Martial god space ตอนที่ 359 อันตรายที่ซ่อนเร้น
เย่ ซีหวิน ไม่ได้ใส่ใจกับคําพูดของชายชรามากนัก เพราะเขาไม่เคยท้อถอยในการฝึกฝนวรยุทธ เขาพยายามทําให้ตัวเองแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่มีร่างกายพิเศษก็ตาม
มีคนเป็นจํานวนมากเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ และบางคนโชคดีเกิดมาพร้อมกับร่างกายพิเศษแต่จะพึ่งพาเพียงพรสวรรค์ และร่างกายพิเศษเพียงอย่างเดียวพวกเขาก็ไม่สามารถประสบความสําเร็จได้ทุกครั้งเสมอไป
แน่นอนว่า ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาเกิดขึ้นเพราะพื้นที่ลึกลับ อย่างไรก็ตาม มันขึ้นอยู่กับความพยายามของเขามากกว่า เขาคงไม่มีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ถ้าเขาไม่ได้ฝึกหนักจนเหมือนพวกที่คลั่งไคล้ฝึกวรยุทธ ไม่เช่นนั้น เขาจะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
ชายชราชื่นชมในตัวของ เย่ ซีหวิน หลังจากฟังคําพูดของเขา แววตาของชายหนุ่มมีเด็ดเดี่ยวและไม่ย่อท้อ
” ชายหนุ่มคนที่เจ้าฆ่าไปนั้น! เขาเหนือกว่าเจ้ามากไม่ว่าเป็นทั้งเรื่องของพรสวรรค์ และยังมีร่างกายพิเศษติดตัวมาตั้งแต่กําเนิด แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะลงมือสังหารเขา ก่อนที่ข้าจะพาเขามาที่นี่! ” ชายชรา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ เพราะ เย่ ซีหวิน ชิงลงมือตัดหน้าเขาไปก่อน
” หรือว่า คัมภีร์ดาบ และม้ามังกร “ เย่ ซีหวิน ตระหนักได้ในทันทีว่าทั้งหมดนี้เป็นกลอุบายของชายชรา เขาต้องการดึงดูดความสนใจของผู้คนมาที่นี่ ไม่น่าแปลกใจที่สมบัติหายากจํานวนมากจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน เย่ ซีหวิน รู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลกๆ ในตอนแรก แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
” ใช่! ข้าเป็นคนส่งสมบัติเหล่านี้ออกไป! “ ชายชรา พยักหน้าพร้อมกับกล่าวมันออกมา
ชายชรา กลืนกินดวงดาวมาแล้วนับไม่ถ้วน สมบัติเพียงไม่กี่ชิ้นสําหรับชายชราแล้ว มันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาเลย
สมบัติเหล่านี้มีไว้เพื่อดึงดูดความสนใจของเหล่าจอมยุทธที่มีพรสวรรค์ ให้หลงกลเข้ามาติดกับดักเท่านั้น
” เย่ ซีหวิน! เจ้าต้องระวังตัวเอาไว้ ชายชราคนนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น! “ เสียงของ เยโม่ ดังขึ้นมาในหัวของ เย่ ซีหวิน
ในเวลานี้ กระจกมารฟ้า มีพลังแข็งแกร่งมากขึ้น ชายชราไม่สามารถตรวจพบการมีอยู่ของ เยโม่ ได้
( ผู้แปล ขอเปลี่ยนชื่อ กระจกเทียนหยวน มาใช้เป็น กระจกมารฟ้า )
“ เขาใช้สมบัติเหล่านั้นเป็นเหยื่อล่อเหมือนกับการตกปลา เพื่อดึงดูดความสนใจอัจฉริยะมากมายให้มาที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคืออะไร อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องระวังเอาไว้ตลอดเวลา! ”
