บทที่ 357 ไม่รบกวนคุณจางแล้วครับ
จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าการพาฉินเยว่มาดูห้องในวันนี้เป็นทางเลือกที่ฉลาดจริงๆ เพราะดูท่าทางเธอจะเข้าใจเรื่องนี้มากทีเดียว!
เธอพาเฉินชางเดินไปดูห้องกับพี่สาวฝ่ายขาย ฉินเยว่ถามคำถามละเอียดยิบ ตั้งแต่ค่าส่วนกลางน้ำไฟจนถึงร้านขายของก็ถามจนละเอียดถี่ถ้วน…อา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ถามได้ตรงจุด
เฉินชางเดินตามหลังฉินเยว่ อยู่ดีๆ ก็มีความรู้สึกเหมือนว่าฉินเยว่เป็นนายหญิงของบ้านอย่างไรอย่างนั้น เธอมีความรับผิดชอบสูงมาก รายละเอียดเกี่ยวกับห้องในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะแสงสว่าง น้ำไฟ หรือแปลนห้อง เธอก็จำได้ดี
นี่ทำให้เฉินชางซาบซึ้งมาก!
เฉินชางรู้สึกได้ว่าฉินเยว่ตั้งใจช่วยตนเลือกห้องจริงๆ ตั้งใจจนเฉินชางรู้สึกเหมือนว่าฉินเยว่กำลังเลือกห้องที่ตัวเองชอบอย่างไรอย่างนั้น
“ห้องนี้ ถ้าทำเป็นห้องนอนมาสเตอร์เรื่องแสงสว่างไม่ค่อยดีเลยค่ะ ฉันไม่ชอบ!”
“ห้องนี้ ถ้าเอามาทำเป็นห้องน้ำก็ไม่ค่อยเหมาะสม…”
“ฉันว่าห้องนี้ทำเป็นห้องหนังสือก็ได้นะคะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น…”
……
ตลอดทาง คำที่ฉินเยว่พูดมากที่สุดก็คือ ‘ฉันคิดว่า’ แต่นี่ไม่ได้ทำให้เฉินชางรู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย กลับร่าเริงเสียด้วยซ้ำ ความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดจริงๆ
เฉินชางอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก ดูเหมือนฉินเยว่จะมีความสุขกับขั้นตอนการเลือกห้องเป็นอย่างยิ่ง เธอลากเฉินชางไปยังห้องต่างๆ พลางกล่าวเสนอแนะ
“วางโซฟาตรงนี้ตัวหนึ่ง ตรงนี้ก็ปูเสื่อทาทามิ สร้างเป็นห้องชาขนาดเล็ก คั่นด้วยประตูบานเลื่อน…”
“คุณดูสิคะ ความจริงระเบียงตรงนี้สร้างเป็นห้องหนังสือได้ห้องหนึ่งเลย…”
……
ดูเหมือนฉินเยว่จะมีเซ้นส์ในเรื่องการแต่งห้องอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าเป็นไปตามความคิดของเธอ หรือเป็นแบบที่เธอชอบกันแน่ เฉินชางคิดว่าเธอเป็นคนที่รู้จักใช้ชีวิตคนหนึ่งเลยทีเดียว
จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าคนที่ตอนทำงานดูตั้งใจและพยายามขนาดนั้น พอเป็นเรื่องการใช้ชีวิตจะกลายเป็นสาวน้อยได้ขนาดนี้ รู้สึกว่าเธอเต็มไปด้วยจินตนาการมากมาย
เฉินชางมองฉินเยว่ในชุดเดรสเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง บ้างก็เดินออกไปรับแสงแดด จู่ๆ ก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างช่างงดงามเหลือเกิน
ดูเหมือนพี่สาวฝ่ายขายทุกคนจะเห็นทั้งสองเป็นว่าที่สามีภรรยาที่กำลังจะแต่งงานกันไปเสียแล้ว แรกๆ เฉินชางยังอธิบายเพื่อแก้ตัวอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรอีก จะอย่างไรก็เหมือนที่พนักงานขายเหล่านั้นกล่าว ‘นอกจากพี่สาวฝ่ายขายแล้วก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาดูห้องเป็นเพื่อนผู้ชายอย่างจริงจังขนาดนี้เลยนะคะ!’
