ตอนที่ 160 เย่อิน (2)
ตอนที่ 160 เย่อิน (2)
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ระวังหน่อยสิ ตัวเองตั้งท้องลูกแฝดยังไม่รู้ตัวอีก”
“ฉันเพิ่งตั้งท้องครั้งแรกค่ะ ก็เลยยังไม่รู้เรื่องมากนัก”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินสิ่งนี้ จึงยกยิ้มแล้วส่ายหัว
แต่พอเห็นว่าพวกเขามาที่บ้าน จึงอดที่จะขึ้นอีกครั้งเสียไม่ได้ “ทำไมพวกลูกสองคนถึงมาปักกิ่งกันหรือ”
พูดจบก็หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่อีกครั้งก่อนจะพูดขึ้น “อาหลี่ เธอขอลาได้ไม่ง่ายเลยนี่นา ครั้งนี้ก็ขอลาเพื่อตามมู่หลานมาเมืองหลวงอย่างนั้นเหรอ จริง ๆ แล้วต่อไปเธอไม่ต้องขอลาหรอกนะ ติดต่อพวกพ่อได้ทันทีเลย เดี๋ยวพวกพ่อจะไปรับมู่หลานด้วยตัวเอง”
เซี่ยเจ๋อหลี่รีบเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากได้ยินเช่นนี้ “พ่อบุญธรรมครับ ครั้งนี้เป็นมู่หลานที่มาเมืองหลวงกับผมครับ”
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องของเหยาจิ้งจือซึ่งเป็นลูกสาวของตระกูลเหยาให้ฟัง และเอ่ยทิ้งท้าย “ครั้งนี้พวกเราก็เลยแวะมาหาพ่อบุญธรรมด้วยครับ และก็ได้พิสูจน์แล้วด้วยครับว่าแม่ผมเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของนายท่านเหยากับคุณนายเหยาครับ”
“ไม่คิดเลยว่าจะจริง”
เจี่ยงสือเหิงกับลุงเจี่ยงต่างรู้สึกตกใจอยู่บ้างนิดหน่อย
หลังจากได้รับจดหมายจากฉินมู่หลานครั้งล่าสุด พวกเขาก็คอยช่วยเป็นหูเป็นตาสืบเรื่องตระกูลเหยาให้ ถึงแม้ว่าจะคาดเดาเอาไว้บ้างแล้วแต่ก็แอบคิดว่าน่าจะเป็นไปไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าเหยาจิ้งจือจะเป็นคุณหนูที่พลัดหลงทางไปในตอนนั้น
“ผ่านไปหลายปีแล้ว สุดท้ายนายท่านเหยาก็ได้เจอลูกสาวแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีเสียจริง”
ลุงเจี่ยงเอ่ยพร้อมหันมองเซี่ยเจ๋อหลี่อีกครั้ง จากนั้นก็พูดขึ้นอีก “แม่ของคุณหายไปตั้งแต่ยังเด็ก บังเอิญไปถึงมณฑลซานตง แล้วยังได้แต่งงานกับพ่อของคุณด้วย จากนั้นก็มีคุณออกมา และคุณก็ได้มาอยู่ร่วมเคียงข้างกับคุณหนูน้อย ช่างเป็นเรื่องที่ถูกลิขิตเอาไว้เสียจริงครับ”
“ใช่แล้ว เป็นเรื่องที่ถูกลิขิตเอาไว้จริง ๆ”
เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองฉินมู่หลาน แววตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น รู้สึกโชคดียิ่งนักที่ได้มาพบเจอฉินมู่หลาน
แต่เรื่องที่แม่หลงทางไปในตอนเด็ก เซี่ยเจ๋อหลี่ยังรู้สึกสงสัยอยู่บ้างนิดหน่อย
หากแม่ถูกลักพาตัวไปโดยพวกค้ามนุษย์ ก็คงโดนขายแลกเงินไปนานแล้ว แต่พ่อกับแม่บุญธรรมกลับเจอแม่ที่บนภูเขา
เด็กผู้หญิงตัวเล็กขนาดนั้นหนีจากพวกค้ามนุษย์ไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในที่ห่างไกลเช่นภูเขา ถ้าอย่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ฉินมู่หลานก็สงสัยใคร่รู้เช่นกัน
“ที่จริงแล้วเราควรลองถามนายนายท่านเหยากับคุณนายเหยาดูนะ”
“ผมเคยถามไปแล้ว คุณตากับคุณยายบอกว่าวันนั้นแม่ออกไปเดินเล่นกับพี่เลี้ยง แล้วอยู่ ๆ แม่ก็หายไป แล้วพี่เลี้ยงแม่คนนั้นก็ป่วยกระทันหัน จากนั้นไม่นานก็เสียไป”
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะลงมือไวขนาดนี้ เขาถึงกับสอบถามไปแล้ว ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
แต่แม้จะถามแล้วก็ไม่ได้เบาะแสอะไรที่เป็นประโยชน์ ดูเหมือนว่าการสืบหาเรื่องราวในตอนนั้นอย่างชัดเจนคงเป็นเรื่องยากมาก
แม้กระทั่งเจี่ยงสือเหิงก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ในเมื่อพยานตายกันไปหมด ดังนั้นจะหาพยานหลักฐานอะไรมันก็ยากแล้ว จะว่าไปนายนายท่านเหยากับคุณนายเหยาน่าจะสงสัยคนที่พาแม่ของเธอออกไปนั่นแหละ แต่ถึงจะสงสัย พวกเขาก็หาเบาะแสอะไรไม่ได้ ถึงตอนนี้พวกเธอก็คงหาอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
ลุงเจี่ยงได้ยินสิ่งนี้ ก็เสนอความคิดเห็นออกมา “บางทีหล่อนอาจจะหลงทางอย่างที่ว่าจริง ๆ ก็ได้ครับ เพราะบนถนนหนทางคนค่อนข้างพลุกพล่าน ผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้มีเด็กพลัดหลงทุกปี”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ จึงได้แต่หันมองลุงเจี่ยงแล้วเอ่ยถาม “ลุงเจี่ยงคะ ตอนนั้นลุงก็อยู่ที่ปักกิ่งใช่ไหมคะ”
ลุงเจี่ยงได้ยินแล้วจึงพยักหน้าเอ่ยตอบ “ใช่ครับ ตอนนั้นผมอยู่ที่ปักกิ่ง ตอนนั้นนายท่านก็ยังอยู่ที่นี่ด้วยครับ”
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าลุงเจี่ยงก็ดูหงอยลง แต่ไม่นานนักเขาก็หันมองฉินมู่หลานแล้วถามด้วยความสงสัย “คุณหนูน้อย มีเรื่องอะไรจะถามหรือเปล่าครับ?”
“ค่ะ ฉันอยากจะถามว่าตอนที่แม่สามีของฉันพลัดหลง น้องสาวแท้ ๆ ของคุณนายเหยาย้ายไปอยู่ที่บ้านตระกูลเหยาหรือยังคะ?”
ถึงแม้จะทราบเรื่องราวโดยคร่าว ๆ แล้ว แต่ฉินมู่หลานก็ยังไม่รู้ว่าสองแม่ลูกยินอวี่โหรวได้เข้าไปอยู่ที่บ้านคุณยายตั้งแต่เมื่อใด
ลุงเจี่ยงลองนึกอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถ้าเป็นตอนนั้น น้องสาวของคุณนายเหยาย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านตระกูลเหยาแล้วนะครับ จำได้ว่าตอนนั้นสองพี่น้องมีลูกในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ยินอวี่โหรวโชคไม่ค่อยดีนัก ตอนลูกสาวอายุได้สักสองสามขวบ สามีก็เสียแล้ว หลังจากสามีของหล่อนเสีย ยินอวี่โหรวก็พาลูกสาวเข้ามาอยู่ที่บ้านตระกูลเหยาทันทีเลย”
“เป็นแบบนี้นี่เอง”
ทันทีที่เจี่ยงสือเหิงได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน ก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ “ทำไมเหรอมู่หลาน ลูกสงสัยน้องสาวของคุณนายเหยาอย่างนั้นหรือ?”