เย่ ซีหวิน พยักหน้าอย่างลับๆ ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่ว่าเขาจะทําอะไรเขาไม่เคยลดการป้องกันและคอยสังเกตสิ่งต่างๆ อย่างระมัดระวัง มันกลายเป็นนิสัยที่ติดตัว เย่ ซีหวิน มาตลอดหลายปี
” เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่ข้าเลือก! มีน้อยคนที่จะได้รับโอกาสนี้ เจ้าจะกลายเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามภายในอีกหนึ่งถึงสองพันปีข้างหน้า หากเจ้าทําสําเร็จก็ถือว่าการลงทุนข้าไม่สูญเปล่า! “ ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
ทันใดนั้น เย่ ชีหวิน ก็เข้าใจแผนการณ์ของชายชราคนนี้ เขาใช้ตาข่ายยาวเพื่อจะ จับปลาตัวใหญ่ผู้คนเหล่านั้นจะกลายเป็นจอมยุทธที่น่าเกรงขามในอนาคต และหนึ่งในพวกเขาจะกลับมาปลดปล่อยเขาออกจากผนึก นั่นคือผลตอบแทนที่ชายชราลงทุนวางเดิมพันเอาไว้
เมื่อคนเหล่านี้จากไป ก็จะมีศิษย์ใหม่จากสถาบันยอดยุทธเข้ามาเพิ่มอีกในรอบถัดไป ที่นี่ถูกใช้เป็นสนามทดสอบภารกิจของศิษย์ใหม่ และเมื่อเวลานั้นมาถึงชายชราก็จะมีตัวเลือกมากมาย โอกาสที่เขาจะได้รับการปลดปล่อยจากผนึกในอนาคตก็จะเพิ่มสูงขึ้น
ในระยะเวลาสั้นๆ ชายชราอาจยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ได้จาการลงทุนลงแรงไป แต่สักวันหนึ่งคนเหล่านี้จะเติบโตเป็นเสาหลักของสถาบันยอดยุทธ
มันเป็นการลงทุนที่ใช้ระยะเวลายาวนาน
” เจ้าเป็นคนแรกที่ได้มาที่นี่ ดูเหมือนโชคชะตาของเจ้าจะถูกลิขิตเอาไว้ เอาละ! ข้าจะมอบของขวัญบางอย่างให้กับเจ้า! “ ชายชรา กล่าวพร้อมกับมีพลังแห่งดวงดาวที่หนาแน่นปรากฏขึ้นในมือของชายชรา ก่อนมันจะลอยหายเข้าไปในร่างของ เย่ ซีหวิน ทันที
เมื่อพลังแห่งดวงดาวนี้เข้าไปในร่างของ เย่ ซีหวิน ทันใดนั้น เย่ ซีหวิน ก็รู้สึกราวกับกําลังล่องลอยอยู่กลางทะเลแห่งดวงดาว พลังแห่งดวงดาวที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะฆ่าสัตว์อสูรขอบเขตลมปราณระดับตํานานระดับ 7 หรือ 8 อีกนับหมื่นตัว ก็ไม่อาจเทียบได้กับพลังแห่งดวงดาวนี้
” พลังแห่งดวงดาวนี้มากมายมหาศาลจริงๆ แม้แต่ดาวเคราะห์ดวงเล็กๆ ก็ไม่มีพลังมากมายขนาดนั้น! ” ทันใดนั้น เยโม่ ก็มีอาการเหมือนหายใจไม่ออก
พลังแห่งดวงดาวนี้มากมายเกินพอที่ เย่ ซีหวิน จะควบแน่นดาวอังคารขึ้นมาได้โดยตรง
ในเวลานี้ใบหน้าของ เยโม่ เปลี่ยนกลายหมองคล้ำ เขารีบกล่าวออกมาทันทีว่า “ แย่แล้ว! เย่ ซีหวิน นี่คือกับดัก เขาซ่อนเมล็ดพันธุ์ปีศาจเอาไว้ภายใน! ”
” เมล็ดพันธุ์ปีศาจ เป็นเคล็ดวิชามารที่ร้ายกาจมาก มันถูกซ่อนเอาไว้พลังแห่งดวงดาว หากเจ้าดูดซับพลังแห่งดวงดาวเข้าไปร่างแล้วเริ่มปรับแต่งลมปราณ เมล็ดพันธุ์ปีศาจก็จะแทรกซึมไปตามเส้นลมปราณ จากนั้นเจ้าจะกลายเป็นหุ่นเชิด และถูกควบคุมใช้งานโดยเขา!” เยโม่ กล่าวต่ออีกว่า “ มีเคล็ดวิชาเมล็ดพันธุ์ปีศาจมากมายในโลกปีศาจ ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบความซับซ้อนและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน แต่จุดประสงค์ในการใช้งานเหมือนกันหมด เจ้าจะกลายเป็นทาสของเขานับจากนั้น และไม่มีทางหลบหนีได้ เจ้าจะถูกสอดแนมทุกการเคลื่อนไหว ตัวตนของเจ้าจะถูกเขาครอบงําโดยสมบูรณ์ แม้ว่าวันหนึ่งเจ้าจะมีขอบเขตลมปราณที่เหนือกว่าเขา แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เขาสามารถฆ่าเจ้าได้ด้วยความคิดเดียว! ”
