บทที่ 373 ห้ามทำเป็นเก่งนะ!
เฉินชางมาถึงโรงพยาบาลแต่เช้า เขาวางอาหารเช้าที่ซื้อมาลงบนโต๊ะทำงานของฉินเยว่ มันเป็นแค่ของธรรมดาเช่นน้ำเต้าหู้ ซาลาเปา และไข่ต้มชา
ฉินเยว่ชอบตื่นสาย เธอมักจะดื่มนมแก้วหนึ่งแล้วมาทำงานเลย ด้วยเหตุนี้เฉินชางจึงตัดสินใจว่าจะซื้ออาหารเช้าให้เธอกิน
ในตอนที่หมุนตัวไปก็เห็นฉินเยว่วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ ในมือถืออาหารเช้ามาด้วยชุดหนึ่ง เมื่อเธอเห็นเฉินชางก็มองมาด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเรียวโค้งเหมือนมองสมบัติล้ำค่า ท่าทางน่ารักน่าชังเป็นอย่างยิ่ง “มา ฉันมีอาหารเช้าให้คุณด้วยค่ะ!”
เฉินชางเห็นรอยนมที่มุมปากของฉินเยว่ เขาอดยิ้มไม่ได้ จากนั้นก็ยกมือขึ้นเช็ดให้เธอจนสะอาด “ทำไมไม่นอนอีกหน่อยล่ะครับ”
ฉินเยว่ยิ้ม “ฉันอยากซื้ออาหารเช้าให้คุณน่ะค่ะ”
เฉินชางหยิกแก้มฉินเยว่อย่างอดรนทนไม่ไหว จากนั้นก็ชี้ไปบนโต๊ะ “ผมกินแล้ว อืม! ซื้ออาหารเช้ามาให้กินด้วย รีบกินตอนร้อนๆ นะครับ ผมจะไปดูหน่อยว่าพี่เชียนมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า ต่อไปนี้คุณก็นอนให้มากหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจะคอยซื้ออาหารเช้ามาให้คุณเอง!”
ฉินเยว่หัวเราะ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเธอกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกไปแล้ว
เธอแอบหอมแก้มเฉินชางไปครั้งหนึ่ง
ตอนนี้เอง สือน่ากำลังเดินเข้ามาพอดี ฉินเยว่จึงรีบเดินไปหา “อาจารย์คะ อาหารเช้าให้คุณค่ะ!”
สือน่าชะงักไปเล็กน้อย “ไหนบอกสิเสี่ยวฉิน วันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หืม”
ฉินเยว่รีบยิ้มตอบ “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่ซื้อมามากเกินไปหน่อย”
สือน่าส่งเสียงอ้อตอบไปทั้งที่ยังสงสัย เธอมองไปยังอาหารเช้าบนโต๊ะฉินเยว่ มีท่าทางใคร่ครวญบางอย่าง…
……
……
เวลาประมาณสิบโมงเช้า เฉินชางได้รับโทรศัพท์จากเถามี่ “เสี่ยวเฉิน มาห้องผ่าตัดหมายเลขสี่นะครับ เตรียมผ่าตัดกันแล้ว”
เฉินชางรีบพยักหน้าแล้วเดินไปยังห้องผ่าตัดทันที
เฉินชางไม่คิดลงมือผ่าตัดด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าเถามี่ก็ไม่ให้เฉินชางผ่าตัดอยู่แล้ว คงไม่มีหมอคนไหนเอาชีวิตผู้ป่วยมาล้อเล่นแน่นอน นอกจากนี้ การผ่าตัดผู้ป่วยโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัดก็เป็นการผ่าตัดที่มีความอันตรายสูงมาก หากหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจติดกันแน่น เมื่อต้องจับแยกออกก็จะเกิดปัญหา อาจทำให้หัวใจเสียหาย หรือไม่ก็ทำให้เส้นเลือดรอบๆ เสียหายได้ หากเป็นเช่นนั้นจะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของใครได้ล่ะ
ในขณะที่เฉินชางล้างมืออยู่นั้น เฉียนหลินและเพื่อนนักเรียนแผนกศัลยกรรมหัวใจคนหนึ่งก็เดินเข้ามา พูดยิ้มๆ ว่า “เอ๋ อาจารย์เฉิน คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”
ตั้งแต่เฉินชางสอนเพื่อนในคลาสตัวเองเมื่อครั้งที่แล้ว เฉินชางก็ได้ฉายา ‘อาจารย์เฉิน’ เพิ่มขึ้นมาอีกฉายาหนึ่ง
อืม อย่างน้อยก็ฟังดูดีกว่าอาจารย์ชาง
เฉินชางยิ้ม “มาร่วมแจมผ่าตัดครับ!”
