใช่หรือเปล่า”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ ใช่แล้ว!”
เก่อฮว๋ายชี้ไปยังคลิปการผ่าตัดที่ฉายอยู่บนกำแพงด้วยสีหน้าคาดหวังแล้วถามขึ้นว่า “คุณรู้เรื่องการผ่าตัดโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจที่ทำในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลคุณหรือเปล่าครับ หมอที่ผ่าตัดจะต้องเป็นปรมาจารย์แน่ๆ เลย หัวหน้าเถาของแผนกศัลยกรรมหัวใจเป็นคนทำใช่ไหมครับ”
เก่อฮว๋ายถามคำถามรัวๆ จนเฉินชางไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
เมิ่งซีอดถามไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน ตอนนั้นคุณอยู่ด้วยหรือเปล่าคะ”
หลังจากเธอได้ยินเสียงเฉินชางแล้ว อยู่ดีๆ ก็รู้สึกคุ้นหู เมื่อคิดให้ดีก็พบว่ามันเหมือนกับเสียงในคลิปมากทีเดียว
เฉินชางพยักหน้าแล้วตอบไปตามจริง “ครับ ผมอยู่ด้วย”
เก่อฮว๋ายได้ยินดังนั้นก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันใด “เจ๋ง! เสี่ยวเฉิน ผมจะบอกอะไรให้ หากคุณศึกษาการผ่าตัดเคสนี้จะต้องเป็นประโยชน์กับคุณมากแน่ๆ เข้าใจหรือเปล่า ลองดูเทคนิคการผ่าตัดนั่นสิ ดูสิ…ว่ามันเจ๋งขนาดไหน! จริงสิ เสี่ยวเฉิน ใครเป็นคนผ่าตัดหรือครับ ผมอยากจะไปลองพบเขาสักหน่อย!”
เฉินชางกระแอมออกมา เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเก่อฮว๋ายก็พานให้รู้สึกกระอักกระอ่วนจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เฉินชางคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราก็คือความซื่อสัตย์จริงใจ เมื่อคิดได้ดังนี้จึงตอบไปตามจริงว่า “ผมเป็นคนผ่าตัดเคสนั้นเองครับ…”
เก่อฮว๋ายส่งเสียงอืมออกไปคำหนึ่ง “ผมถามว่าใครเป็นศัลยแพทย์หลัก!”
เฉินชางงงไปแล้ว “ผมก็คือศัลยแพทย์หลักไงครับ…”
เก่อฮว๋ายกลอกตาใส่ “คุณน่ะเหรอ แค่กรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจยังทำได้ไม่ดีเลย นี่เป็นการผ่าตัดรักษาโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจนะครับ รู้หรือเปล่าว่าความยากและความลำบากในการผ่าตัดมันมากแค่ไหน ผมไม่มีเวลามาล้อเล่นกับคุณนะครับ รีบบอกมาเถอะ ผมจะหาเวลาไปเยี่ยมเยียนเขาสักหน่อย”
เฉินชางชะงักไป รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…
ผมพูดความจริงคุณก็ไม่เชื่อ แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ
คุณเจอผมเกือบทุกวั นยังต้องมาเยี่ยมเยียนอีกหรือไง
เฉินชางทอดถอนใจออกมา
เรื่องแบบนี้พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ นี่ผมลำบากมากนะ…
ทางด้านเมิ่งซีก็เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อเช่นกัน เธอรู้ว่าเฉินชางเข้าร่วมการผ่าตัดด้วยเพราะมีเสียงของเฉินชางอยู่ในคลิป แต่เขาต้องไม่ใช่ศัลยแพทย์หลักแน่นอน เธอรู้จักฝีมือการผ่าตัดถุงเยื่อหุ้มหัวใจของเขาดีเพราะเธอเป็นคนสอนเอง
เมื่อเห็นเก่อฮว๋ายแทบจะฉีกหน้ากับเฉินชางอยู่รอมร่อ เมิ่งซีก็กลอกตาอย่างเบื่อหน่าย “ไปเถอะค่ะ วันนี้มีผ่าตัดเคสเดียว เสร็จแล้วจะได้กลับไปพักผ่อนกันเร็วๆ หลังจากนี้ก็ได้พักผ่อนแล้ว”
เมิ่งซีมองเฉินชางแล้วพูดต่อไปว่า “วันนี้มีการผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบนะคะ เสี่ยวเฉิน คุณเป็นคนผ่าแล้วกัน ส่วนเก่อฮว๋ายก็ช่วยเสี่ยวเฉินให้มากหน่อยนะคะ ถึงเขาจะผ่าตัดทรวงอกได้ดีแต่ก็เพิ่งได้เริ่มผ่าถุงเยื่อหุ้มหัวใจ คุณไปเป็นผู้ช่วยผ่าตัดเถอะค่ะ”
หลังจากเมิ่งซีมอบหมายงานเสร็จแล้วก็พาทั้งสองไปยังห้องผ่าตัดทันที