บทที่ 391 แผนการลึกล้ำ!
เฉินชางมองหวังจื้อด้วยความสงสัย “ผู้จัดการหวัง คือ…เรื่องจ่ายเงินอยู่ขั้นตอนไหนครับ”
หวังจื้อชะงักไปทันที แต่ไม่นานก็มีปฏิกิริยากลับมา รีบตอบไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ ว่า “คุณเฉินล้อเล่นเหรอครับ ห้องชุดนี้ประธานเจิ้งมอบให้คุณ ไม่ต้องจ่ายเงินครับ!”
เฉินชางตกใจ “ให้ผมหรือ ไม่ได้ๆ แพงเกินไป!”
ห้องชุดราคาสี่ล้านกว่าหยวน บอกจะให้ก็ให้เช่นนี้ เพียงคิดเฉินชางก็หายใจไม่สะดวกแล้ว
นี่มันเงินสี่ล้านนะไม่ใช่สี่ร้อย ถึงได้คิดอยากจะให้ก็ให้
หวังจื้อหัวเราะ “คุณเฉินครับ เรื่องเงินคุณพูดกับผมก็ไม่มีประโยชน์! คุณเป็นเพื่อนของประธานเจิ้ง ผมว่าคุณโทรไปคุยกับประธานเจิ้งจะเหมาะกว่า”
เฉินชางคิดดูแล้วก็เห็นด้วย เขาพูดกับหวังจื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงอย่างไร…อีกฝ่ายก็ต้องฟังคำพูดของเจิ้งกั๋วถานอยู่ดี
คิดได้ดังนี้ เฉินชางก็มองหวังจื้อครู่หนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ถ้างั้น…ผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ ผู้จัดการหวังรอผมสักครู่”
พูดจบก็โทรหาเจิ้งกั๋วถานทันที
เจิ้งกั๋วถานเห็นเฉินชางโทรมาก็รีบรับสาย “ฮัลโหล สวัสดีครับหมอเฉิน”
เฉินชางพยักหน้า “ประธานเจิ้ง สวัสดีครับ…”
เฉินชางยังพูดไม่ทันจบ เจิ้งกั๋วถานก็รีบพูดต่อไปว่า “หมอเฉิน ผมให้ผู้จัดการหวังติดต่อคุณแล้วนะครับ พวกเราจะรีบตกแต่งห้องให้เร็วที่สุด คุณก็คุยเรื่องคอนเซ็ปต์กับผู้จัดการหวังได้เลย พวกเรามีทีมของบริษัทอยู่แล้ว”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็รีบเดินออกไปข้างนอกทันที “ประธานเจิ้ง คือ…แพงเกินไป ผมรับไว้ไม่ไหวจริงๆ ครับ”
เจิ้งกั๋วถานหัวเราะ “หมอเฉิน ผมมีบางอย่างที่ต้องพูดกับคุณตรงๆ ตอนนั้นคุณเย็บแผลให้รั่วหยุน ตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้ว ผมเจิ้งกั๋วถานต้องขอบคุณคุณมากเลยนะครับ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เจิ้งกั๋วถานก็หน้าแดง เขาไม่สบายใจทุกครั้งที่คิดเงินหลายหมื่นหยวนนั่น “ผมอยากเป็นเพื่อนกับหมอเฉินด้วยใจจริง เรื่องที่ผมช่วยคุณได้ก็มีไม่มาก คุณบอกว่าจะซื้อบ้าน งั้นผมก็จะซื้อให้คุณ นี่ก็เหมือนผมได้ตอบแทนบุญคุณพอดีไม่ใช่หรือครับ อีกอย่าง รอยแผลเป็นบนหน้าของภรรยาผมก็ยังได้คุณช่วยไว้อีก!”
“ดังนั้นเรื่องนี้คุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมไปถามมาแล้ว ตอนนี้ค่าผ่าตัดศัลยกรรมของคุณมีมูลค่านับล้านหยวนเลยสินะครับ ถือว่าผมได้คบเพื่อนที่มีฐานะสูงกว่าอย่างคุณไปล่วงหน้า ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรผมจะได้พูดได้สะดวก”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็พูดว่า “เรื่องนี้…”
เจิ้งกั๋วถานพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็รีบตอบกลับไปทันที “เสี่ยวเฉิน ตอนนี้คุณบรรจุเป็นหมอของโรงพยาบาลอันดับสองใช่ไหมครับ”
เฉินชางตอบ “ใช่ครับ ผมพึ่งแก้ปัญหาเรื่องบรรจุเข้าได้ไม่นานเองครับ”
เจิ้งกั๋วถานพึมพำออกมา “อ้อ…แบบนี้นี่เอง! เสี่ยวเฉิน คืออย่างนี้นะครับ เรื่องห้องเนี่ย ผมให้คุณ ที่คุณกังวลก็เพราะกลัวมีปัญหาใช่ไหมครับ คุณเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถสูง ไม่อยากให้ปัญหาเรื่องเงินเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้กลายเป็นจุดอ่อนไปฉุดให้ตกต่ำสินะครับ เอาแบบนี้แล้วกัน คุณช่วยส่งโทรศัพท์ให้หวังจื้อหน่อย เดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง”
เฉินชางส่งโทรศัพท์ให้หวังจื้อ ทั้งสองปรึกษากันครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคุยกันเรื่องลดราคา
เฉินชางได้ยินคำว่าเงินช่วยเหลือพิเศษ ซื้อแบบกลุ่ม ห้องร่วม…แล้วยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย บัตรกำนันพิเศษ…
เมื่อเทียบกับประธานเจิ้งแล้ว ฝ่ายหวังจื้อได้แต่พยักหน้ารับ
สุดท้ายไม่ทราบว่าใช้เวลาไปนานเท่าไร หวังจื้อมองเฉินชางแล้วส่งสัญญาณ ok มาให้ จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้เขา
เจิ้งกั๋วถานพูดว่า “เสี่ยวเฉิน คือแบบนี้นะครับ เรื่องห้องก็ใช้โปรโมชั่นพิเศษร่วมกับโปรโมชั่นซื้อแบบกลุ่ม ผมจะให้บริษัทจัดกิจกรรมนี้ ให้คุณเป็นลูกค้าที่ชนะรางวัลกิจกรรม…”
เฉินชางฟังอย่างมึนๆ งงๆ แต่…ต้องบอกเลยว่า…วิธีของอีกฝ่ายมากมายจริงๆ
สุดท้ายเฉินชางก็ได้จ่ายเงินสมใจ จ่ายไปหนึ่งล้านหยวน
แต่…มีเรื่องเฟอร์นิเจอร์ การตกแต่งอะไรต่างๆ แถมมาอีกกองใหญ่!
เรียกว่าเฉินชางเข้าใจแล้ว ประธานเจิ้งดื้อดึงจะทำให้เงินหนึ่งล้านหยวนนี้ได้ผลลัพธ์เท่ากับหลายล้านหยวนแล้วมอบให้เขา
……
……
ทั้งสองคุยกันอีกครู่หนึ่ง สุดท้ายเฉินชางก็ต้องยอม เขาไม่ได้วุ่นวายกับเรื่องนี้อีก ก็เหมือนกับที่เจิ้งกั๋วถานบอก นี่เป็นการตอบแทนซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องของน้ำใจ
เจิ้งกั๋วถานอยากเป็นเพื่อนกับตน ในอนาคตเขาเพียงช่วยเท่าที่ช่วยได้ก็พอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เฉินชางคิดว่าได้รู้จักคนอย่างเจิ้งกั๋วถานก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
เขาเดินออกมาจากฝ่ายขาย ไปกินข้าวเย็นด้วยกันกับหวังจื้อ
เฉินชางทราบดีว่าหวังจื้อช่วยตนเพราะเป็นคำสั่งของเจิ้งกั๋วถาน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนก็ควรดูแลรักษาทั้งสองฝ่าย
แรกเริ่มแปลกหน้า พบอีกคราสนิทสนม ไปๆ มาๆ พานพบเป็นสหาย
แม้เฉินชางจะทราบว่าหวังจื้อช่วยตนเพราะเจิ้งกั๋วถาน แม้เขาจะไม่ได้ทำอะไรเลย แค่พยายามทำงานของหัวหน้าให้ดีที่สุดเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรเฉินชางคงให้เจิ้งกั๋วถานช่วยไม่ได้ทุกเรื่อง หากคบเป็นเพื่อนกับหวังจื้อ ต่อไปคงลดความยุ่งยากลงไม่น้อย
มีเพื่อนมากก็มีหนทางมากมาย!
