บทที่ 433 ยอมรับทั้งกายใจ!
จากนั้นเครื่องวัดกราฟหัวใจก็ถูกย้ายมา เฉินชางรีบติดตั้งแต่ละจุด!
ร่างกายหมดแรง!
ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ!
หายใจลำบาก สงสัยว่ามีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อในระบบทางเดินหายใจ!
ใจสั่น!
โรคเบาหวาน!
เมื่อนำปัจจัยแต่ละอย่างมารวมเข้าด้วยกัน เฉินชางก็คิดถึงอะไรบางอย่างที่น่าหวาดกลัว คิดถึงโรคที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต! และยังเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อด้วย!
ทว่ายังไม่ทันทำกราฟหัวใจ เสี่ยวหลินก็ตะโกนว่า “หมอเฉิน อัตราการเต้นของหัวใจเหลือยี่สิบครั้งแล้วค่ะ!”
เฉินชางสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “อะโทรปีน!”
พยาบาลเล่อเล่อรีบฉีดเข้าไป! แต่เมื่อฉีดเข้าไปแล้วกลับให้ผลธรรมดา! สภาพของผู้ป่วยไม่ดีขึ้น
ตอนนี้เครื่องวัดกราฟหัวใจเริ่มพิมพ์ผลออกมาอย่างเชื่องช้า เฉินชางฉีกผลกราฟหัวใจออกมา เอามาอ่านอย่างละเอียด ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย!
ผลของกราฟหัวใจรวมกับอาการทั้งหมดของผู้ป่วย ทุกสิ่งทุกอย่างอธิบายได้ชัดเจนแล้ว!
เฉินชางรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่ไม่รีบให้น้ำเกลือ มิฉะนั้นหญิงชราคงจบสิ้นแล้ว ถึงตอนนั้นคงได้แต่เดินทางกลับสวรรค์แล้ว
พอเห็นค่ากราฟหัวใจ เฉินชางก็รู้สึกเหมือนมือตัวเองกำลังสั่น
เสี่ยวหลินพูดต่อไปว่า “หมอเฉิน อัตราการเต้นของหัวใจยังลดต่ำลงอยู่เลยค่ะ!”
ตอนนี้หญิงชรามีสีหน้าทรมาน เดิมทีเธอเป็นโรคเบาหวานมาหลายปี ทำให้ผอมมากอยู่แล้ว รวมกับมีอายุมากถึงแปดสิบปี ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าหนังหุ้มกระดูก!
ตอนนี้ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวอย่างทรมาน ปากพ่นลมหายใจกระชั้นถี่ แล้วยังร้องอืออาอีกด้วย ทำให้แพทย์ฝึกงานหลายคนที่มาชมดูความสนุกอดถอยหลังไปไม่ได้!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ดูเหมือนอะโทรปีนไม่มีประโยชน์อะไรเลย อัตราการเต้นของหัวใจยังอยู่ที่ยี่สิบครั้งต่อนาที
เฉินชางพิจารณา จากนั้นจึงรีบเปลี่ยนยาทันที “ไอโซพรีนาลีน[1]”
ในกล่องอุปกรณ์กู้ชีพฉุกเฉินมีอุปกรณ์อยู่ครบชุด ยาสำหรับใช้กู้ชีพมีครบครัน นางพยาบาลเล่อเล่อรีบค้นหา…
ตอนนี้เอง เฉินชางก็พูดกับเสี่ยวหลินที่อยู่ข้างๆ ว่า “เตรียมแคลเซียมคลอไรด์ 10 ml! ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ! แล้วก็อินซูลินสิบยูนิตด้วยครับ ฉีดเข้าเส้นเลือดดำเหมือนเดิม!”
เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ พวกหมอฝึกงานที่อยู่ด้านหลังพลันตาค้าง!
ถึงกับใช้แคลเซียมคลอไรด์ในตอนนี้เชียวหรือ!
พวกเขามีสีหน้าสับสนมึนงง ไม่รู้ว่าทำไมพอเฉินชางดูกราฟหัวใจเสร็จแล้วก็รีบฉีดแคลเซียมคลอไรด์เข้าเส้นเลือดดำทันที
ผู้ป่วย…ขาดแคลเซียมหรือ
พวกเขาไม่เข้าใจ!
