บทที่ 534 พาลูกสะใภ้ไปบ้านฝ่ายสามี
พอเฉินต้าไห่กับหยางจยาฮุ่ยรู้ว่าลูกชายจะพาสะใภ้มาบ้าน พวกเขาก็เริ่มตื่นเต้น
แต่พอตื่นเต้นเสร็จ พวกเขาก็รีบร้อนเริ่มเก็บกวาดบ้าน
ถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาวคนอื่นมาเที่ยวบ้าน จะต้องสร้างความประทับใจที่ดีให้ได้ แถมอีกฝ่ายยังเป็นคนเมือง หยางจยาฮุ่ยจึงพยายามต้อนรับอย่างดีที่สุด
หมู่บ้านหนานฉวนเป็นหมู่บ้านในสังกัดเมืองจิ้นหยาง เนื่องจากอยู่ใกล้ภูเขาหนานฉวนจึงตั้งชื่อตามนั้น ทิวทัศน์ สภาพแวดล้อมและอากาศดีมาก เรื่องเดียวที่ไม่ดีก็คือค่อนข้างล้าหลัง
หมู่บ้านหนานฉวนมีประชากรสองร้อยคน ตอนนี้เหลือคนในหมู่บ้านไม่เยอะแล้ว ส่วนใหญ่คนหนุ่มสาวถ้าไม่ออกไปเรียนก็ออกไปทำงานหาเงิน คนในหมู่บ้านล้วนเป็นผู้สูงอายุ
หลังจากเฉินชางมาถึงเมืองจิ้นหยาง ก็เรียกรถตรงกลับไปที่บ้าน
ฉินเยว่เติบโตอยู่ในเมืองมาตั้งแต่เด็ก บ้านเกิดเป็นเมืองระดับจังหวัด เธอจึงรู้สึกแปลกใหม่กับสภาพชีวิตในชนบทมาก ทางไปหมู่บ้านเป็นถนนเลียบภูเขาสายหนึ่ง เมื่ออยู่บนถนนก็จะเห็นป่าไม้ที่มีอยู่เต็มภูเขาลูกนี้พอดี แม้ตอนนี้จะเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน แต่ใบเมเปิ้ลที่มีอยู่เต็มภูเขาก็ยังดูสวยงามน่าประทับใจมาก
คนขับรถเห็นฉินเยว่เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ก็อดถามไม่ได้ว่า “สวยไหมครับคุณผู้หญิง”
ฉินเยว่พยักหน้าอย่างตื่นเต้น “สวยค่ะ สภาพแวดล้อมของที่นี่ดีมาก!”
คนขับรถยิ้ม “ที่นี่พัฒนายาก แล้วผมก็ได้ยินมาว่าที่นี่คือชีพจรของมณฑลตงหยาง ดัดแปลงไม่ได้ ก็เลยคงสภาพนี้มาตลอด ถึงผมจะไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ภูเขาหนานฉวนก็อยู่ในสภาพนี้มาตลอด พูดตามตรงนะ ตอนนี้ผมคิดว่าถ้าแก่ตัวไปก็จะไปสร้างบ้านและใช้ชีวิตบั้นปลายที่หมู่บ้านหนานหยาง”
เฉินชางพยักหน้า พอแก่ตัวลง ใช้ชีวิตบั้นปลายในหมู่บ้านชนบทก็ถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยจริงๆ เวลาไม่มีอะไรทำก็ปลูกผัก ดูแลดอกไม้ เลี้ยงแม่ไก่สักสี่ห้าตัว กินไข่ไก่ทุกวัน เวลาอารมณ์ดีก็เชือดไก่สักตัว
คนตงหยางค่อนข้างยึดมั่นในประเพณีดั้งเดิม ชอบกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิด
รถมาจอดลงตรงต้นทางเข้าหมู่บ้าน เฉินชางกับฉินเยว่ลากกระเป๋าเดินทางเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