เฉินชางไม่ใช่เด็กน้อย อยู่ในสังคมเช่นนี้ย่อมไม่อาจคิดอะไรง่ายดาย ความสัมพันธ์ระหว่างคนเราก็เป็นเช่นนี้เอง
เฉินชางอยากเป็นเพื่อน หวังจื้อก็ยิ่งยินดีในใจ เมื่อทั้งสองมีใจเดียวกัน ความสัมพันธ์ย่อมลื่นไหลดั่งสายธาร
หลังกินข้าวกันมื้อหนึ่ง ทั้งสองก็พัฒนาความสัมพันธ์จนเรียกกันเป็นพี่เป็นน้องแล้ว
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เฉินชางก็รู้สึกเหมือนมีคลื่นลมซัดสาดอยู่ในใจ ในเวลาเพียงช่วงเย็นของวันหนึ่งก็จัดการเรื่องบ้านไปเรียบร้อยแล้ว เมื่ออาบน้ำเสร็จ เขาก็ทอดตัวนอนบนเตียง คิดจะเซอร์ไพรส์ฉินเยว่สักหน่อย ช่วงสุดสัปดาห์จะพาเธอไปเดินเล่นและถือโอกาสคิดเรื่องอนาคตไปด้วยเลย วางแผนตกแต่งห้องและคิดเรื่องเฟอร์นิเจอร์ให้เรียบร้อย
เฉินชางรู้ดีว่าการแต่งบ้านก็เปรียบเสมือนหลุมไร้ก้น ดังนั้นครั้งนี้เรียกได้ว่าเจิ้งกั๋วถานมอบผลประโยชน์มหาศาลให้เขาแล้วจริงๆ
เมื่อคิดถึงท่าทางดีอกดีใจของฉินเยว่หลังเห็นห้อง เฉินชางก็เปี่ยมไปด้วยความสุข คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างคุ้มค่าแล้ว!
เขาหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความให้ฉินเยว่ว่า “บ่ายวันนี้ผมไปจัดการป้าใหญ่มาด้วยล่ะ!”
ฉินเยว่เพิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเห็นข้อความของเฉินชางก็ตกใจจนสะอึก!
เฉินชางคนนี้นี่…หน้าไม่อายเกินไปหรือเปล่า!
คุณป้าคนนั้นก็…น่ากลัวเกินไปหรือเปล่า!
แต่เมื่ออ่านให้ละเอียดอีกครั้งก็ติดได้เป็นคำพิมพ์ผิดจาก ‘จัดการเรื่องใหญ่’ เป็น ‘จัดการป้าใหญ่’ เธอหลุดขำออกมาทันที
พิมพ์ผิดได้ฮาเกินไปแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ฉินเยว่ก็ตอบไปเงียบๆ ประโยคหนึ่ง “เลิกกันเถอะ! ฉันไม่อยากเป็นมือที่สาม”
จากนั้นก็เสริมไปอีกหนึ่งประโยค “คุณทำเรื่องผิดๆ ลับหลังฉันแบบนี้แล้วยังมีหน้ามาบอกฉันอีกเหรอคะ คุณอยากให้ฉันแสดงท่าทียังไงกันแน่”
เฉินชางชะงักไป สับสนขึ้นมาโดยพลัน!
รีแอคชั่นที่เฝ้ารออยู่ไหน
ความแปลกใจอยู่ที่ไหน
ทำไมต้องเลิกกันล่ะ
มือที่สามอะไรกัน!
เฉินชางกลับไปย้อนดูข้อความของตน ทันใดนั้นก็ตกใจจนตาค้าง!
หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก!
‘บ่ายวันนี้ผมไปจัดการป้าใหญ่มาด้วยล่ะ!’
พิมพ์ผิดแบบนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว แต่ฉินเยว่ต้องเห็นแล้วแน่ๆ
คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็ส่งอิโมติคอนเหงื่อตกไปพร้อมพิมพ์ว่า “พิมพ์ผิดครับ จะบอกว่าเรื่องใหญ่…”
ฉินเยว่ส่งรูปเด็กน้อยสวมหมวกเขียวไปให้ เฉินชางอดหัวเราะไม่ได้ ยัยนี่จะฮาเกินไปแล้ว!
เหมือนสุภาษิตที่ว่า ไม่ตีลูกสามวัน ลูกปีนขึ้นหลังคา!
เฉินชางหัวเราะ “วันอาทิตย์ผมมีเซอร์ไพรส์ให้คุณด้วย”
ฉินเยว่ “ป้าใหญ่คนนั้นท้องหรือคะ เร็วขนาดนี้เชียว มีลูกแล้วหรือ”
เฉินชางทำหน้าเซ็ง แทบอยากจะเอาโทรศัพท์ไปเขวี้ยงหน้าฉินเสี้ยวหยวนจริงๆ คุยกันให้มีความสุขหน่อยได้หรือเปล่า
ลูกสาวไม่ดีเป็นความผิดของพ่อ!
……
……
ขณะเดียวกัน ฉินเสี้ยวหยวนเห็นลูกสาวนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟา จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ชิน
“ทำไมวันนี้ไม่ไปเดินเล่นล่ะ” เหล่าฉินถามอย่างสงสัย
ฉินเยว่ชะงักไป “อ้อ! วันนี้พักค่ะ”
เหล่าฉินสงสัยเล็กน้อย วันนี้เฉินชางไม่ได้เข้าเวร แยว่เยว่ก็ไม่ได้เข้าเวร ไม่มีงานอะไร ทำไมไม่ไปเดินเล่น!
หรือว่าจะทะเลาะกัน
ทำไม
เรื่องบ้านหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหล่าฉินก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ลูกเขยคนนี้…แม้ปากจะบอกว่าไม่ดี แต่…คิดดูดีๆ ความจริงแล้วก็ยอดเยี่ยมไปเลย อย่างน้อยเขาก็ค่อนข้างพอใจ
ฉินเยว่กับเฉินชางก็นับว่าเป็นคู่บุรุษเก่งสตรีงาม ไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอคนที่เข้าตาและเข้ากันได้ทุกอย่าง ดังนั้นเขาจะปล่อยให้การพัฒนาความสัมพันธ์ของเด็กๆ หยุดชะงักเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ นอกจากนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็คิดว่าเสี่ยวเฉินดีมากจริงๆ มีอนาคตยาวไกล
เฉินชางเป็นเด็กจากบ้านนอก ไม่ง่ายเลยกว่าจะพัฒนาตัวเองมาได้ จะปล่อยให้เรื่องบ้านมาถ่วงอนาคตไม่ได้เด็ดขาด
เหล่าฉินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
เห็นสองแม่ลูกนั่งเล่นมือถือตอนอยู่บนโซฟา เหล่าฉินก็ชะโงกหน้าเข้าไป
“เยว่เยว่ คราวก่อนลูกพูดเรื่องซื้อบ้าน…ตอนนี้พ่อว่าลูกพูดได้เยี่ยมไปเลย!” ฉินเสี้ยวหยวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
จี้หรูอวิ๋นถูกคำพูดของเหล่าฉินทำเอาชะงักไปแล้ว
ฉินเยว่ก็ตกใจจนตาค้าง
“พ่อคะ! พ่อคิดว่าดีจริงๆ เหรอคะ” ฉินเยว่มีสีหน้ายินดี
คิดไม่ถึงว่าพ่อเธอจะรับปากจริงๆ! นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย
แต่…เธอว่าจะแอบซื้อบ้าน ทำให้เฉินชางเซอร์ไพรส์สักหน่อย!
ฉินเสี้ยวหยวนพยักหน้า “อืม พ่อว่าตอนนี้พวกเราก็ควรซื้อบ้านได้แล้ว เอาเงินไว้ในธนาคารมีแต่เสียกับเสีย เอาเงินไปซื้อห้องชุดยังมีค่ามากกว่า”
“ตอนแรกพ่อกับแม่คิดว่าในอนาคต ถ้าลูกเรียนจบแล้วอาจไปทำงานที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หรือกว่างโจว ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยซื้อห้องชุดในเมือง เอาที่ใกล้ๆ ลูกหน่อย จะได้คอยทำกับข้าวให้ลูก”
“ตอนนี้ลูกตัดสินใจอยู่อันหยางแล้ว พ่อกับแม่เลยคิดว่าควรซื้อห้องชุดได้แล้ว!”
ฉินเสี้ยวหยวนพูดจบ ฉินเยว่พลันรู้สึกแสบจมูก เข้าไปกอดเหล่าฉินที่ด้านหลัง พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “พ่อคะ พ่อดีจัง!”
เหล่าฉินอุ่นวาบในใจ ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะซื้อห้องชุดให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาคิดว่าถ้าเฉินชางแต่งงานกับฉินเยว่จริงๆ ซื้อบ้านแค่นี้ไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบอะไรเลย!
ทำไมถึงพูดเช่นนี้น่ะหรือ
แม้ฉินเยว่จะแต่งเข้าบ้านเฉินชาง แต่ทั้งสองทำงานอยู่ที่เมืองอันหยาง ย่อมต้องใช้เวลาอยู่กับครอบครัวตนมากกว่าใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่เฉินชางแน่นอน ในตอนที่ตนและภรรยาแก่ชราคงต้องรบกวนเฉินชางไม่น้อยเลยทีเดียว อีกอย่าง…เขามีลูกสาวคนเดียว ต่อไปเงินทองที่หาได้จะไปอยู่กับใครได้อีกล่ะ เก็บไว้ใช้เองได้หรือ
สุดท้ายก็ต้องเป็นของเฉินชาง!
คนเราต้องคิดให้กว้าง มองให้ยาว หากเก็บเงินเก็บบ้านเอาไว้เองจะทำอะไรได้ สู้เอาเงินไปให้เด็กๆ ทั้งสอง ทำให้พวกเขามีความสุขยังดีเสียกว่า เอาใจพวกเขาได้สักหน่อยก็ไม่เลวแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็คิดว่าควรทำหน้าที่ของพ่อแม่สักหน่อยแล้ว