ความจริงสวีตงตงเองก็งุนงงเช่นกัน แต่ยังคงยืนอยู่ข้างหลัง ถือสมุดจดทุกประโยคของเฉินชางลงไป
เนื่องจากแคลเซียมคลอไรด์และอินซูลินไม่อยู่ในอุปกรณ์กู้ชีพ ดังนั้นจึงต้องให้พยาบาลไปเบิกมา
เมื่อมาถึงแล้ว เฉินชางก็มองเสี่ยวหลิน กล่าวกำชับว่า “จำไว้นะครับ! ฉีดแคลเซียมคลอไรด์ให้ช้าหน่อย 10 ml ให้เสร็จภายในห้านาที! อินซูลินก็ฉีดเข้าเส้นเลือดดำนะครับ!”
หลังจากมอบหมายงานเสร็จแล้ว เฉินชางก็ดูสัญญาณชีพ ตอนนี้อัตราการเต้นของหัวใจกลับมาที่สี่สิบห้าครั้งต่อนาทีแล้ว! คงเป็นผลจากไอโซพรีนาลีน
แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาดีใจ
อาการที่ย่ำแย่ที่สุดของผู้ป่วยยังไม่ถูกกำจัด! นี่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นภายในพริบตา!
ขณะนี้ หลี่เป่าซานผ่านทางมาที่แผนกฉุกเฉินเข้าพอดี เมื่อรู้ว่ากำลังเกิดเคสกู้ชีพผู้ป่วยก็รีบเดินเข้ามา!
หลี่เป่าซานเห็นเสี่ยวหลินกำลังฉีดยาจึงถามเฉินชางว่า “ผู้ป่วยเป็นอะไรครับ”
ขณะนี้แพทย์ฝึกงานที่อยู่ด้านหลังทุกคนล้วนมีสีหน้ามึนงง! พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงจะตามมาตั้งแต่ต้น แต่ก็…ไม่เข้าใจอะไรสักนิด!
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมพวกผมอ่อนแอขนาดนี้
ทำไมพอเฉินชางเห็นกราฟหัวใจแล้วก็รีบทำเรื่องพวกนี้
กระทั่งสวีตงตงก็ไม่รู้
หมอชายที่คุยกับสวีตงตงเมื่อครู่ก็ไม่มั่นใจ หรือจะไม่ใช่อิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
เฉินชางเห็นอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตเริ่มฟื้นเป็นปกติก็ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด
เขาได้ยินเสียงหลี่เป่าซานเอ่ยถามก็รีบหันไป “หัวหน้า!”
“ผู้ป่วยมีอาการโพแทสเซียมสูงและภาวะคีโตอะซิโดซิส[2]โพแทสเซียมในเลือดอาจสูงถึงแปดกว่าๆ!”
หลี่เป่าซานได้ยินค่าโพแทสเซียมในเลือด สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
นี่มันอันตรายถึงชีวิตได้เลย
ปกติค่าโพแทสเซียมในเลือดจะอยู่ที่ 3.5 ถึง 5.5 mmol/L หากเกิน 5.5 ไปแล้วก็คือโพแทสเซียมในเลือดสูง
หลี่เป่าซานทราบว่าโพแทสเซียมสูงขนาดนี้ก็รีบถามทันที “เซรั่มอิเล็กโทรไลต์ (ระดับเกลือแร่ในเลือด) ยังไม่มาใช่ไหมครับ”
เฉินชางพยักหน้า “เพิ่งส่งเรื่องไปไม่ถึงสิบนาที ยังไม่เร็วขนาดนั้นหรอกครับ!”
ประโยคนี้ของเฉินชางทำให้คนที่อยู่รอบๆ เงียบลง!
ไม่มีค่าเซรั่มอิเล็กโทรไลต์ แล้วเฉินชางพูดออกมาได้อย่างไรว่าค่าโพแทสเซียมในเลือดอยู่ที่แปดกว่าๆ เขาเดาได้อย่างไรว่าผู้ป่วยมีอาการโพแทสเซียมในเลือดสูง!
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เฉินชางตรวจแค่กราฟหัวใจเท่านั้น ขณะนี้หมอฝึกงานที่อยู่รอบๆ เกิดสงสัยขึ้นมาแล้ว!