ช่วงหลายปีมานี้ ในหมู่บ้านเหมือนเปลี่ยนไปทุกปี ทุกครั้งที่กลับมา ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ถนนก็ปูแล้ว สองฝั่งของบ้านเรือนเป็นท่อก๊าซธรรมชาติยาวต่อกัน หลังคาบ้านติดแผงโซล่าร์เซลล์ สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนก็คือคนเหล่านั้นในหมู่บ้าน
เฉินชางเป็นนักศึกษาในหมู่บ้าน กอปรกับเฉินต้าไห่ได้ไปเยี่ยมเยียนหลายบ้าน ทุกคนจึงรู้ว่าลูกชายคนโตของตระกูลเฉินเป็นหมออยู่ที่เมืองเอกของมณฑล ได้ยินว่าช่วงก่อนหน้านี้ เฉินต้าไห่กับภรรยาไปซื้อบ้านไว้ให้ลูกชายที่เมืองเอกของมณฑลแล้ว
ข่าวนี้แพร่ไปเร็วมาก ราคาบ้านของเมืองอันหยางตกล้านสองล้าน หลังจากทุกคนได้ยินข่าวนี้ ก็ย่อมมองเขาด้วยสายตาใหม่เช่นกัน มีคนที่รังเกียจคนจนหลายคนบอกว่าเฉินต้าไห่ขี้โม้ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ
ทุกคนยืนรออยู่ตรงประตูหมู่บ้าน พอเห็นเฉินชางพาสาวน้อยแสนสวยคนหนึ่งที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนเมืองหิ้วกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่เดินลงมา พวกเขาก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นทันที
“เสี่ยวเฉิน กลับมาแล้วเหรอ”
“นี่…พาสะใภ้กลับมาด้วยสินะ!”
“กลับมาพักผ่อนเหรอ”
…
เฉินชางยิ้มตอบ “พักผ่อนไม่กี่วันครับ เลยกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้าน เธอคือแฟนของผมครับ”
พอฉินเยว่ถูกเฉินชางแนะนำตัวให้แบบนี้ ในใจก็รู้สึกหวานชื่นเช่นกัน เธอยิ้มพร้อมทักทายคนในหมู่บ้าน
เฉินชางลากกระเป๋าเดินทางและถือกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน
ลำธารเล็กสายหนึ่งทอดยาวเข้าไปในหมู่บ้าน ฉินเยว่เห็นแล้วมีความสุขมาก
“เฉินชาง ฉันชอบที่นี่มากเลยค่ะ!”
“ต่อไปถ้าแก่แล้ว พวกเรากลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่กันเถอะ!”
“ถ้าฉันตั้งท้อง ฉันกลับมาคลอดที่นี่ดีไหม ที่นี่สภาพแวดล้อมดีมาก อากาศก็ดี…สดชื่นสุดๆ ฉันไม่อยากกลับเมืองอันหยางแล้ว”
…
เฉินชางยิ้ม หมู่บ้านชนบทก็มีข้อดีของหมู่บ้านชนบท เมืองก็มีข้อดีของเมืองเช่นกัน
ตอนที่ตัวเองแก่แล้วแต่ยังพอทำงานไหว ใช้ชีวิตที่บ้านเกิดถือว่าดีมาก แต่ถ้าอายุมากเกินจนดูแลตัวเองไม่ได้ อยู่ในเมืองปลอดภัยกว่า ถึงอย่างไรการบริการด้านสุขภาพด้านต่างๆ ก็ค่อนข้างครบถ้วน
หยางจยาฮุ่ยรออยู่ตรงประตูอย่างกระวนกระวาย ส่วนเฉินต้าไห่เตรียมแสดงฝีมืออยู่ในห้องครัว
สะใภ้มาบ้านแล้ว ในฐานะพ่อแม่สามี มีหรือที่จะไม่ประหม่า!
หยางจยาฮุ่ยประหม่ากว่าฉินเยว่เสียอีก
ได้ยินเฉินชางบอกว่าอีกฝ่ายคือลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ฐานะครอบครัวดี เลี้ยงลูกแบบเอาใจมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาจึงกลัวว่าฉินเยว่จะรังเกียจหมู่บ้านชนบท
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบลูกชายตัวเอง แต่ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่ ก็ยังคิดมากอยู่ดี
หยางจยาฮุ่ยเองก็กระวนกระวายเช่นกัน
ไม่นานเฉินชางกับฉินเยว่ก็มาถึงทางเลี้ยวแล้ว พอเห็นพ่อแม่ยืนอยู่นอกลานบ้าน เฉินชางก็โบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มทันที เขาบอกฉินเยว่ว่า “นั่นคือแม่ผมเอง”
พอฉินเยว่ได้ยินก็เริ่มหน้าแดง เธอคิดมาตลอดทางว่าถ้าพบกันแล้วจะทักทายอย่างไรดี สุดท้ายพอเจอหน้ากันจริงๆ กลับค่อนข้างเกรงใจ
หัวใจดวงน้อยๆ เต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ฉินเยว่เดินมาตรงหน้า แล้วทักทายเสียงเบาๆ ว่า “สวัสดีค่ะคุณน้า”
หยางจยาฮุ่ยพูดภาษาจีนกลางไม่เป็น พอได้ยินฉินเยว่ทักทายแบบนี้ เธอก็หัวเราะลั่นทันที แล้วใช้ภาษาถิ่นทักทายตอบว่า “ดีๆๆ รีบเข้าไปในบ้านเถอะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ลำบากหิ้วของมาเยอะขนาดนั้นทำไม”
หยางจยาฮุ่ยรีบวิ่งเข้าไปในครัว แล้วถลึงตาใส่เฉินต้าไห่ “เฉินต้าไห่ เร็วๆ หน่อยสิ! คุณจะมัวหลบอยู่ในครัวทำไม!”
เฉินต้าไห่ยิ้มเกรงใจ “ไอ๊หยา ลูกสะใภ้ คุณคิดดูสิ ผมพูดภาษาจีนกลางไม่ได้ ถ้าผมเข้าไปแล้วไม่พูดอะไรบรรยากาศจะอึดอัดขนาดไหน แต่พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี น่าอายมาก!”
หยางจยาฮุ่ยกลอกตา “ชางเอ๋อร์อุตส่าห์พาเธอมาบ้านให้คุณเห็นแล้ว คุณเป็นพ่อทำแบบนี้เหมาะสมเหรอ แต่…แม่หนูนั่นฟังภาษาพวกเราออกเหรอ”
ที่จริงแล้วนี่ก็คือความสามารถพิเศษของคนที่ทำอาชีพแพทย์ เนื่องจากโดยส่วนใหญ่คนไข้มาจากหลายพื้นที่ พอได้ยินมากๆ เข้าก็เริ่มชิน สำหรับภาษาถิ่นของมณฑลตงหยาง เธอก็พอจะฟังออกแบบงูๆ ปลาๆ เหมือนกัน ไม่อย่างนั้น…เวลาสื่อสารกันก็จะเป็นปัญหาขึ้นมาจริงๆ
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เฉินต้าไห่ก็สูดหายใจลึกสองสามที สูบบุหรี่หนึ่งมวนแล้วบอกว่า “คุณเข้าไปก่อน ผมจะสงบสติอารมณ์สักครู่”
เฉินต้าไห่ดูดบุหรี่มวนหนึ่งอย่างถึงอกถึงใจ จัดทรงผมหน้ากระจกนิดหน่อย เสร็จแล้วถึงได้เดินเข้าบ้านไป
เมื่อเห็นเฉินต้าไห่เดินเข้ามา ฉินเยว่ก็รีบลุกขึ้น “สวัสดีค่ะคุณอา หนูชื่อฉินเยว่ค่ะ”
เฉินต้าไห่เห็นเด็กสาวคนนี้ยังดูอ่อนเยาว์มาก ตัวเองก็อดยิ้มไม่ได้ “สวัสดีๆ! ชื่อเพราะมาก รีบนั่งลงเถอะ กินแอปเปิ้ลก่อน บ้านเราปลูกเอง”
เฉินต้าไห่มองฉินเยว่เป็นเหมือนลูกสาวตัวเอง เขาถูกใจเด็กคนนี้มาก บ้านมีลูกชายสองคน พอเห็นเด็กสาวก็รู้สึกสนิทสนมเหมือนคนในครอบครัว!
แต่ถ้านั่งตรงนี้ก็ไม่รู้อีกว่าจะคุยอะไรดี เฉินต้าไห่ที่อึดอัดและประหม่าลุกขึ้นบอกว่า
“เดี๋ยวอาจะไปทำกับข้าวของบ้านเราให้ หนูพักผ่อนก่อนเถอะ อีกประเดี๋ยวพวกเรามากินข้าวด้วยกัน” พูดจบก็เดินหนีไปทันที
ฉินเยว่อดยิ้มไม่ได้ “ขอบคุณค่ะคุณอา”
เหล่าเฉินได้ยินแล้วรู้สึกดีทันที
มีลูกสาวดีกว่าจริงๆ ขนาดเวลาพูดยังเสียงหวาน!
เฉินต้าไห่กับหยางจยาฮุ่ยลงทุนทำอาหารเต็มโต๊ะ แม่ไก่ตัวหนึ่งในบ้านก็นำมาตุ๋นแล้ว ยังให้คนเข้าป่าไปหากระต่ายป่า ไก่ป่าและนกพิราบมาด้วย อาหารทั้งโต๊ะนี้ล้วนเป็นอาหารป่า โชคดีที่ภูเขาหนานฉวนยังไม่มีการพัฒนา ไม่อย่างนั้นถ้าจะหาของป่าพวกนี้ให้ครบก็ไม่ง่ายเช่นกัน
หลังจากกินเสร็จ ฉินเยว่ก็จะช่วยล้างจานให้ได้ แต่หยางจยาฮุ่ยดึงเธอกลับมาแล้วส่งสายตาให้เฉินต้าไห่ เหล่าเฉินจึงรีบไปเก็บชามและตะเกียบ
เดิมทีเขาก็ทำอาชีพพ่อครัวอยู่แล้ว ได้ทักทายกับหม้อและกระทะตลอดทั้งวัน เฉินต้าไห่ไม่ได้ถือสาอะไร กอปรกับค่อนข้างเกรงใจด้วย เขาจึงออกมาเสียเลย
หยางจยาฮุ่ยค่อนข้างใส่ใจรายละเอียด เธอเตรียมผ้าปูที่นอนใหม่และผ้าห่มผืนใหม่ให้ฉินเยว่
ฉินเยว่เห็นหยางจยาฮุ่ยกับเฉินต้าไห่ยุ่งวุ่นอยู่กับการดูแลเธอ ในใจก็รู้สึกอบอุ่นมากเช่นกัน
เธอมองเฉินชาง “คุณพ่อคุณแม่ของคุณใจดีจริงๆ ค่ะ!”
“ใช่มั้ยล่ะครับ” เฉินชางยิ้ม
ฉินเยว่พยักหน้าอย่างมีความสุข ทีแรกนึกว่ามาแล้วจะรู้สึกห่างเหินและไม่คุ้นเคย แต่คนตระกูลเฉินต้อนรับอย่างอบอุ่น จึงมีแต่ความรู้สึกอบอุ่นและความสุข
เป็นอย่างที่คาดไว้ เฉินชางกับฉินเยว่ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน เรื่องนี้ทำให้เฉินชางรู้สึกผิดหวังอยู่นานมาก