นี่ทำให้เฉินชางหน้าแดงก่ำอย่างไม่อาจควบคุม
……
……
การดูห้องครั้งแรกของเฉินชางไม่ได้ทำให้เขาเหนื่อยมากนัก กลับกัน เขารู้สึกเบิกบานใจด้วยซ้ำ ห้องอันว่างเปล่าทุกห้อง เมื่อถูกฉินเยว่บรรยายแต่งแต้มออกมาก็ทำให้มีสีสันขึ้นมาก เมื่อเพิ่มเครื่องเรือนแต่ละอย่างเข้าไปก็กลายเป็นบ้านได้จริงๆ
ความรู้สึกนี้ช่างอัศจรรย์
เฉินชางมองฉินเยว่ จู่ๆ ก็คิดในใจว่า ไม่ใช่ว่าตนชอบผู้หญิงคนนี้ไปแล้วหรอกนะ
คิดแล้วเฉินชางก็ใจเต้นแรง ต่อมาเขาก็รู้สึกว่าเวลาแต่ละนาทีและวินาทีที่ผ่านไปช่างล้ำค่ายิ่งนัก
ฉินเยว่มองตัวเองเป็นนายหญิงของบ้านไปแล้วจริงๆ เธอพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุด ไม่ทราบว่าผ่านไปแล้วกี่ห้อง ถึงอย่างไร…ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว หากท้องฉินเยว่ไม่ส่งเสียงร้องออกมา คาดว่าทั้งสองคงไม่รู้สึกเหนื่อย
เฉินชางเกรงอกเกรงใจขึ้นมาแล้ว “ฉินเยว่ พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะครับ พักสักหน่อย อีกเดี๋ยวค่อยมาดู”
ฉินเยว่พยักหน้า เงยหน้ายิ้มให้ท้องฟ้า ไม่มีความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย หรืออ่อนล้าแม้แต่น้อย กลับเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เธอหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “วันนี้คุณจะพาฉันไปกินอะไรคะ”
เฉินชางอดพูดไม่ได้ว่า “คุณเลือกเลยครับ วันนี้คุณช่วยผมได้เยอะเลย ผมว่าผมพาคุณมาด้วยแบบนี้เป็นตัวเลือกที่ฉลาดมากจริงๆ คุณเก่งมาก รู้ทุกเรื่องเลย ถ้าไม่มีคุณ ผมคงมึนๆ งงๆ อยู่เลยครับ”
ฉินเยว่ตบหน้าอก “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ฉันอยากเป็นสถาปนิกค่ะ อยากเป็นมัณฑนากร”
เฉินชางยิ้ม “ถ้างั้นต่อไปคุณก็มาแต่งห้องให้ผมดีไหมครับ”
ฉินเยว่ได้ยินดังนั้นก็พูดยิ้มๆ ว่า “ให้ฉันแต่งห้องให้แบบนี้ คุณไม่กลัวแฟนคุณไม่พอใจหรอคะ”
เฉินชางยิ้มบาง พูดด้วยท่าทางครุ่นคิดว่า “เธอน่าจะชอบนะครับ”
ฉินเยว่ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกอิ่มเอม
……
ทั้งสองเดินไปคุยไป คุยเรื่องการแต่งห้องบ้าง คุยเรื่องการเลือกเฟอร์นิเจอร์บ้าง แถวนี้ไม่มีร้านอาหาร จึงต้องเดินไปค่อนข้างไกล
ตอนนี้เอง เมื่อเงยหน้ามองไปก็พบว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจูงมือเดินสวนมา
เฉินชางชะงักไป อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
คนคุ้นเคยนี่เอง!
นั่นมันไอ้หนุ่มที่มาเย็บหน้านี่นา
ผู้ชายจูงมือผู้หญิงที่แต่งตัวตามแฟชั่นมาอย่างสนิทสนม
เฉินชางส่ายหน้า ชีวิตของคนมีเงินนี่มันแตกต่างกันจริงๆ สองวันก่อนยังพูดอยู่เลยว่าจะปรับปรุงตัวเป็นคนใหม่เพื่อตามจีบฉินเยว่ ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนผู้หญิงคนใหม่แล้ว!