เฉียนหลินได้ยินดังนั้นก็ถามอย่างสงสัย “แผนกของพวกคุณมีผ่าตัดหรือครับ”
เฉินชางตอบว่า “ไม่มีครับ! เป็นการผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมหัวใจ ผ่าตัดผู้ป่วยโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบแบบบีบรัด เมื่อสองวันก่อนผมส่งผู้ป่วยคนหนึ่งไปที่แผนกพวกคุณไม่ใช่เหรอครับ หัวหน้าเถาบอกว่าจะผ่าตัดวันนี้ ให้ผมมาดูได้”
เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ เฉียนหลินและเพื่อนนักเรียนคนนั้นก็ชะงักไป หรือว่า…
คิดได้ดังนี้เฉียนหลินก็กลืนน้ำลาย! เอ่ยถามไปอย่างระมัดระวัง “คุณหมายถึงอู๋อวี้ซู่เหรอครับ”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ! ใช่แล้ว อู๋อวี้ซู่น่ะครับ พวกคุณก็รู้จักเขาด้วยเหรอ”
เฉียนหลินและเพื่อนสบตากัน จะไม่รู้จักได้ยังไงล่ะ เป็นเพราะผู้ป่วยรายนี้ หัวหน้าเถาจึงโมโหถึงขั้นที่เรียกว่าองค์ลงได้เลยทีเดียว ทำให้ทุกคนต้องหันมาฝึกฝนและพัฒนาความสามารถในการตรวจโรคและวินิจฉัยของตนเอง
ระยะนี้หมอทั่วทั้งแผนกศัลยกรรมหัวใจจะพกสมุดเล่มเล็กๆ ติดตัวไปด้วย ด้านบนเขียนว่า s1 เสียงคือ…ความดันขณะหัวใจคลายตัวคือ…
ระยะนี้ ทุกคนรู้สึกเหมือนกับอยู่ในสงคราม พวกเขากลัวหัวหน้าแผนกจะถามคำถามที่ตอบไม่ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทั้งสองก็ใจเต้นรัว พวกเขาคิดถึงเรื่องน่ากลัวบางอย่างขึ้นมาได้…
เฉียนหลินอดถามไม่ได้ว่า “อาจารย์เฉิน คงไม่ใช่ว่าอู๋อวี้ซู่เป็นผู้ป่วยที่คุณวินิจฉัยแล้วส่งตัวมาที่แผนกพวกเราหรอกนะครับ”
เฉินชางพยักหน้า “ใช่แล้วครับ ผมเอง ทำไมเหรอครับ”
เฉียนหลินและเพื่อนตกใจจนตาค้างไปแล้ว!
เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉียนหลินก็อยากเขวี้ยงสมุดบันทึกที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อใส่หน้าเฉินชางจริงๆ จากนั้นก็ชี้หน้าด่าเฉินชางในใจ สารเลว! ต้องโทษแก รู้ไหมว่าช่วงนี้สายตาที่อาจารย์เถาใช้มองฉันมันแฝงไปด้วยความรังเกียจมากขึ้นทุกวันแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะแก! ไอ้หมาสารเลวเอ๊ย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉียนหลินก็กัดฟันกรอด มองเฉินชางอย่างขุ่นเคือง “ไอ้สุนัขแซ่เฉิน แก…แกทำลายอนาคตของฉัน!”
เฉินชางตะลึงจนตาค้างไปแล้ว
เมื่อกี้ยังเรียกว่าอาจารย์เฉินอย่างสนิทสนมอยู่เลย ตอนนี้เรียกผมเป็นหมาไปแล้ว
เฮ้อ คนเรา!
“ผมไม่ใช่ผู้มีพระคุณของคุณเหรอ ทำไมกลายเป็นหมาไปได้ล่ะ คุณมันคนทรยศ ไอ้อ้วนสมควรตายเอ๊ย!”
เฉียนหลินถลึงตาใส่ “แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ ต้องโทษแกทั้งนั้น! รู้หรือเปล่า! ตอนนี้สายตาที่หัวหน้าเถาใช้มองฉันมันมีความรังเกียจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แทบจะเตะฉันออกจากสำนักอยู่แล้วเนี่ย!”
เฉียนหลินอยากแสดงให้เห็นว่าเขาโกรธมาก โกรธโคตรๆ!