เฉินชางคงไม่พูดว่าตัวเองเดาเอาหรอกนะ!
หลี่เป่าซานได้ยินเฉินชางพูดเช่นนี้ก็รีบหยิบกราฟหัวใจที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็ต้องขมวดคิ้วโดยพลัน!
“คุณใช้อะไรไปแล้วบ้าง”
เฉินชางตอบ “แคลเซียมคลอไรด์ น้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยอยู่ที่สิบหกกว่า ผมเพิ่มอินซูลินให้สิบยูนิต”
ตอนนี้เอง หลี่เป่าซานก็เดินมาข้างๆ มองดูผู้ป่วย ตอนนี้ทำได้เพียงรอดูการเปลี่ยนแปลงอย่างใจเย็นเท่านั้น
สิ่งที่ควรทำเฉินชางก็ทำไปหมดแล้ว
ตอนนี้หลี่เป่าซานพึงพอใจในตัวเฉินชางมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หมอหนุ่มคนนี้จับทุกรายละเอียดได้อย่างเฉียบคม และนำมาวินิจฉัยอาการให้ผู้ป่วยได้เช่นนี้ ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะทำได้จริงๆ
ต้องกล่าวว่าเฉินชางเพียงอ่านจากกราฟหัวใจแล้วนำมาวิเคราะห์ค่าโพแทสเซียมในเลือด นี่เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง
หาไม่มีประสบการณ์หลายปีคงทำไม่ได้!
ที่แผนกฉุกเฉิน ทุกวินาทีมีค่า หากรอผลเซรุ่มอิเล็กโทรไลต์ออกมา ศพคงเย็นไปแล้ว!
เฉินชางจัดการได้ตรงจุดจริงๆ นี่ทำให้หลี่เป่าซานทอดถอนใจ เป็นคนหนุ่มที่ไม่เลวเลย
สิ่งที่ควรทำ เฉินชางก็ทำไปแล้ว หากยังไม่ไหวก็ต้องพาตัวไปฟอกไต
เวลาไหลผ่านไปทุกวินาที สัญญาณชีพที่ปรากฏบนเครื่องกระโดดไปมาไม่หยุดหย่อน ราวกับเป็นจังหวะของชีวิต
อัตราการเต้นของหัวใจค่อยๆ กลับมาหยุดอยู่ที่ห้าสิบครั้งโดยประมาณ ลมหายใจของผู้ป่วยก็สงบลงแล้ว ความดันโลหิตก็ปกติ
ตอนนี้เฉินชางและหลี่เป่าซานจึงค่อยผ่อนคลายลงได้
อาการของผู้ป่วยคงสงบลงแล้ว หญิงชราลืมตาขึ้น ผ่อนลมหายใจเบาๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งกลับมาจากประตูผี
……
……
ขณะนี้หญิงที่เพิ่งส่งตัวมารดามาโรงพยาบาลกำลังเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูห้องสังเกตอาการด้วยความกระสับกระส่าย!
เธอเครียดแทบตายอยู่แล้ว! กลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป
ฉินไท่ซาน ลุงยามของแผนกฉุกเฉินเห็นดังนั้นก็อดปลอบใจไม่ได้ “คุณผู้หญิง อย่าร้อนใจไปเลยครับ ทำใจให้ดีเถอะ หัวหน้าหลี่เข้าไปแล้ว ไม่มีปัญหาแน่!”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เธอจะวางใจได้อย่างไร ได้ยินฉินไท่ซานกล่าวเช่นนี้ก็อยากจะร้องไห้ออกมา!
“ฉันไม่ควรว่าแม่ ฉันควรซ่อมเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดให้เร็วกว่านี้ ผิดที่ฉันเอง!”
“ฉันทำตัวแย่กับแม่เกินไป ต่อไปจะไม่ว่าแม่แล้ว…”
“สวรรค์ โปรดคุ้มครองแม่ฉันด้วย ได้โปรดช่วยให้แม่ผ่านวิกฤตไปได้ด้วยเถอะ!”
……
เสียงของเธอคลอไปด้วยเสียงสะอื้น อารมณ์อ่อนไหวไม่มั่นคง ทำให้ฉินไท่ซานที่อยู่ข้างๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
พยาบาลเห็นเธอร้องไห้จนมีสภาพเช่นนี้ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ นี่ก็คือลูกสาว!
มารดาทำผิดก็ตำหนิ ถึงอย่างไรคนแก่ก็แก่แล้ว กล่าวกันว่าคนเราเมื่อแก่ตัวไปจะทำตัวเหมือนเด็ก แก่แล้วจะไม่ค่อยรู้เรื่องราว คงมีแต่ลูกที่คอยบ่นว่าอยู่ข้างหู ส่วนคนอื่นไม่สนใจ
แต่บ่นก็ส่วนบ่น ตำหนิก็ส่วนตำหนิ ในตอนที่หญิงชราป่วยขึ้นมาจริงๆ ลูกสาวก็กังวลเหมือนกับตัวเองป่วยเอง
ตอนนี้หญิงชราเริ่มฟื้นตัวแล้ว แต่ก็ยังวางใจไม่ได้
อาการโพแตสเซียมในเลือดสูงมีหลายสาเหตุ ภาวะคีโตอะซิโดซีสก็เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ไม่อาจตัดสาเหตุอื่นออกไปได้ ดังนั้นจะต้องรอผลตรวจแลปออกมาก่อนแล้วค่อยทำเรื่องย้ายแผนก
หลี่เป่าซานโทรไปที่ฝ่ายแลปเพื่อเร่งผลตรวจ ไม่นานก็ได้ผลตรวจ!
พยาบาลรีบนำผลมาส่งให้
หลี่เป่าซานรับมา “โพแทสเซียมในเลือด 8.1”
ดีที่กู้ชีพได้ทันเวลา หากรอผลเซรุ่มอิเล็กโทรไลต์ออกมาจริงๆ ผู้ป่วย…คงอันตรายมาก
หมอฝึกงานที่อยู่ข้างๆ มองอย่างแปลกใจ ต่างตกตะลึงจนตาค้าง!
แปดกว่าจริงๆ!
ตอนนี้พวกเขาสงสัยจริงๆ ว่าเฉินชางเดาค่าโพแทสเซียมในเลือดของผู้ป่วยได้อย่างไร!
สวีตงตงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น!
ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองวัน เขาได้เห็นการกู้ชีพอันเคร่งเครียดอีกครั้งหนึ่งแล้ว! แม้จะสับสนมึนงง ไม่เข้าใจ แต่…เมื่อเห็นอาจารย์เฉินหาสาเหตุสำคัญของอาการออกมาได้ภายใต้เงื่อนไขอันจำกัด อีกทั้งผู้ป่วยยังมีโรคและอาการซับซ้อนเช่นนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ยังรักษากู้ชีพได้สำเร็จ นี่มันยากเกินไปแล้ว!
เยี่ยมจริงๆ!
ตอนนี้สวีตงตงนับถือเฉินชางแล้ว!
นับถือทั้งกายใจ!
[1] ไอโซพรีนาลีน (Isoprenaline หรืออีกชื่อคือ Isoproterenol) เป็นยารักษาภาวะหัวใจเต้นช้า ภาวะหัวใจหยุดเต้น และบางกรณีก็นำไปรักษาอาการหอบหืดอีกด้วย อาจกล่าวได้ว่ายาไอโซพรีนาลีนเป็นยาช่วยชีวิตประเภทหนึ่งก็ได้ มักพบเห็นการใช้ยานี้ในห้องฉุกเฉินและห้องไอซียูของโรงพยาบาล
[2] ภาวะคีโตอะซิโดซิส (Diabetic ketoacidosis : DKA) เป็นภาวะแทรกซ้อนอย่างหนึ่งของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายลำเลียงน้ำตาลไปสู่เซลล์ต่างๆ ไม่ได้ จึงเริ่มเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน กระบวนการดังกล่าวทำให้เกิดกรดสะสมในเลือดที่เรียกว่า คีโตน เรียกว่าภาวะคีโตอะซิโดซิส หรือเลือดเป็นกรด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที สุดท้ายอาจส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายผู้ป่วยเบาหวานถึงขั้นเสียชีวิตได้