อ๊าก อิจฉา!
ฉินเยว่ก็เห็นเข้าพอดี เธอแค่นเสียงเย็นในใจ จางฝานคนนี้เปลี่ยนสันดานไม่ได้จริงๆ เพิ่งมาสารภาพรักกับตน ไม่ทันไรก็พาสาวคนใหม่มาดูห้องแล้ว
ใช้ได้นี่!
แม้กระนั้นฉินเยว่ก็ไม่ใส่ใจ เพราะอย่างไรนี่ก็ไม่เกี่ยวกับตน คนเขาจะเลือกใช้ชีวิตอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
ทว่าถึงฉินเยว่และเฉินชางจะคิดเช่นนี้ แต่จางฝานกลับไม่คิดด้วย!
เขาเงยหน้าขึ้น เพิ่งเห็นฉินเยว่และเฉินชางเดินเคียงคู่กันมา ทันใดนั้นก็ตกใจจนตาค้าง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน รีบปล่อยมือผู้หญิงของตนแล้วเดินเข้ามาอย่างเร่งร้อนก่อนกล่าวว่า “เสี่ยวเยว่ บังเอิญจังเลยนะครับ!”
ฉินเยว่พยักหน้ายิ้มๆ ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ก็ยังตอบกลับไป “บังเอิญจริงๆ ค่ะ!”
จางฝานมองเฉินชางแล้วชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงสายตากลับมาที่ฉินเยว่ “คุณมาดูห้องหรือครับ”
ฉินเยว่ส่ายหน้า “ฉันมาดูห้องเป็นเพื่อนเขาค่ะ”
จางฝานชะงักไปก่อนจะยิ้มออกมา แสร้งทำเป็นพูดอย่างใจกว้างว่า “หมอเฉินจะซื้อห้องเหรอครับ จะซื้อขนาดเท่าไหร่ครับ ผมมีเพื่อนเป็นผู้จัดการอยู่ที่นี่ บางทีอาจขอโปรโมชั่นให้คุณได้นะครับ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่รบกวนดีกว่าครับ ผมมาดูคร่าวๆ น่ะครับ ไม่ได้รีบซื้อ”
เขาไม่มีความประทับใจดีๆ กับจางฝานเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ที่อีกฝ่ายพูดเช่นนี้ออกมาก็เพราะอยากเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีต่อหน้าฉินเยว่เท่านั้นแหละ ซึ่งเฉินชางไม่ให้โอกาสเขาได้ทำแน่นอน
แต่ฉินเยว่ไม่คิดเช่นนั้น! เธอหัวเราะออกมาทันที “อ้อ ถ้าบอกชื่อคุณไปจะได้ลดกี่เปอร์เซ็นต์เหรอคะ”
จางฝานชะงักไป คุณคิดว่าซื้อเสื้อผ้าอยู่หรือไงถึงถามว่าลดกี่เปอร์เซ็นต์…
อย่างไรก็ตาม จางฝานยังคงยิ้มบางๆ มองเฉินชางแล้วพูดว่า “อย่างอื่นผมไม่กล้าพูดหรอกครับ แต่ถ้าเป็นอพาร์ทเม้นท์ขนาดสองห้องทางฝั่งโน้น ผมคิดว่าเพื่อนผมมีอำนาจอยู่พอตัว เขาเป็นผู้ร่วมสร้างตึกนั้นน่ะครับ ถ้าหมอเฉินจะซื้อ ผมว่าซื้อห้องราคาประหยัดที่ใช้งานสะดวกก่อนดีกว่า ห้องชุดขนาดเล็กแบบนี้ออกจะเกินตัวไปหน่อยนะครับ อีกอย่างห้องทางนั้นราคาค่อนข้างสูงเลยนะครับ”
จางฝานพูดเหมือนเกรงใจ แต่ความจริงไม่ได้มีความเกรงใจสักนิด
เฉินชางไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขาอยู่แล้ว
แต่ว่า…เมื่อคิดดูอีกครั้ง จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกไปจูงมือฉินเยว่แล้วพูดว่า “ไปเถอะครับ พวกเราไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปดูห้องกันต่อ เอ่อ…ไม่รบกวนคุณจางแล้วครับ”