เพียงแต่ท่าทางเดือดดาลของเฉียนหลินไม่ได้ดูโหดเหี้ยมเลยสักนิด ใบหน้าเจ้าเนื้อไร้เดียงสาเช่นนั้นดูเหมือนหมีแพนด้าเสียมากกว่า เฉินชางเห็นแล้วก็ได้แต่ตีหน้านิ่ง ถอนใจออกมา
ช่างเถอะๆ คนหล่อไม่ถือสาคนน่าเกลียด
เมื่อเห็นท่าทางไม่สะทกสะท้านของเฉินชาง เฉียนหลินก็กระสับกระส่ายขึ้นมาทันที เขาคิดทบทวนดูอีกครั้ง ถ้าอยากให้อาจารย์มองตนเองใหม่ อัดเจ้าเฉินชางไปก็ไม่มีประโยชน์ มีเพียงต้องใช้เฉินชางมาทำให้ตนโดดเด่นขึ้นเท่านั้น
“ท่านเฉินผู้มีพระคุณ ไม่สิ อาจารย์เฉิน ปู่เฉินขอรับ พวกเรามาปรึกษาอะไรกันหน่อยเป็นยังไง”
เฉินชางปรายตามองด้วยความสงสัย “อะไรครับ”
เฉียนหลินรู้สึกอัดอั้นตันใจ เขาพูดด้วยท่าทางน่าสงสารว่า “คุณอย่าแสดงความสามารถโดดเด่นขนาดนั้นได้หรือเปล่า”
เพื่อนอีกคนพยักหน้า คิดว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ จึงใช้สายตาชื่นชมมองเฉินชาง “คุณโดดเด่นขนาดนี้มันทำให้พวกเราดูอ่อน”
เฉินชางทอดถอนใจออกมาอย่างสิ้นไร้หนทาง
ทำตัวเด่นก็ผิดอีก
……
……
ในตอนที่เฉียนหลินใช้ชานมสามแก้วและหม้อไฟอีกหนึ่งมื้อมาล่อลวงเฉินชาง ในที่สุดเฉินชางก็ให้สัญญาว่าการผ่าตัดในวันนี้ เขาจะไม่อวดเก่ง จะไม่แสดงความสามารถ จะไม่ทำงาน ทางที่ดีไม่ส่งเสียงอะไรเลยจะดีที่สุด
เฉินชางคิดว่าการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้เขาได้กำไรจริงๆ!
เขาตัดสินใจแล้วว่าเมื่อผ่าตัดเสร็จจะเอาข่าวนี้ไปบอกฉินเยว่ จะบอกเธอว่าผู้ชายของเธอไปแย่งชิงหม้อไฟฟรีมาให้เธอมื้อหนึ่งแล้ว…อืม ของฟรีนี่มันให้รู้สึกดีจริงๆ
ตอนนี้เอง เถามี่ก็เดินเข้ามาพอดี เขาเห็นคนทั้งสามกำลังล้างมืออยู่
เมื่อเห็นเฉินชาง เขาก็ยิ้มอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์เดือนมีนาคม ประดุจสายลมอ่อนๆ ในเดือนเมษายน จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างสนิทสนมว่า “เสี่ยวเฉิน มานี่เร็ว อีกเดี๋ยวคุณมาเป็นผู้ช่วยผมนะครับ!”
เฉินชางพยักหน้ายิ้มๆ “ได้ครับ หัวหน้าเถา”
เถามี่ยิ้มบางๆ ยิ่งมองเฉินชางก็ยิ่งรู้สึกพอใจ ไม่โอ้อวดไม่หยิ่งยโส ทั้งฉลาดเฉลียวและเก่งกาจ ที่สำคัญก็คือมีความสามารถมาก “อืม ไม่เลวจริงๆ!”
พูดจบก็มองไปที่เฉียนหลินและสหายตัวประกอบ A สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนไปทันที เขากล่าวด้วยใบหน้านิ่งเรียบว่า “เฉียนหลิน เสี่ยวหยาง พวกคุณเรียนชั้นเดียวกับเสี่ยวเฉินใช่หรือเปล่า”
เฉียนหลินและสหายตัวประกอบ A พยักหน้าอย่างจนใจ
เถามี่ถอนใจออกมา “อาจารย์บอกพวกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องให้เวลากับการเรียนรู้ดีๆ อยู่ใกล้ชาดเปื้อนชาด อยู่ใกล้หมึกเปื้อนหมึก พวกคุณก็ไปสนิทสนมกับเสี่ยวเฉินไว้หน่อย เรียนรู้จากเขาบ้าง”
พูดจบเถามี่ก็ถอนใจอีกครั้ง จากนั้นก็เดินไปที่ห้องผ่าตัด ทิ้งคนทั้งสามเอาไว้ตรงประตู
เฉินชางถอนใจออกมา “ผม…”
เฉียนหลินกำหมัดแน่น “คุณอะไร!”
เฉินชางชะงัก แล้วถอนใจอีกครั้ง “คือ…”
สหายตัวประกอบ A “ยังจะพูดอะไรอีก!”
เฉินชางมีท่าทีอึดอัด มีความสิ้นไร้หนทางแฝงอยู่ในท่าทางนั้น
ก็…ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย!
ช่างเถอะ ตอนผ่าตัดจะไม่ทำเป็นเก่งแล้ว จะเป็นผู้ช่วยไปดีๆ