ฉินมู่หลานไม่คิดปฏิเสธ
“ใช่ค่ะ พวกเขาดูน่าสงสัยมาก หลังจากแม่สามีพลัดหลงไป ลูกสาวของยินอวี่โหรวก็ได้นายท่านเหยากับคุณนายเหยามาเป็นพ่อแม่และกลายเป็นคุณหนูตระกูลเหยา หลังจากนั้นเหยาจิ้งถงก็ได้แต่งสามีเข้าบ้าน แม้แต่ลูกชายที่คลอดออกมายังให้ใช้แซ่เหยา ซึ่งเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นหลังแม่สามีของฉันพลัดหลงไป”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินสิ่งนี้ จึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว พวกเขาน่าสงสัยจริง ๆ แต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงพวกลูกจะสงสัยพวกเขา ก็คงยากที่จะหาหลักฐาน”
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฉินมู่หลานก็อดถอนหายใจไม่ได้
“ใช่ค่ะ มันนานมากเกินไปแล้ว”
ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่ที่บ้านของเจี่ยงสือเหิง อีกด้านหนึ่ง เหยาจิ้งถงที่กำลังตกเป็นประเด็นสนทนาของพวกเขาก็เดินเข้ามาที่ลานบ้านที่ตระกูลเซี่ยพักอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากเหยาจิ้งถงมาถึง หล่อนก็เข้าพบเซี่ยเจ๋อน่าโดยเร็ว
“น่าน่า วันนี้น้าจะพาพวกเธอไปเดินเล่น พวกเธอมากันทั้งที เอาแต่อยู่ในบ้านตลอดคงน่าเบื่อ”
เซี่ยเจ๋อน่าได้ฟังเช่นนี้ ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นทันที “ดีเลยค่ะน้า ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปซื้อของกันเถอะค่ะ”
ได้มาถึงปักกิ่งทั้งที หล่อนก็ไม่อยากอยู่แต่ในบ้านทุกวัน และอยากลองออกไปสำรวจว่าเมืองหลวงเจริญมากน้อยแค่ไหน
เกาหยวนคิดแบบเดียวกัน เขาเองก็อยากไปเดินซื้อของด้วย
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี งั้นพวกเราออกเดินทางกันเลย”
เมื่อเหยาจิ้งจือทราบว่าเหยาจิ้งถงจะพาลูกสาวกับลูกเขยออกไปข้างนอก หล่อนก็รีบพูดขึ้นทันที “ให้ฉันพาพวกเธอทั้งคู่ออกไปเองเถอะ”
แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนก็ไม่ฟังเหยาจิ้งจือ ทั้งสองคนเดินตามเหยาจิ้งถงออกไปแล้ว
เหยาจิ้งถงมีจุดหมายชัดเจนมาก หล่อนพาเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนไปที่ร้านค้าชาวจีนโพ้นทะเล
โดยปกติแล้ว เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนไม่สามารถเข้าสถานที่แบบนี้ได้ พอตอนนี้เหยาจิ้งถงพาพวกเขาเข้ามา ทั้งสองต่างก็รู้สึกสายตาพร่ามัวละลานตาไปหมด
“คุณน้า พวกเราซื้อของที่นี่ได้จริง ๆ เหรอคะ?”
เหยาจิ้งถงได้ยินดังนี้ จึงยกยิ้มพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้อยู่แล้วสิจ๊ะ น้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้จะพาพวกเธอมาซื้อของ พวกเธอก็ซื้ออย่างมีความสุขเสียสิ อยากซื้ออะไรก็เลือกซื้อไป เดี๋ยวน้าจ่ายเอง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แผนเสี้ยมเริ่มทำงานแล้วล่ะสิ แถมชายหญิงสุนัขคู่นี้ยังเป็นหมากเบี้ยชั้นดีด้วย
ไหหม่า(海馬)