เย่ ซีหวิน สูดลมหายใจยาวอย่างลับๆ ความรู้สึกหนาวเย็นแล่นไปตามกระดูกสันหลังของเขาอสูรกลืนดาราตัวนี้สามารถเล่นละครตบตาได้อย่างแนบเนียน แม้ว่าจะเป็นเพียงจิตวิญญาณที่เลียนแบบรูปร่างของมนุษย์แล้วก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่มนุษย์มันยังคงเป็นสัตว์อสูร คาดไม่ถึงว่าสิ่งมีชีวิตที่กินดาวจะคิดแผนการณ์ได้ลึกซึ้งขนาดนี้
ชายชราแสร้งทําเป็นใจดี โดยการปล่อยสมบัติมากมายออกมา และยังมอบพลังแห่งดวงดาวที่มีพลังมหาศาลให้กับเขาอย่างง่ายดาย คําพูดของเขาดูเหมือนเป็นการช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นให้กลายเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามในอนาคต พร้อมกับปล่อยพวกเขาไปใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่ใครจะสามารถคาดเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของชายชราได้
อสูรกลืนดาราตัวนี้มีชีวิตอยู่มานานแค่ไหนแล้ว ภายใต้รูปโฉมของชายชราแท้จริงแล้วเขาคือสุนัขจิ้งจอกเฒ่า เขาจะไม่เตรียมรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างไร? ไม่มีใครมอบผลประโยชน์มากมายให้โดยไม่มีหลักประกัน ชายชราคนนี้ไม่ใช่คนโง่
” อย่างไรก็ตาม เมล็ดพันธุ์ปีศาจ ไม่ใช่สิ่งที่จะทําออกมาได้เป็นจํานวนมาก เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ปีศาจนี้จําเป็นต้องใช้พลังชีวิตเป็นจํานวนมาก สามารถสร้างขึ้นมาได้หนึ่งหรือสองเมล็ด เพราะมันส่งผลกระทบต่อแกนพลังชีวิตของผู้ใช้โดยตรง เว้นเสียแต่ว่าจะมีความสําคัญมากๆ ต่อผู้ที่ได้รับ ดังนั้น จึงมีเพียงไม่กี่คนที่เต็มใจที่จะใช้เมล็ดพันธุ์ปีศาจ! ” เยโม่ กล่าวต่ออีกว่า “ ดูเหมือนว่าเขาจะชอบเจ้าไม่ใช่น้อย! ” พร้อมกับหัวเราะเบาๆ (ผู้แปล : เดี๋ยวก่อน เยโม่ มึงพูดให้กูคิดลึกละ )
ฟังจากคําพูดเมื่อสักครู่ทําให้ เย่ ซีหวิน ค่อนข้างมั่นเล็กน้อย ชายชราดูถูกความสามารถของเขา แต่กลับฝังเมล็ดพันธุ์ปีศาจลงไปในพลังแห่งดวงดาวแล้วมอบให้กับเขา (ผู้แปล : ถึงกับมอบเมล็ดถั่วดําให้ก็คิดเอาละกัน เย่ ซีหวิน)
“ ข้าควรจะทํายังไงดี! “ เย่ ซีหวิน พูดคุยอย่างลับๆ กับ เยโม่ ผ่านทักษะการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชายชราได้เดินมาเข้าใกล้ เย่ ซีหวิน พร้อมกับ กล่าวขึ้นว่า ” เจ้าต้องรีบดูดซับพลังแห่งดวงดาว และปรับแต่งขอบเขตลมปราณตอนนี้! ไม่เช่นนั้น ข้ากลัวว่าเจ้าจะพบกับปัญหาหลังจากออกไปจากที่นี่แล้ว”
เย่ ซีหวิน ขมวดคิ้วมองชายชราด้วยความสงสัย ชายชราโบกมือคราหนึ่ง ทันใดนั้น ก็ปรากฏหน้าต่างจอภาพขึ้นต่อหน้าของ เย่ ซีหวิน เขาสามารถมองเห็นด้านนอกของหุบเขานี้ จอมยุทธกลุ่มหนึ่งกําลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด หนึ่งในนั้นคือ ปรมาจารย์ดาบ เขาเป็นผู้นําของพรรค สุสานดาบ ไม่มีใครรู้ว่าตั้งแต่ ปรมาจารย์ดาบ เข้าในโลกใต้พิภพเขาได้พบกับอะไรมาบ้าง แต่ในเวลานี้ เขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานขั้นลึกซึ้ง ด้วยความแข็งแกร่งในระดับนี้ เมื่อออกไปได้อนาคตของเขาจะไร้ขีดจํากัด และได้รับการพิจารณาจากสถาบันยอดยุทธให้เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์
อย่างไรก็ตาม แม้ปรมาจารย์ดาบจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานขั้นลึกซึ้ง แต่เขากําลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทําได้เพียงแค่ตั้งรับ และสามารถหลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างฉิวเฉียดหลายต่อหลายครั้ง
เขาถูกกดดันอย่างหนักโดยผู้อาวุโสฝ่านจากวิหารชวนหยวน เย่ ซีหวิน จําได้จากความทรงจําของศิษย์วิหารซวนหยวนคนหนึ่งที่ถูกเขาสังหาร ศิษย์พี่อาวุโสคนนี้เป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆ ที่มีชื่อเสียงในหมู่ศิษย์ของวิหารชวนหยวน เขามีชื่อว่า ฟ่านหมิงเป็นอัจฉริยะที่ได้รับการยกย่องอย่างมากจากปรมาจารย์ของวิหารชวนหยวน เมื่อเขาเข้าร่วมกับวิหารซวนหยวนได้ไม่นาน ก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้นําของวิหารซวนหยวน
(ผู้แปล ขอแก้ไขชื่อตัวละคร ศิษย์พี่ฝาน เปลี่ยนมาใช้เป็น ฟ่านหมิง)
ในวิหารซวนหยวน เขาได้รับตําแหน่งผู้นําศิษย์ของวิหารซวนหยวน ซึ่งเทียบเท่ากับศิษย์เอกอันดับต้นๆ ของแต่ละยอดขุนเขาในสถาบันยอดยุทธ แต่ตําแหน่งของเขาเป็นตําแหน่งระดับสูงสุดในวิหารชวนหยวน
ปรมาจารย์ดาบ เพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานขั้นลึกซึ้งเมื่อไม่นานมานี้ แต่ฟ่านหมิง นั้นมาถึงขีดสูงสุดของขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานขั้นลึกซึ้ง อีกเพียงครึ่งก้าวเขาก็จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวนักปราชญ์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเหลืออีกเพียงแค่ครึ่งก้าว แต่ครึ่งหนึ่งของขอบเขตลมปราณนั้นแตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลก แม้แต่อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าห้าปีถึงจะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวนักปราชญ์ได้
ทันใดนั้น เย่ ชีหวิน สังเกตเห็น ปรมาจารย์ดาบ มีบางส่วนที่คล้ายกับคนที่เขารู้จัก ปรมาจารย์ดาบสวมเสื้อคลุมสีดํา และเพลงดาบที่เฉียบคมของเขาสามารถทําให้ทั้งโลกต้องสั่นสะท้าน ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้นั้นยอดเยี่ยมมาก จอมยุทธทั่วไปในระดับเดียวกันไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้แน่นอน แต่คู่ต่อสู้ของเขาคือ ฟ่านหมิง ในบรรดาศิษย์ของวิหารซวนหยวน เขาเป็นจอมยุทธที่น่าเกรงขามอันดับต้นๆ ของสํานัก
เย่ ซีหวิน ไม่เคยเห็น ปรมาจารย์ดาบ มาก่อนเลยตั้งแต่เข้าสถาบันยอดยุทธ แต่พอได้เห็นเขา จากตรงนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่า ปรมาจารย์ดาบ ก็คือชายที่เสื้อคลุมสีดําก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาใกล้เคียงกัน แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาสามารถทะลวงขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานไปถึงขั้นลึกซึ้ง
เย่ ซีหวิน พยายามอย่างมากเพื่อจะไปให้ถึงขั้นลึกซึ้งของขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานาน เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทะลวงได้ทุกระดับของขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานาน
แม้แต่ เจียน รูเฉิน ก็มาได้ถึงแค่ระดับ 8 ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานหลังจาก ได้รับมรดก แต่ปรมาจารย์ดาบคนนี้ได้รับการสนับสนุนแบบไหน? เขาถึงสามารถขึ้นมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้
ในกลุ่มของพรรคสุสานดาบ เย่ ซีหวิน มองเห็น เจียน วู่เฉิน กับมู่ หลิง และลูกหมาปาก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาทั้งสามร่วมมือกันต่อสู้ประสานกันได้เป็นอย่างดี ภายใต้การต่อสู้ที่แน่นหนาของศิษย์จากวิหารซวนหยวน อย่างไรก็ตาม กลุ่มของพวกเขามีแนวโน้มที่จะต้องพ่ายแพ้ หากการต่อสู้ยังยืดเยือออกไปเป็นเวลานาน
แม้ว่าจะมียอดฝีมือเพียงไม่กี่สิบคนจากวิหารซวนหยวน แต่อาศัยจํานวนของศิษย์ของสถาบันยอดยุทธที่มีมากกว่าศิษย์ของวิหารซวนหยวน ทําให้สถานการณ์แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่หากมองในแง่ของคุณภาพศิษย์ของวิหารซวนหยวนอาจดูด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์ดาบ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขากําลังถูก ฟ่านหมิง ต้อนจนมุมกลุ่มของพรรคสุสานดาบทั้งหมดในตอนนี้ไม่มีวี่แววที่พวกเขาจะเอาชนะได้
อย่างไรก็ตาม เย่ ซีหวิน ไม่มีเวลาคิดมากนัก เพราะชายชราปิดหน้าต่างจอภาพลงแล้วกล่าวว่า ” ข้าเห็นทุกอย่างตั้งแต่เจ้าเข้ามาที่นี่ และข้ารู้ว่าเจ้าไม่สามารถจัดการกับศิษย์ของวิหารซวนหยวนได้ ศิษย์ของวิหารซวนหยวนเหล่านั้นจะฆ่าศิษย์ของสถาบันยอดยุททั้งหมด เมื่อเขาฆ่าคนเหล่านั้นแล้วเจ้าก็จะเป็นรายต่อไป เจ้าไม่สามารถขอให้ข้าปกป้องเจ้าจากศิษย์ของวิหารซวนหยวนได้ เพราะหนึ่งในศิษย์ของวิหารซวนหยวนเหล่านั้น ก็เป็นคนที่ผ่านการคัดเลือกของข้าด้วยเช่นกัน!”
” ข้ารู้ว่าเจ้ากําลังฝึกเคล็ดวิชาที่ใช้พลังแห่งดวงดาว ถ้าเจ้ารีบดูดซับพลังแห่งดวงดาวในตอนนี้ บางที่เจ้าอาจจะมีพลังมากพอที่จะต่อกรกับเขาได้! “ ดวงตาอันแหลมคมของชายชราเริ่มจับจ้องมองมาที่ เย่ ซีหวิน