เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 530 เจอเรื่องแปลกทุกวัน

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 530 เจอเรื่องแปลกทุกวัน

วุ่นวายอยู่กับงานทั้งบ่าย ไม่ง่ายเลยกว่าเฉินชางจะได้พักผ่อน คืนนี้ก็เป็นเวรดึกของเขาอีก

เฉินชางส่ายหน้าอย่างจนใจ เอนกายพิงพักผ่อนบนเก้าอี้นอนสักครู่หนึ่ง

จากนั้นเปิดดูผลตอบแทนที่ได้รับในวันนี้

[ติ๊ง! ผ่าตัดแก้ไขหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองเทียม ได้รับรางวัล:

1. ค่าประสบการณ์ +5000

2. ถุงนำโชค +1

3. ยาบำรุงกำลัง +2]

เฉินชางเห็นข้อความแจ้งเตือนของระบบ เป็นถุงนำโชคอีกแล้วเหรอ

เขาเปิดถุงนำโชค [ได้รับคะแนนทักษะ +3]

เฉินชางดีใจ แบบนี้ก็ไม่แย่เหมือนกัน ทีแรกนึกว่าจะได้คะแนนทักษะเยอะ ผลปรากฏว่าได้น้อยจนไม่พอใช้เลย

เฉินชางที่ค่อนข้างเหนื่อยล้ากำลังมองยาบำรุงกำลัง แล้วจู่ๆ ก็เกิดความคิดบางอย่าง หรือ…จะลองดูสักหน่อยดีไหม

หลังจากเลือกใช้งานแล้ว เฉินชางก็รู้สึกสมองปลอดโปร่งทันที เหมือนแจ่มใสกระปรี้กระเปร่าไปทั้งตัว!

เฉินชางงุนงงนิดหน่อย ทีแรกนึกว่าเป็นเครื่องดื่ม ไม่แน่อาจได้ชิมรสชาติสักหน่อย นึกไม่ถึงว่าพอคลิกใช้งานแล้วจะเริ่มออกฤทธิ์ทันที

สัมผัสจากประสบการณ์แย่มาก!

แต่สภาพร่างกายของเขาก็เหมือนเพิ่งตื่นนอน ไม่เลวเลยจริงๆ ประสิทธิภาพใช้ได้ ติดที่ขาดขั้นตอนการเสพสุขไป

ของบางอย่าง บางทีขั้นตอนสำคัญกว่าผลลัพธ์…ยกตัวอย่างเช่น…กินของอร่อย! (อย่าคิดอะไรเพ้อเจ้อนะ)

ตอนนี้จู่ๆ ประตูห้องเวรก็เปิดออก เฉินชางเงยหน้ามอง พบว่าเป็นฉินเยว่ ในมือเธอกำลังถือกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิ

หลังจากฉินเยว่เข้ามาเจอเฉินชางแล้ว เธอก็เดินเข้ามาด้วยสายตาอมยิ้ม

“เหนื่อยล่ะสิ”

เฉินชางส่ายหน้า “ไม่เหนื่อยครับ!…พอได้เห็นหน้าคุณ ทุกอย่างก็สบายดี มีแรงขึ้นมาเลย!”

ฉินเยว่กลอกตามองบน “เอ? ฉันว่านะเฉินชาง ตอนนี้ทำไมเวลาฉันได้ยินคำพูดของคุณ ฉันมักจะตีความหมายเพิ่มอีกหนึ่งชั้นตลอดเลย!”

เฉินชางได้ยินแล้วยิ้มเจื่อนทันที

ฉินเยว่เปิดกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิออก แล้วบอกว่า

“ฉันทำอาหารมาให้คุณนิดหน่อย รีบกินเถอะค่ะ ฉันเห็นว่าคืนนี้คุณต้องเข้าเวรดึก แต่ก็ยุ่งกับการผ่าตัดมาทั้งวัน คุณไหวหรือเปล่า”

“หรือไม่อย่างนั้น คืนนี้ให้ฉันเข้าเวรแทนคุณไหม”

เฉินชางได้ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นใจทันที ขณะมองสาวน้อยที่รู้ความคนนี้ เขาก็อดยิ้มไม่ได้ “ไม่เป็นไรครับ!”

เปิดกล่องข้าวออก ข้างในเป็นกับข้าวสองอย่าง ซุปหนึ่งอย่างพร้อมข้าวสวย

กับข้าวสองอย่างมีผัดสามเซียนกับไข่ผัดต้นหอม

เฉินชางกินอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนหมาป่าเขมือบอาหาร ฉินเยว่นั่งมองอยู่ข้างๆ ตาโตของเธอกำลังจ้องเฉินชางอย่างเฝ้าคอย!

ผ่านไปครู่เดียว ถึงได้ถามอย่างระมัดระวังว่า “อร่อยไหมคะ”

เฉินชางชะงักทันที!

พอเขาเห็นฉินเยว่ท่าทางดูระมัดระวังต่างจากยามปกติโดยสิ้นเชิง เหมือนคนกำลังรอผลสอบ ก็อดถามยิ้มๆ ไม่ได้ว่า “เป็นอะไรไป คุณวางยาในกับข้าวเหรอ”

ฉินเยว่ได้ยินแล้วยกน้ำซุปขึ้นมาทันที แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฝ่าบาท เสวยยาเพคะ”

เฉินชางสำลักทันที แทบจะพ่นข้าวออกมา!

ยัยเด็กคนนี้ ทะเล้นเกินไปแล้ว

ฉินเยว่มองเฉินชางอย่างเฝ้าคอย “ฉันทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว ทำเป็นแค่กับข้าวสองอย่างนี้ รสชาติเป็นยังไงบ้างคะ”

เฉินชางยิ้มตอบ “อร่อยเป็นพิเศษเลย!”

“ผมว่าพรสวรรค์ในการทำกับข้าวของคุณดีกว่าการผ่าตัดตั้งเยอะนะ”

“ก็แน่อยู่แล้ว!” ฉินเยว่ปลาบปลื้ม

พอพูดจบ ก็เผยสีหน้าเหี่ยวเฉาทันที “ฉันได้ยินว่าคุณอาคุณน้าเป็นเชฟ ฉันก็เลยกลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดี…เฮ้อ!”

พอเฉินชางเห็นฉินเยว่มีท่าทางแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้

“พ่อแม่ผมเป็นเชฟ แต่ก็ไม่ได้จับผิดอาหารที่คุณทำซะหน่อย”

ฉินเยว่ได้ยินแล้วบอกทันที “งั้นวันเสาร์คุณไปเดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันจะซื้อเสื้อผ้าให้คุณสักชุด คุณไม่มีเสื้อผ้าที่เข้าท่าสักตัวเลย เดี๋ยวกลับไปจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอานะ ทำตัวให้ภูมิฐานหน่อยสิคะ!”

“แล้วฉันก็จะซื้อของขวัญกลับไปให้คุณอาคุณน้าด้วย…”

เห็นฉินเยว่บ่นไม่หยุด วางแผนเป็นฉากๆ อย่างใส่ใจเหมือนเตรียมตัวสอบ

พอได้เห็นแบบนี้ เฉินชางก็ชื่นใจ ทั้งยังรู้สึกได้รับการเติมเต็มด้วย

พอกินข้าวเสร็จ ฉินเยว่ก็เก็บของแล้วออกไป เฉินชางลุกขึ้นกลับห้องทำงานแพทย์

ตอนนี้คนไข้ไม่เยอะ เฉินชางหยิบปากกากับกระดาษขึ้นมานั่งวาดๆ เขียนๆ อยู่ตรงนั้น สรุปการผ่าตัดและการรักษาของวันนี้

นี่คือความเคยชินที่เขาทำมานานแล้ว

โดยเฉพาะการเย็บเส้นเลือดวันนี้ ได้เบิกความสว่างทางสติปัญญาให้เขาเยอะมาก

ประมาณสามทุ่มกว่า เฉินชางกำลังดูคลิปผ่าตัด พยาบาลเล่อเล่อก็เดินเข้ามา

“หมอเสี่ยวเฉินค่ะ หมอเหยาเรียกคุณ มีผู้ป่วยคนหนึ่งต้องใส่ท่อช่วยหายใจ”

เฉินชางพยักหน้า แล้วเก็บโทรศัพท์เข้าในกระเป๋าเสื้อ

เพิ่งจะเดินมาถึงประตูห้องผู้ป่วย ยังไม่ทันเข้าไป เฉินชางก็ได้ยินเสียงไอถี่ๆ เหมือนจะเป็นจะตายดังต่อเนื่อง!

“แค่กๆ…แค่กๆ…”

เสียงไอที่เหมือนปอดจะฉีกแบบนี้ ราวกับว่าพอเริ่มไอแล้วหยุดไม่ได้เลย ให้ความรู้สึกเหมือนจะไอจนสำรอกปอดออกมาให้ได้!

แค่ฟังเสียงก็ยังทำให้รู้สึกปวดใจ!

เฉินชางเริ่มจริงจังทันที ส่วนเหยาจื้อเหวินก็เผยสีหน้าจนใจ ทำให้เฉินชางแปลกใจมาก

บนเตียงเป็นคนแก่อายุแปดสิบกว่า ข้างๆ มีผู้หญิงอายุสี่สิบกว่านั่งอยู่สองคน แล้วก็มีหญิงชราอีกหนึ่งคน

คงจะเป็นลูกและภรรยาของผู้ป่วย

เหยาจื้อเหวินอธิบายด้วยความอดทน “ตอนนี้อาการของผู้ป่วยแย่มากค่ะ ต้องใส่ใส่ท่อช่วยหายใจ ไม่อย่างนั้นของเหลวที่ไอออกมาจะถูกดูดเข้าปอด ทำให้ปอดติดเชื้อและอาการป่วยหนักกว่าเดิมได้!”

แต่…สามคนนี้ดูไม่สะทกสะท้าน

นี่เป็นรอบที่สามแล้วที่เหยาจื้อเหวินอธิบายให้คนในครอบครัวฟัง แต่พอเห็นสามคนนี้ไม่สะทกสะท้านอะไร เหยาจื้อเหวินก็โมโหจนหนังศีรษะชาวาบ หันตัวมาบอกเล่อเล่อว่า “ไปเอาหนังสือยินยอมปฏิเสธการรักษามา ให้คนในครอบครัวเซ็นชื่อ”

ตอนนี้เอง หญิงชราที่ดูเหมือนมีความรู้ก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ไม่เป็นไรค่ะ พวกเรามีเครื่องดูดเสมหะ ทั้งยังไอออกมาได้ด้วย ไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็ได้”

ลูกสาวที่อยู่ข้างๆ อายุมากกว่าเฉินชางสิบกว่าปี เธอก็ไม่ลังเลเช่นกัน “ถ้าใส่ท่อช่วยหายใจ ก็แสดงว่าอาการป่วยยิ่งรุนแรงขึ้น รออีกสักหน่อยค่อยใส่ก็ได้ค่ะ เขาเรียกว่าอะไรนะ อ้อ ใช่ เรียกว่าแผนรับประกันขั้นต่ำ!”

ประโยคนี้ทำให้เหยาจื้อเหวินโมโหจนหัวเราะออกมา

ตอนที่มองญาติผู้ป่วยสามคนที่แทบจะนั่งดูอยู่เฉยๆ เหยาจื้อเหวินก็บอกเฉินชางว่า “เฉินชาง ช่วยอะไรฉันหน่อยค่ะ”

เฉินชางพยักหน้า ประคองผู้ป่วยขึ้นมาแล้วตบหลังให้เหยาจื้อเหวิน จากนั้นเพิ่มออกซิเจนให้หน้ากากออกซิเจน

แต่…นี่ไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุ

เมื่อเห็นอาการไอของผู้ป่วยสูงอายุทุเลาลง ลูกสาวก็อดพูดไม่ได้ว่า “คุณดูสิคะ ฉันบอกแล้วไง ตบนิดหน่อยแล้วเพิ่มออกซิเจนก็สิ้นเรื่องแล้ว ไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจเลย”

เมื่อได้ยินญาติผู้ป่วยผู้พูดจาไร้เหตุผลและขาดความรู้แบบนี้ เฉินชางก็ตบบ่าเหยาจื้อเหวินเบาๆ บอกใบ้ให้เธอใจเย็นๆ

“ผู้ป่วยมีอาการเป็นยังไงครับ” เฉินชางถาม

“ภาวะอุดตันหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน เมื่อวานตอนเช้า จู่ๆ ผู้ป่วยก็แขนขาซ้ายอ่อนแรง เขาอยู่บ้านคนเดียวเลยไม่ได้ใส่ใจอาการ แล้วเช้าวันนี้อาการกำเริบหนักกว่าเดิม พูดไม่ชัด อัมพาตครึ่งซีกซ้าย ตอนบ่ายสามถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล ดูจากผลตรวจแล้วเป็นก้านสมองฝั่งขวาอุดตัน” เหยาจื้อเหวินตอบ

“ทั้งยังเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน…เพราะผ่านช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการรักษาไปแล้ว ทั้งยังมีข้อบ่งชี้ด้านการใช้ยา ยังไม่ทันให้ยาละลายลิ่มเลือด ญาติผู้ป่วยก็ปฏิเสธที่จะใส่สายสวนลากลิ่มเลือดแล้ว”

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท