ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 166 ความเหมือน ที่ดูไม่เหมือน

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 166 ความเหมือน ที่ดูไม่เหมือน

ตอนที่ 166 ความเหมือน ที่ดูไม่เหมือน

เกาหยวนโดนเซี่ยเจ๋อน่าลากตัวมุ่งหน้าตรงไปหาพวกนายท่านเหยา

แต่เขาอยากรู้เรื่องของเจี่ยงสือเหิงกับเสิ่นเจิ้นอวี่สองคนนั้นมาก จึงหันไปมองแล้วเอ่ยถามเซี่ยเจ๋อน่า “พี่สะใภ้รองของคุณอยู่หมู่บ้านเดียวกับคุณไม่ใช่เหรอ แล้วหล่อนรู้ได้ยังไงว่าผู้ชายสองคนนั้นมีฐานะสูง เมื่อกี้ได้ยินหล่อนเรียกเขาว่าพ่อบุญธรรมด้วย แสดงว่าหล่อนมีเส้นสายในเมืองหลวงดีมากเลยนะ”

เซี่ยเจ๋อน่ารู้สึกโกรธมากขณะที่ได้ฟังคำพูดของเกาหยวน เอ่ยอย่างฉุนเฉียว “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งถามไปไม่ใช่เหรอ แต่พี่รองกับฉินมู่หลานกลับไม่สนใจ พวกเขาเมินฉันไปหมดเลย”

เมื่อได้ยินดังนี้ สายตาของเกาหยวนก็ฉายแววดูถูก

ก่อนหน้านี้เซี่ยเจ๋อน่าเคยเล่าให้ฟังว่าถูกที่บ้านประคบประหงมเพียงใด แต่ดูจากตอนนี้แล้วทั้งครอบครัวเหมือนจะไม่ชอบหล่อนเลย ตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำความรู้จักมิตรสหายใหม่ แต่หล่อนก็ทำมันพังหมด หากหล่อนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว ตอนนี้พวกเขาคงสบายเหมือนปลาแหวกว่ายในน้ำไปแล้ว แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นเกาหยวนก็ไม่ได้แสดงให้เห็นชัดเจน ยังพยายามโน้มน้าวใจเซี่ยเจ๋อน่าต่อไป เพื่อให้หล่อนมีความสุข

ไม่นานนัก ใบหน้าของเซี่ยเจ๋อน่าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง

นายท่านเหยาเห็นเซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนมาหาจึงขมวดคิ้วขึ้นนิดหน่อย ในบรรดาลูกสามคนของลูกสาว เขาชอบเซี่ยเจ๋อหลี่มากที่สุด รองลงมาคือเซี่ยเจ๋อเหว่ย และไม่ค่อยชอบหลานสาวอย่างเซี่ยเจ๋อน่าสักเท่าใด เพราะมองเห็นความโลภและความทะเยอทะยานเด่นชัดผ่านทางสายตาจนไม่สามารถซ่อนเร้นได้

“พวกเธอมาทำไมกัน งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้ว รีบกลับไปนั่งที่เถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของนายท่านเหยา รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยเจ๋อน่าก็แข็งทื่อ แต่ไม่นานนักหล่อนก็ยิ้มหวานหยาดเยิ้มอีกครั้งแล้วพูด “คุณตาคะ พวกเราแค่มาดูน่ะค่ะว่ามีอะไรให้พวกเราช่วยไหม”

“ที่นี่ไม่จำเป็นต้องให้พวกเธอช่วยอะไรหรอก รีบไปนั่งก่อนเถอะ”

“อะ ค่ะ”

เซี่ยเจ๋อน่าตอบกลับด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านายท่านเหยา หล่อนจึงไม่กล่าเอ่ยพูดอะไร ทำได้เพียงรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ

ขณะที่เซี่ยเจ๋อน่ากำลังหันหลังกลับจะไปนั่งที่ เหยาจิ้งถงก็เดินตรงมาหาพวกเขา ก่อนจะพูดแล้วยกยิ้มให้ทั้งสอง “น่าน่า เกาหยวน ตอนนี้ยุ่งไปหน่อย จึงดูแลพวกเธอไม่ได้ เดี๋ยวหลังจากนี้ น้าจะพาพวกเธอไปทำความรู้จักเพื่อนหลาย ๆ คนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนก็ตาเป็นประกาย

เกาหยวนเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น “ครับ ขอบคุณครับคุณน้า”

เหยาจิ้งถงโบกมือ ก่อนจะพูดขึ้น “พวกเราต่างก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่เห็นจะต้องขอบคุณอะไรเลย”

หลังจากพูดคุยกับเหยาจิ้งถงอยู่อีกไม่กี่คำ เซี่ยเจ๋อน่ากับเกาหยวนก็กลับมานั่งที่ด้วยสีหน้ามีความสุข แต่เมื่อทั้งสองเห็นฉินมู่หลาน เจี่ยงสือเหิง กับเสิ่นเจิ้นอวี่พูดคุยอยู่เป็นครั้งคราว หลังจากที่เอ่ยพูดถึงอะไรบางอย่างที่พวกเขาฟังไม่เข้าใจแล้ว สีหน้าก็ยับยู่น่าเกลัยดขึ้นมา

อีกคนที่มีสีหน้ายับยู่คือเริ่นม่านลี่

วันนี้เป็นงานเลี้ยงรับรองที่ตระกูลเหยาเป็นเจ้าภาพให้เหยาจิ้งจือคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเหยา ดังนั้นแม่สามีของหล่อนจึงต้องกลายเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลเหยา ซึ่งทั่วทั้งเมืองหลวงนี้ต่างทราบกันหมดแล้ว สิ่งนี้ทำให้หล่อนรู้สึกขายขี้หน้าเป็นอย่างมาก ราวกับทุกคนกำลังจ้องมองตัวเองเป็นตัวตลก

เริ่นม่านนีลูกสาวคนโตของตระกูลเริ่นมองเริ่นม่านลี่แล้วพูดขึ้น “น้องรอง นี่คือตระกูลสามีที่เธอเลือกในตอนนั้น เธอดูสิ แม่สามีของเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของตระกูลเหยา สามีของเธอก็ต้องไม่ใช่หลานชายแท้ ๆ ของตระกูลเหยา เธอว่าไหมว่าเธอควรเชื่อฟังและแต่งงานกับตระกูลที่ครอบครัวหาให้ดีกว่า แล้วดูตอนนี้สิ ทุกอย่างเปล่าประโยชน์”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เริ่นม่านลี่ก็หันมองพี่สาวคนโตของตนด้วยแววตาแดงก่ำ

“เริ่นม่านนี พี่นี่ก็พูดง่ายนะ ที่บ้านหาเซี่ยปิงเซิงหลานชายตระกูลเซี่ยให้พี่ แล้วหาตระกูลที่ต่ำต้อยกว่าครอบครัวเราให้ฉัน เพราะอะไรกัน เราทั้งคู่ต่างก็เป็นลูกสาวตระกูลเริ่น แล้วเพราะอะไรถึงหาสิ่งที่ดีให้พี่ แล้วดูสิ่งที่หาให้ฉันสิ”

ด้วยเพราะเหตุนี้หล่อนจึงไม่ชอบสิ่งที่ครอบครัวหาให้มาโดยตลอด จึงหันไปหาเหยาอี้หนิง สุดท้ายทั้งสองก็ตกลงปลงใจแต่งงานกัน ไม่คิดไม่ฝันว่าเหยาอี้หนิงจะไม่ใช่หลานชายแท้ ๆ ของตระกูลเหยา เป็นเพราะหล่อนไม่ทราบเรื่องนี้ตั้งแต่แรก

เมื่อได้ยินสิ่งที่เริ่นม่านลี่พูด เริ่นม่านนีก้ยกยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “เธอนี่สายตาสั้นจริง ๆ ตอนนี้ลูกชายคนเล้กของตระกูลเก๋อได้ดีแค่ไหน เทียบกับเหยาอี้หนิงตอนนี้แล้ว ดีกว่ามากเหลือเกิน”

นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เริ่นม่านลี่ไม่พอใจมากขึ้น

ลูกชายตระกูลเก๋อที่ครอบครัวเคยหาให้หล่อนในตอนนี้ดีขึ้นกว่าเหยาอี้หนิงเสียอีก

ถึงแม้ว่าเรื่องที่หล่อนสายตาตื้นเขินจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่ได้อยาโดนกล่าวหาแบบนั้น โดยเฉพาะกับพี่สาวของตน “พี่ใหญ่ ฉันเห็นว่าคุณนายเซี่ยนั่งอยู่ทางนั้นแล้ว พี่ไม่เข้าไปทักทายหน่อยเหรอ ยังไงท่านก็เป็นคุณย่าของพี่”

เริ่นม่านนีได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมอง ก่อยจะพบว่าคุณนายเซี่ยกับลุงรองป้ารองอยู่ตรงนั้นจริง ก็เลิกพูดจาแซะเริ่นม่านลี่ ก่อนจะยกยิ้มแล้วเดินเข้าไป “คุณย่า ลุงรอง ป้ารอง มากันแล้วเหรอคะ”

คุณนายเซี่ยเห็นเริ่นม่านนีมา ก็เอ่ยด้วยความเอ็นดู “ม่านนี เธอก็มาเหรอ ถ้ารู้เร็วกว่านี้จะได้ออกมาพร้อมเธอ”

เริ่นม่านนีเดินไปหาคุณนายเซี่ย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “คุณย่า ถ้ารู้ว่าคุณย่าจะมาด้วย ฉันก็คงมากับทุกคนแล้วค่ะ”

คุณนายเซี่ยพึงพอใจกับหลานสะใภ้คนนี้มาก ไม่เพียงแค่รูปร่างหน้าตาสวยเท่านั้น วาจาเจ้าหล่อนก็หวาน สมกับเป็นคู่ครองของหลานชายคนโตเป็นอย่างมาก

คนที่นั่งถัดจากคุณนายเซี่ยคือเติ้งซูหลานภรรยาของเซี่ยฉางชิงลูกชายคนเล็กของตระกูลเซี่ย หล่อนเงยหน้าขึ้นแล้วพูดคุยกับเริ่นม่านนี “ม่านนี ปลอบใจน้องสาวบ้างหรือเปล่า บอกหล่อนว่าอย่าเศร้าไปเลย ถึงแม้ว่าแม่สามีของหล่อนจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆของตระกูลเหยา แต่นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว นายท่านเหยากับคุณนายเหยาก็คงมองว่าหล่อนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของท่าน เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เริ่นม่านนีก็เม้มปาก แต่รอยยิ้มอันอบอุ่นก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะพูดขึ้น “ป้ารองไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ น้องสาวของฉันไม่ได้เศร้าใจอะไรเลย แล้วยังยินดีกับนายท่านเหยาและคนอื่นด้วยค่ะ”

เติ้งซูหลานจ้องมองเริ่นม่านนีอย่างลึกซึ้ง แล้วไม่เอ่ยพูดอะไรอีก ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

หลานสะใภ้คนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ หล่อนไม่เคยเปลี่ยนสีหน้าจนคาดเดาความคิดได้ยาก แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ป้ารองอย่างหล่อนจะต้องมาคิดกังวล คนที่ควรกังวลมากที่สุดคือพี่สะใภ้ เพราะหล่อนมีลูกสะใภ้คนหนึ่งที่จัดการได้ไม่ง่ายเลย

หลังจากเริ่นม่านนีเอ่ยตอบเสียงเบา ก็หันไปมองที่เซี่ยฉางชิงผู้เป็นลุงรองด้วยความอยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย เมื่อเห็นเขามองตรงไปทางเดียวแล้วจมอยู่กับความคิด หล่อนก็อดจะเอ่ยถามไม่ได้ “ลุงรองคะ ลุงมองอะไรอยู่เหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คุณนายเซี่ยกับเติ้งซูหลานก็ต่างพากันหันมอง

หลังจากเซี่ยฉางชิงได้ยิน ก็รีบหันมองด้วยความตกใจ

คนที่เขากำลังมองอยู่ก็คือฉินมู่หลาน ในตอนนี้เขาตกใจไปหมด รู้สึกว่าผู้หญิงที่กำลังตั้งท้องอยู่ตรงหน้าช่างคล้ายกับเธอคนนั้นในความทรงจำเป็นอย่างมาก

ฉินมู่หลานรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอจึงขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง ก่อนจะพบกับชายวัยกลางคนที่มองเธอด้วยสายตาแปลกพิกล แววตาของเธอก็เย็นชาขึ้น สายตาเฉียบคมขึ้นมา

เซี่ยฉางชิงยังคงแอบมองฉินมู่หลานอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาส่งผ่านออกมาจากเธอแล้วก็สะดุ้งไปทั้งร่าง ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ในความทรงจำเธอช่างอ่อนโยนราวกับสายน้ำและยิ้มแย้มให้กันเสมอ ไม่เคยเห็นสายตาเย็นชาขนาดนี้มาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเป็นเช่นนั้น หรือว่ามันจะเป็นภาพลวงหลอกตาเขากันแน่

“อ๋อ ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงตรงนั้นตือใคร ดูเหมือนว่าจะรู้จักสนิทสนมกับหัวหน้าตระกูลเจี่ยงคนใหม่ด้วย”

เริ่นม่านลี่ได้ยินดังนี้ จึงยกยิ้มแล้วเอ่ย “เรื่องนี้ฉันรู้ค่ะ หล่อนเป็นลูกสะใภ้ของคุณหนูคนโตแห่งตระกูลเหยา”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

บรรดาตระกูลผู้ดีในเมืองหลวงนี่มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกิน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท