ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 155 ระวัง

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 155 ระวัง

ตอนที่ 155 ระวัง

เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่พูด เหยาจิ้งถงก็มีฏิกิริยาก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ ถึงตอนนั้นท่านทั้งสองจะได้รู้ว่าอี้หนิงของพวกเราดีขนาดไหน”

เหยาอี้หนิงไม่คิดว่าคุณยายจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองหมดแล้ว ในใจจึงไม่รู้สึกตื่นตระหนกอีกต่อไป

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรเชิญลูกชายกับลูกสาวของเหยาจิ้งจือมาที่นี่”

เมื่อยินอวี่โหรวได้ยินคำพูดนี้ก็หันมองเหยาอี้หนิงแล้วเอ่ยขึ้น “อี้หนิง แกควรเรียกว่าป้าใหญ่นะ อย่าให้คนอื่นได้ยินว่าเรียกแบบนั้นตอนอยู่ข้างนอก”

เหยาอี้หนิงได้ยินเข่นนั้นจึงรีบเอ่ยทันที “คุณยาย ผมเข้าใจแล้ว ต่อไปถึงจะอยู่ลับตาคน ผมก็จะเรียกหล่อนว่าป้าใหญ่” เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณยาย แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยมีข้อโต้แย้งอะไรเลย ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถต่อกรกับคุณยายได้ อาจเป็นเพราะสายตาของคุณยายในบางครั้งให้ผู้คนความรู้สึกเย็นวาบในใจ จึงไม่กล้าคิดต่อต้านนาง

แม้แต่เหยาจิ้งถงก็รีบเอ่ย “แม่ พวกเราเข้าใจแล้ว จะไม่เรียกแบบนั้นตอนอยู่ต่อหน้าผู้คนข้างนอกแน่นอนค่ะ”

สองแม่ลูกคุยกับยินอวี่โหรวสักพัก จากนั้นจึงกลับไป

เมื่อเหยาอี้หนิงกลับมาถึงบ้านตระกูลเหยา ก็พบว่าในบ้านค่อนข้างมีชีวิตชีวา ลุงเหยากับคนอื่นกำลังทำความสะอาด ในครัวก็กำลังจัดเตรียมอาหารเย็น เขาทราบดี ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะครอบครัวของเหยาจิ้งจือมา

เหยาอี้หนิงแอบเฝ้ามองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตรงกลับห้องตัวเอง

เมื่อเขากลับมาถึงห้องก็พบเริ่นม่านลี่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อเห็นเขากลับมาแล้ว ก็ไม่แม้แต่จะหันมองเลยสักนิด ลงแป้งที่หน้าตัวเองต่อไป

เหยาอี้หนิงเห็นเช่นนี้ จึงอดที่จะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นเสียไม่ได้ “นี่ก็เย็นแล้ว คุณจะแต่งอะไรอีก”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เริ่นม่านลี่ก็พูดจาสุมเพลิงทันที

“เหยาอี้หนิง คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง ฉันแต่งหน้าตัวเองก็เพื่อให้ดูดีตอนออกไปข้างนอกแล้วเป็นหน้าเป็นตาให้คุณไม่ใช่เหรอ ตรงกันข้ามคุณกลับไม่ทำอะไรเลย เอาแต่คอยมาจู้จี้กับฉันตลอด คุณนี่มันจริง ๆ เลย”

“คุณ…”

เหยาอี้หนิงได้ยินสิ่งนี้ เดิมที่ไม่มีความสุขอยู่แล้วก็ยิ่งแย่ลงไปอีก “เริ่นม่านลี่ ผมไปจุกจิกอะไรคุณตอนไหน ผมก็แค่คิดว่ามันเย็นแล้วคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ แล้วก็…ที่คุณบอกว่าผมไม่ทำอะไรเลย ผมทำให้คุณรู้สึกว่าไม่ทำอะไรเลยตรงไหน”

เมื่อเห็นเหยาอี้หนิงตอบกลับมาแบบนี้ เริ่นม่านลี่ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“เหยาอี้หนิง คุณทำงานได้ดีไม่เท่าเซี่ยเจ๋อหลี่ ตอนนี้สถานะก็ยังด้อยกว่าเขา เซี่ยเจ๋อหลี่เป็นหลานชายแท้ ๆ ของนายท่านเหยา หลานชายอย่างคุณก็เป็นแค่ลูกของลูกบุญธรรม คุณจะเอาอะไรไปเทียบ”

เหยาอี้หนิงกังวลเรื่องชีวิตของเขามาโดยตลอด เมื่อเห็นภรรยาพูดถึงเรื่องของตัวเอง แววตาจึงเปลี่ยนเป็นน่ากลัว “เริ่นม่านลี่ คุณเห็นว่าผมไม่ใช่หลานชายแท้ ๆ ของคุณตา ถึงได้ดูถูกผมอย่างนั้นใช่ไหม”

“ใช่ ฉันดูถูกคุณ พวกคุณปิดบังความจริงเอาไว้ ถ้าฉันรู้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานว่าคุณไม่ใช่หลานชายแท้ ๆ ของนายท่านเหยา ฉันคงไม่มีทางมาแต่งงานกับคุณหรอก” เริ่นม่านลี่รู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอก ตอนนี้ตระกูลเหยาได้เจอลูกสาวแท้ ๆ แล้ว หลังจากจัดงานเลี้ยงรับรองที่บ้าน ทุกคนในเมืองหลวงก็จะทราบว่าเหยาอี้หนิงที่หล่อนแต่งงานด้วยเป็นแค่หลานชายบุญธรรมของตระกูลเหยา

เมื่อคิดเช่นนั้น ในใจเริ่นม่านลี่ก็ร้อนรุ่มดุจไฟสุม

เมื่อเห็นสีหน้าของเริ่นม่านลี่เต็มไปด้วยความรังเกียจ เหยาอี้หนิงก็เดือดเป็นไฟ ก่อนจะเปิดปากพูดโพล่งออกมา “ถ้าคุณดูถูกผมแบบนี้ อย่างนั้นเราก็หย่ากันเถอะ ต่อไปเราสองคนจะได้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”

“คุณ…”

เริ่นม่านลี่หันมองเหยาอี้หนิงด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่หูตัวเองได้ยิน “คุณอยากจะหย่ากับฉันจริงเหรอ?”

“คุณคิดว่าผมหลอกลวงคุณเองนี่ แล้วก็ยังดูถูกผมด้วย ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็หย่ากันสิ”

เมื่อเห็นเหยาอี้หนิงพูดขึ้นมาอีกครั้ง เริ่นม่านลี่ก็ตกตะลึงไป รู้สึกได้ว่าเหยาอี้หนิงกำลังจริงจัง

เมื่อมาถึงตอนนี้จริง ๆ หล่อนก็ไม่เอ่ยอะไรอีก ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจกับสามีคนนี้มากนัก แต่หล่อนก็หย่าไม่ได้เด็ดขาด หากหย่าตอนนี้แล้วข่าวแพร่งพรายออกไปก็มีแต่จะโดนผู้คนหัวเราะเยาะ นอกจากนี้หากหย่าจริงอย่างที่ว่า ครอบครัวทางฝั่งพ่อแม่ของหล่อนก็คงไม่มีทางยอมรับตัวเองแน่

เมื่อเห็นเริ่นม่านลี่เงียบไปไม่พูดอะไรกลับมาอีก เหยาอี้หนิงก็ทราบว่าหล่อนหย่าไม่ได้ จึงแค่นหัวเราะด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ก่อนจะพูด “แต่งหน้าแต่งตัวต่อไปเถอะ แต่คุณต้องมากินมื้อเย็นที่ห้องกินข้าวให้ตรงเวลา” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินจากไปอย่างไม่อยากอยู่ต่อ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เฝ้ามองร่างของเหยาอี้หนิงเดินจากไป เริ่นม่านลี่ก็โกรธจนแทบอยากจะทิ้งทุกสิ่งอย่างที่ทำ

แต่หล่อนยังมีเหตุผลอยู่ จึงไม่ละทิ้งสิ่งต่าง ๆ

วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวของเหยาจิ้งจือกลับมาสู่ครอบครัว หากมีข่าวลือออกไปว่าหล่อนละทิ้งสิ่งต่าง ๆ ก็คงแสดงออกชัดเจนเกินไปว่าหล่อนไม่ชอบครอบครัวของเหยาจิ้งจือ หล่อนจึงต้องควบคุมตัวเอง

เหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่กำลังทะเลาะกัน ในขณะที่ทางฝ่ายฉินมู่หลานกำลังร่วมแรงร่วมใจกัน เธอกับเซี่ยเจ๋อหลี่พักผ่อนกันนิดหน่อย ก่อนจะไปหาเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิง “พ่อคะ แม่คะ ชินกับการอยู่ที่นี่หรือยังคะ?”

อันที่จริงเซี่ยเหวินปิงไม่ค่อยชินนัก ถึงแม้ว่าทุกอย่างที่นี่ไม่ว่าอะไรก็ดี แต่ก็เทียบกับตอนอยู่บ้านตัวเองไม่ได้

เหยาจิ้งจือรู้สึกว่ามันค่อนข้างดี “มู่หลาน พวกเราว่ามันดีนะ แล้วพวกเธอล่ะ?”

“พวกเรารู้สึกว่าค่อนข้างดีเลย ลุงเหยาเตรียมให้พวกเราดีมาก”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสะใภ้พูด เหยาจิ้งจือก็ยิ้มแล้วพูดว่า “คืนนี้พวกเรามากินอาหารเย็นด้วยกันเป็นครอบครัว ฉันว่านี่ก็เย็นมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปที่นั่นกันเถอะ”

“ได้ค่ะ”

ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มแล้วพยักหน้า

เหยาจิ้งจือเดินนำหน้า คิดถึงความเป็นเหตุเป็นผลของคนในตระกูลเหยา สุดท้ายก็เอ่ยขึ้น “จิ้งถงนี่ใช้ได้เลยนะ บอกพวกเราทุกอย่าง ถึงหล่อนจะกลายเป็นลูกสาวตระกูลเหยาหลังจากที่ฉันหายตัวไป แต่พอฉันกลับมา ก็ยินดีต้อนรับฉันมากเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก

เซี่ยเจ๋อหลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน ทั้งสองต่างหันมองหน้ากัน แล้วได้แต่คิดว่าแม่มองโลกในแง่ดีเกินไป

ฉินมู่หลานครุ่นคิด หากเหยาจิ้งจือจะคิดเช่นนั้น บางทีอาจมีคนคิดวางแผนต่อต้าน เธอจึงเล่าเรื่องอาการบาดเจ็บของเซี่ยเจ่อหลี่ครั้งก่อนให้ฟัง หลังจากนั้นก็พูดปิดท้าย “ถ้าไม่ใช่เพราะเหยาอี้หนิงกับคนอื่นพูดสุมเพลิง พวกของอาหลี่ก็ไม่ต้องไปที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือเสียด้วยซ้ำ อาหลี่กับพวกฟู่ซวี่ตงก็คงไม่บาดเจ็บ”

นี่เป็นครั้งแรกที่เหยาจิ้งจือได้ยินเรื่องนี้ จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจ “นี่เรื่องจริงเหรอ?”

“จริงค่ะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเสริม “เพราะฉะนั้นแล้ว แม่อย่าได้คิดว่าเหยาจิ้งถงกับคนอื่นเป็นคนดีไม่ได้มีเจตนาทำร้ายคนอื่นเด็ดขาด ถ้าใจแม่คิดแบบนั้นจะปกป้องตัวเองไม่ได้ แม่ก็ต้องระวังมากขึ้นนิดนึง อย่าให้คนอื่นมาทำอะไรได้”

เมื่อเห็นลูกชายพูดเช่นเดียวกัน เหยาจิ้งจือก็พยักหน้าทันทีแล้วพูดขึ้น “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่เห็นแม่ของเขายอมรับฟังแล้วเดินเข้าไปแล้ว จึงไม่เอ่ยพูดอะไรอีก

เมื่อกลุ่มคนมาถึงห้องอาหาร นายท่านเหยากับคุณนายเหยาก็มาถึงแล้ว ถัดจากคุณนายเหยาก็มีหญิงชราผู้ใจดีคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย ซึ่งรูปร่างหน้าตาค่อนข้างคล้ายคุณนายเหยานิดหน่อย ฉินมู่หลานกับคนอื่นจึงคาดเดาได้ทันทีว่าบุคคลผู้นี้คือแม่ผู้ให้กำเนิดของเหยาจิ้งถง

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คุณแม่อย่าเพิ่งโลกสวย น้องสาวกับยายบุญธรรมของแม่นี่ตัวแม่แห่งการเสี้ยมเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท