บทที่ 555 การกลั่นแกล้งขำๆ (1)
เมื่อหวังเชียนได้ยินว่าเล่อเล่อเชื่อมั่นในตัวเขาขนาดนี้ ก็เผยสีหน้าปลาบปลื้มทันที พูดอย่างดีใจว่า “เล่อเล่อ ผมทำให้คุณวางใจได้ขนาดนี้เลยเหรอครับ สงสัยทักษะของผมจะน่าเชื่อถือมาก!”
เล่อเล่อพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้าอีก
หวังเชียนเห็นแล้วงง แบบนี้หมายความว่าอะไร
เล่อเล่ออดถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งไม่ได้ “ฉันได้ยินพยาบาลห้องผ่าตัดพูดกันค่ะ บอกว่าการผ่าตัดไส้ติ่งของหมอเฉินมีโอกาสพบอาการไส้ติ่งประหลาดสูงถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์! ส่วนของคุณหมอหวังเชียนมีโอกาสพบต่ำมาก!”
ทุกคนอึ้ง จากนั้นก็เริ่มหัวเราะลั่น
เฉินชางหน้าดำคร่ำเครียดทันที…
แม่งเอ๊ย…คิดว่าฉันอยากเจออาการประหลาดหรือไง
ฉันผิดเหรอที่ดวงซวย
ตอนนี้จู่ๆ หวังเชียนก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“เสี่ยวเฉินเอ๊ย ความโชคร้ายของคุณเป็นรองแค่หัวหน้าแผนกแล้ว” เฉินปิ่งเซิงพูดกลั้วหัวเราะ
ตอนนี้เอง หลี่เป่าซานเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้ามา ทุกคนเห็นแล้วงงไปชั่วขณะ แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะลั่นพร้อมกัน
มีเพียงเฉินปิ่งเซิงที่ถอนหายใจ
ทำไมฉันหน้าดำ[1]ขนาดนี้เนี่ย!
หลี่เป่าซานมองเฉินปิ่งเซิงแวบหนึ่ง “ปิ่งเซิง ตอนเช้าคุณไปหาผู้อำนวยการเสิ่นสักหน่อย ไปเซ็นชื่อรับอุปกรณ์ปีนี้ของพวกเรา”
พอพูดจบ หลี่เป่าซานก็เดินออกไป
เฉินปิ่งเซิงถอนหายใจอย่างจนใจ นี่ฉันไปทำให้ใครไม่พอใจไว้หรือเปล่า…
ไปหาผู้อำนวยการเสิ่นเพื่อเซ็นชื่อ เหนื่อยกว่าการผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออกบางส่วนอีก!
……
……
ตอนสิบเอ็ดโมงเช้า จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา
พยาบาลเสี่ยวหลินวิ่งเข้ามาในห้องทำงานอย่างรีบร้อน พูดเสียงดังว่า “คุณครูอายุห้าสิบเจ็ดคนหนึ่งของโรงเรียนประถมเซี่ยงหนานจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บตรงส่วนหน้าหัวใจ สงสัยว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันค่ะ!”
พอพยาบาลพูดประโยคนี้ ทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนทันที เฉินชางรีบวิ่งออกไปข้างนอกแล้ว
เขาบอกว่าคนขับรถเหล่าหยางว่า “เหล่าหยาง โรงเรียนประถมเซี่ยงหนาน ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน”
เวลาที่งานไม่ยุ่ง เหล่าหยางชอบดูดบุหรี่อยู่ที่ห้องเวร พอได้ยินเฉินชางพูด เขาก็รีบลุกขึ้นไปเตรียมรถ
ส่วนเฉินชางก็พาเสี่ยวหลินไปเตรียมของเพื่อออกเดินทาง แต่พอมาถึงข้างรถ จู่ๆ เขาก็หยุดเดินแล้วบอกเสี่ยวหลินว่า “ผมจะไปเรียกหวังเชียนมาด้วยกัน”
“ทำไมคะ…” เสี่ยวหลินงง
เฉินชางถอนหายใจ “คิดซะว่าเขาเป็นสัตว์นำโชคก็แล้วกัน พาไป…เผื่อจะมีประโยชน์!”
เสี่ยวหลินรู้สึกว่ามีเหตุผลนิดหน่อย จึงรีบเลี้ยวกลับไป พอมาถึงประตูห้องทำงานก็รีบบอกว่า “พี่รองเชียน หมอเฉินให้คุณไปด้วยกันค่ะ”
หวังเชียนรีบพยักหน้าแล้วเดินตามไป ตอนนี้รถมาจอดตรงประตูแผนกฉุกเฉินพอดี ทั้งสามคนก้าวขึ้นรถ เหล่าหยางสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
…
…
ในห้องพักครูตอนนี้ บรรดาคุณครูกำลังดูเหล่าหม่ากุมหัวใจอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก
“คุณครูหม่า…คุณมียาติดตัวหรือเปล่าคะ”
หม่าฮุ่ยหมินเอามือกุมหน้าอก ใบหน้าซีดขาว บนศีรษะมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลไม่หยุด ความหวาดกลัวความตายกำลังวนเวียนในหัวใจของเขา!
ทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง มือสั่นเทิ้ม!
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปลอบใจว่า “คุณครูหม่า คุณทนหน่อยนะครับ รถพยาบาลกำลังมาแล้ว!”
ตอนนี้ หัวหน้าชั้นปีรีบเชิญผู้อำนวยการโรงเรียนมาแล้ว!
หลังจากผู้อำนวยการโรงเรียนเข้ามาก็เห็นคุณครูหม่านอนขดอยู่บนพื้น สองมือกุมหน้าอก ใบหน้าซีดขาว!
เขาถามอย่างตกใจทันที “นี่มันอะไรกันครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
อาจารย์ที่อายุยังน้อยคนหนึ่งพลันตอบว่า “เมื่อกี้จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของคุณครูหม่าก็มีเสียงน่ากลัวดังขึ้นพักหนึ่ง แล้วคุณครูหม่าก็เซถอยหลังแล้วล้มลงค่ะ”
ผู้อำนวยการโรงเรียนรีบถาม “เป็นแบบนี้มานานเท่าไรแล้ว ติดต่อคนในครอบครัวหรือยัง”
ทุกคนส่ายหน้า “ยังไม่ได้ติดต่อคนในครอบครัวครับ เพิ่งผ่านไปสองนาทีเอง พวกเราเพิ่งโทรเรียกรถพยาบาล รถยังไม่ทันมาเลยครับ”
ทุกคนนับถือหม่าฮุ่ยหมินมาก ในฐานะครูที่อาวุโสที่สุด รักในอาชีพที่สุดและดีกับนักเรียนที่สุดของโรงเรียนประถมเซี่ยงหนาน คุณครูหม่ากล่าวได้ว่าเป็นบุคคลตัวอย่าง!
เขาอายุห้าสิบเจ็ดแล้วยังยืนหยัดสอนนักเรียนต่อ ไม่มาสายไม่กลับเร็ว ตรวจการบ้านด้วยความตั้งใจ เป็นครูที่คำนึงถึงนักเรียนจากใจจริง
ผู้อำนวยการโรงเรียนหยิบโทรศัพท์ในมือคุณครูหม่ามา เตรียมจะติดต่อคนในครอบครัวให้เขา
แต่กลับเห็นว่าในโทรศัพท์เปิดหน้าแชทของแอปวีแชทไว้ เขียนคำอธิบายประกอบว่า ‘หวังอี้เจ๋อประถมสี่ห้องสาม’
ในช่องแชทมีคลิปวิดีโอคลิปหนึ่ง
ผู้อำนวยการโรงเรียนสงสัย จึงเปิดคลิปนั้นดู พบว่าเป็นเรียงความตอนหนึ่ง
เพราะเรียงความเรื่องเดียวก็กลายเป็นแบบนี้ได้แล้วเหรอ
เขียนอะไรไว้กันแน่
ชื่อของเรื่องสั้นเรื่องนั้นก็คือ ‘วีรบุรุษในใจฉัน’
ผู้อำนวยการโรงเรียนเริ่มอ่านอย่างละเอียด เรียงความเขียนได้ดีมากจริงๆ อ่านครั้งเดียวก็เคลิ้มแล้ว
ตอนนี้เอง ภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไปกะทันหัน มีเสียงสูงที่แหลมและน่ากลัวดังขึ้น ภาพเปลี่ยนเป็นผีร้ายน่ากลัวตนหนึ่งในทันที!
ผู้อำนวยการโรงเรียนสีหน้าเปลี่ยนทันที ตกใจจนสะบัดโทรศัพท์โยนลงพื้น
เขาเข้าใจทันที ไม่แปลกใจที่อยู่ดีๆ คุณครูหม่าก็กลายเป็นแบบนี้
ก่อเรื่องวุ่นวายเกินไปแล้ว!
เขาตะโกนเสียงดัง “ใครคือครูประจำชั้นประถมสี่ห้องสาม!”
ตอนนี้เอง มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา “ผู้อำนวยการ ฉันเองค่ะ”
ผู้อำนวยการโรงเรียนพูดเสียงดังด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไปเรียกเขามาพบผมเดี๋ยวนี้ แจ้งผู้ปกครองให้มาโรงเรียนด้วย! บอกพวกเขาว่าลูกของพวกเขาฆ่าคนแล้ว ต้องมาให้ได้!”
หญิงสาวอึ้งไปก่อนจะรีบวิ่งออกไปข้างนอก!
ผู้อำนวยการโรงเรียนพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วรีบค้นหาข้อมูลติดต่อคนในครอบครัวของคุณครูหม่า
“พี่สะใภ้ ผมผู้อำนวยการหลี่นะครับ ใช่ครับ ผมมีเรื่องจะบอกครับ คุณอย่าเพิ่งตกใจนะครับ…
คุณครูหม่าโรคหัวใจกำเริบที่โรงเรียนครับ พวกเราโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว…ครับๆ ใช่ครับ!”
……
ขณะเดียวกัน รถพยาบาลก็แล่นเข้ามาในประตูโรงเรียนแล้ว
เฉินชางเริ่มสอบถามตำแหน่งของผู้ป่วยโดยละเอียด!
ตอนนี้ในโรงเรียนกำลังมีการเรียนการสอน พอเห็นรถพยาบาลขับเข้ามา บรรดานักเรียนก็มองด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
ตอนที่เฉินชางเตรียมจะโทรศัพท์ติดต่อ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “คุณหมอครับ ตามผมมาครับ อยู่ที่ชั้นสามตึกธุรการ”
เขาพูดพลางวิ่งนำทั้งสามไปข้างหน้า!
พวกเขาเข้ามาในห้องพักครูอย่างรีบร้อน เฉินชางเห็นคนอยู่เต็มห้อง จึงรีบบอกว่า “ทุกคนหลีกไปก่อนครับ!”
คนในห้องพักครูพยักหน้าและพากันกระจายตัวออกจากตรงนั้น
พอเข้ามาในห้องพักครู หวังเชียนวางเตียงลงบนพื้น แล้วทั้งสามก็ช่วยกันยกผู้ป่วยขึ้นไปข้างบน
เฉินชางยังไม่ทันพูดอะไร ผู้อำนวยการโรงเรียนก็รีบบอกว่า “ผมคือผู้อำนวยการโรงเรียนครับ ผมจะไปโรงพยาบาลกับพวกคุณ!”
เฉินชางพยักหน้า แล้วหามเตียงขึ้นไปบนรถพยาบาลอย่างระมัดระวัง
ตอนที่เคลื่อนย้ายผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายจะต้องทำอย่างระมัดระวัง ตอนย้ายเตียงก็ต้องทำอย่างเบา เร็ว และแม่นยำ!
ทั้งยังต้องให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพพักผ่อนบนเตียง สงบอารมณ์ ลดการใช้ออกซิเจนของกล้ามเนื้อหัวใจ!
ด้วยความช่วยเหลือของทุกคน พวกเขาหามผู้ป่วยขึ้นรถอย่างระมัดระวัง หลังจากขึ้นมาแล้ว เฉินชางก็ไม่มีเวลาสนใจเสื้อผ้าแล้ว เขาเสี่ยวหลินทันทีว่า “ตัดเสื้อผ้าออก! ใส่เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจก่อน”
เสี่ยวหลินพยักหน้าแล้วรีบเตรียมตัว
เฉินชางเริ่มนำเครื่องเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจนที่ปรับเตรียมไว้แล้วครอบใส่ให้ผู้ป่วยพลางพูดปลอบไปด้วยว่า “ผ่อนคลายนะครับ ไม่ต้องเครียด ไม่เป็นอะไรครับ…”
[1] หน้าดำ หมายถึงโชคร้าย