บทที่ 497 พี่ใหญ่ขั้นรอรับทัณฑ์อัสนี
หลี่อวี่มองอาจารย์ตัวเองด้วยความคาดไม่ถึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอาจารย์ ‘เสียอาการ’ ขนาดนี้!
ไม่ผิดหรอก!
เพราะในใจเขา อาจารย์เป็นผู้ที่มีนิสัยสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านเสมอมา ในดวงตาที่สง่างามภูมิฐานเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าตัวเองควบคุมทุกอย่างได้
แต่ตอนนี้อาจารย์ดูทนไม่ไหวอย่างเห็นได้ชัด
ต่อมาเขาก็ติดต่อเฉินชางกับโรงพยาบาลอันดับสอง จองตั๋วเครื่องบินและเลือกจุดหมายปลายทาง
ระหว่างที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน อาจารย์อ่านบทความฉบับนี้ไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้ว บนกระดาษที่พิมพ์ออกมามีรอยคราบหมึกเล็กน้อย
ทุกครั้งที่ทังจินโปอ่าน ก็จะเกิดความคิดหลากหลายแตกต่างกันไป!
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้เขียนแข็งแกร่งเกินจินตนาการ
ศาสตราจารย์ทังจินโปจินตนาการภาพผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งขึ้นมาในหัวแล้วแล้ว คงจะเป็นหัวหน้าแผนกที่วินิจฉัยโรคได้เก่งมากคนหนึ่ง บางที…ผมอาจจะน้อยกว่าตนด้วยละมั้ง
ต้องบอกเลยว่าบทความฉบับนี้ไม่เพียงแค่ดึงดูดสายตาทังจินโปไว้ได้ ถึงขั้นคว้าหัวใจทังจินโปไว้ด้วย
ในฐานะผู้คิดค้นและศึกษาวิธีการเย็บแบบทัง หลายปีมานี้ทังจินโปไม่เคยยอมแพ้ที่จะพัฒนาวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังให้สมบูรณ์แบบ และในข้อคิดเห็นกับแนวคิด รวมทั้งทิศทางการพัฒนาที่เฉินชางเสนอในบทความ ก็ทำให้ทังจินโปชื่นชมมาก ถึงขั้นมีความเห็นที่ตรงกันด้วย
แม้จะมีบางจุดที่ค่อนข้างคิดต่าง แต่ก็ต้องพิจารณาและมองมันอย่างถี่ถ้วน
ทันใดนั้น ทังจินโปก็เอนกายบนเก้าอี้ มองไปนอกหน้าต่าง คิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสดีของตัวเองก็ได้
ตอนนี้เขาเฝ้าคอยที่จะพบหน้าศาสตราจารย์ที่ชื่อเฉินชางมาก!
……
……
เมื่อโรงพยาบาลอันดับสองรู้ว่าทังจินโปกำลังจะมา ก็จัดพิธีต้อนรับทันที โดยเฉพาะแผนกฉุกเฉิน
นี่อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้หลี่เป่าซานแห่งแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองดีใจที่สุด
การที่ดึงดูดให้คนอื่นมาที่นี่ได้ ก็แสดงว่าความสามารถของคุณได้รับการยอมรับจากอีกฝ่ายแล้ว ทั้งอีกฝ่ายยังเฝ้าคอยที่จะร่วมงานกับคุณด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับทังจินโป!
ดังนั้นครั้งนี้หลี่เป่าซานจึงใจกว้างมาก ทุ่มทุนเพื่อให้จัดงานนี้ให้ดี ทำให้หัวหน้าพยาบาลอย่างเถียนเซียงหลานปวดใจอยู่นานมาก แต่เมื่อรู้ว่าทางโรงพยาบาลจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เธอถึงได้โล่งอก ตราบใดที่ไม่ใช่เงินของแผนกตัวเอง จะใช้จ่ายอย่างไรก็ได้…
เจียงเทารับศาสตราจารย์ทังและลูกศิษย์มาที่โรงแรม ระหว่างทางเจียงเทาพูดเป็นต่อยหอย บอกว่าตัวเองนับถือศาสตราจารย์ทังมาก
ศาสตราจารย์ทังก็เป็นมิตรมาก ไม่วางมาดเลยสักนิด กลับคุยเรื่องวิชาการกับเจียงเทาจนถึงโรงแรม
จู่ๆ ทังจินโปก็ถามว่า “หมอเจียง ศาสตราจารย์เฉินชางไม่มาเหรอครับ”
เจียงเทายิ้มตอบ “ศาสตราจารย์ทัง ที่จริงหมอเฉินอยากมาด้วยตัวเอง แต่ช่วงนี้คนไข้เยอะมากจริงๆ ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่ มาไม่ได้จริงๆ ครับ!”
ทังจินโปพยักหน้ายิ้ม แต่ไม่ได้โกรธ กลับดีใจด้วยซ้ำ
แบบนี้สิถึงจะอธิบายได้ว่าศาสตราจารย์เฉินชางเป็นหมอที่ดี!
หลังจากพักผ่อนในโรงแรมครู่หนึ่ง หลี่เป่าซาน ฉินเสี้ยวยวน หลี่เจี้ยนเหว่ยก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ถึงอย่างไรศาสตราจารย์ทังก็เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมมาก ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลของสังกัดมหาวิทยาลัยหนานทง การที่พวกพวกฉินเสี้ยวยวนมาก็ถือเป็นเรื่องปกติมาก
“ผู้อำนวยการทังเดินทางมาลำบาก ผมจองร้านอาหารไว้แล้ว พวกเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ” ฉินเสี้ยวยวนถาม
ทังจินโปรีบปฏิเสธ “ผู้อำนวยการฉิน ไม่ต้องเกรงใจแล้วครับ พวกเรากินกันแล้วตอนอยู่บนเครื่องบิน อ้อ ใช่…ศาสตราจารย์เฉินชางกำลังผ่าตัดอยู่เหรอครับ สะดวกให้พวกเราไปดูไหม”
ทังจินโปมาเพื่อมาหาเฉินชางโดยเฉพาะ ไม่ได้มาประชุมหรือท่องเที่ยว ความคิดแรกก็คืออยากพบเฉินชางก่อนอยู่แล้ว
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็พากันอึ้งทันที จากนั้นก็เริ่มยิ้มอย่างเป็นมิตร
ศาสตราจารย์ทังคนนี้ช่างเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสไตล์อัจฉริยะจริงๆ
ฉินเสี้ยวยวนไม่ฝืนเชิญเขารับประทานอาหารอีก แต่กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้น…ผมจะพาพวกคุณไปที่โรงพยาบาลของเราแล้วกันครับ!”
ทังจินโปได้ยินแล้วเผยสีหน้าดีใจทันที “งั้นก็ดีมากเลย รบกวนผู้อำนวยการฉินด้วยครับ!”
ขณะที่คุยกัน พวกเขาก็เดินมาถึงแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง
หลังจากเข้ามา ทังจินโปก็ชะงักเล็กน้อย “นี่…คือแผนกศัลยกรรมมือของพวกเราเหรอ”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่เดินมาด้วยเริ่มหน้าแดงเพราะความอาย!
แบบนี้…ทำให้คนอื่นเห็นเรื่องน่าขำแล้ว!
ตอนนี้หลี่เป่าซานถึงได้บอกความจริง “โรงพยาบาลของพวกเรา แต่ไหนแต่ไรมาแผนกอายุรกรรมค่อนข้างเก่ง ด้านศัลกรรมค่อนข้างอ่อนด้อย แผนกศัลยกรรมมือก็ยิ่งขาดคนเก่งที่เหมาะสม แต่ผู้ป่วยแผนกศัลยกรรมมือมีเยอะมาก ผู้อำนวยการฉินถึงได้ตั้งทีมศัลยกรรมมือเล็กๆ ขึ้นมาภายในแผนกฉุกเฉินครับ”
“ตอบแบบไม่กลัวถูกศาสตราจารย์ทังหัวเราะเยาะแล้วกันครับ ตอนนี้แผนกศัลยกรรมมือของพวกเรามีหมอแค่สามคน คนหนึ่งคือหัวหน้าแผนกอันเยี่ยนจวิน อีกคนคือหมอเฉินชาง แล้วก็มีดอกเตอร์ที่เพิ่งมาใหม่ ดอกเตอร์เจียงเทาครับ”
คำตอบนี้ทำให้ทังจินโปอึ้งไปชั่วขณะ!
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “เฮ้อ…ผมรู้สึกละอายที่เทียบไม่ติดครับ ขนาดศาสตราจารย์เฉินชางอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ยังสรุปประสบการณ์ด้านการวินิจฉัยโรคและตระหนักรู้เรื่องเย็บเส้นเอ็นได้ขนาดนี้ หาพบได้ยากจริงๆ!”
หลี่อวี่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง!
ทุกคนตะลึงไปชั่วขณะ พบว่าคนที่มีการศึกษามีความรู้จะคิดอะไรแตกต่างออกไป เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่อีกฝ่ายพูดออกมาได้…ในความหมายที่สูงส่งและมีเกียรติ
พวกเขาไม่ได้หยุดคุยกันนานนัก ตอนนี้จึงเดินมาถึงห้องผ่าตัดแล้ว
ตอนนี้เฉินชางกับอันเยี่ยนจวินเพิ่งผ่าตัดเสร็จพอดี พอได้ยินว่าศาสตราจารย์ทังมาถึงห้องผ่าตัดแล้วก็รีบลุกขึ้นต้อนรับ
หลังจากเห็นเฉินชาง แม้ทังจินโปกับหลี่อวี่จะคิดเตรียมไว้แล้วว่าตัวจริงเป็นอย่างไร แต่พอถึงเวลาจริงก็รับไม่ได้นิดหน่อย!
คนนี้คือเฉินชางงั้นเหรอ
อายุน้อยจนน่ากลัว!
หลี่อวี่เดาว่าคงอายุน้อยกว่าต้นด้วยซ้ำ
ทังจินโปเก็บอาการตกตะลึงแล้วรีบก้าวขึ้นมาจับมือทักทาย “ศาสตราจารย์เฉิน สวัสดีครับ!”
เฉินชางอึ้งนิดหน่อย “ศาสตราจารย์ทัง เกรงใจเกินไปแล้วครับ เรียกผมว่าเสี่ยวเฉินก็พอ”
ทังจินโปส่ายหน้า สำหรับเฉินชาง เขาเรียกว่า ‘เสี่ยวเฉิน’ ไม่ออกจริงๆ อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็มีความรู้เรื่องวิชาการในระดับที่ลึกซึ้ง ทังจินโปนับถือเขามาก!
ทั้งสองไม่สนใจไต่ถามทุกข์สุขกันแล้ว ตอนนี้เริ่มพูดคุยถึงปัญหาทางด้านวิชาการกัน
คำพูดที่ทังจินโปเก็บไว้ในใจมาตลอด ในที่สุดก็ได้ระบายออกมาแล้ว!
เฉินชางตกปลามาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในที่สุดก็ตกได้ทังจินโป
ทั้งสองผลัดกันถามตอบ พูดคุยถูกคอกันมาก!
ส่วนพวกหัวหน้าแผนกกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็ได้แต่เบิกตากว้างบ้างหรี่ตาบ้างสลับกันไป
แต่เจียงเทากับหลี่อวี่ฟังแล้วได้อรรถรส
ราวกับกำลังพวกเขากำลังสนทนาถึงหลักปรัชญากัน
พี่ใหญ่ทั้งสองที่อยู่ระดับผ่านทัณฑ์อัสนีกำลังพูดคุยถึงหลักปรัชญา ส่วนพวกนักพรตน้องเล็กที่อยู่ในช่วงฝึกลมปราณขั้นพื้นฐานกำลังทำความเข้าใจอยู่ไกลๆ
ไม่ว่าจะพูดถึงอะไรก็ฟังดูล้ำลึกไปเสียหมด
ตอนที่เจียงเทากำลังฟังทั้งสองคุยกัน ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนเดินตรวจผู้ป่วยในวอร์ดเฉินชางจึงบอกเขาว่า “วิธีการเย็บแบบทังยังขาดอะไรบางอย่างไป ไม่เหมาะกับวิธีการเย็บแบบนี้”
ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าเฉินชางไม่ได้คุยโม้!
อีกฝ่ายกำลังพูดต่อหน้าทังจินโปแล้วว่าวิธีการของคุณมีตรงไหนไม่ดี มีตรงไหนไม่ถูก มีตรงไหนต้องแก้ไข…
อีกทั้งทังจินโปก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ทว่า…บรรยากาศเปลี่ยนเร็วมาก