ตอนที่ 188 หวังหู่ เหวินเชี่ยน(2)
ตอนที่ 188 หวังหู่ เหวินเชี่ยน(2)
ฉินมู่หลานยังไม่รู้เรื่องนี้ เห็นทั้งสองยุ่งกันแต่หัววันก็เกิดความสงสัยอยู่บ้าง แต่เหตุการณ์วันนี้ก็ย้ำเตือนว่าต้องพกของป้องกันตัวบางอย่างไปด้วย มิเช่นนั้นหากตกอยู่ในอันตรายคงทำอะไรไม่ได้
เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำทันที ฉินมู่หลานเขียนสูตรยาขึ้นอีกหลายตัว พรุ่งนี้ค่อยขอให้พ่อสามีออกไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ให้ ขณะที่เธอวางแผนเตรียมปรุงยาผงและยาเม็ดเพื่อใช้ป้องกันตัว
เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา เขาก็ได้กลิ่นหอมหวนทันทีที่ก้าวเข้าประตู ครั้นมองไปทางโต๊ะกินข้าวก็พบว่ามื้อเย็นดูค่อนข้างหรูหรา มีทั้งลูกชิ้นสี่สุข ซุปเนื้อปลา ผัดสามเซียน ผัดผักกาดขาวและเต้าหู้หม่าล่า “แม่ มื้อเย็นหรูหราจังเลย”
“วันนี้ฉันกับมู่หลานต่างเจอเรื่องขวัญผวา มื้อเย็นก็เลยอยากกินอะไรดี ๆ เพื่อเรียกขวัญสักหน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รีบเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็ควรกินอะไรดี ๆ เพื่อเรียกขวัญจริง ๆ ครับ”
ฉินมู่หลานได้กลิ่นหอมมาตลอดทั้งบ่ายนี้แล้ว ในที่สุดก็ได้กินสักที จึงหันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “อาหลี่ รีบนั่งลงกินข้าวเถอะ”
มีมื้อเย็นสุดหรูเช่นนี้ เซี่ยเหวินปิงจึงอดที่จะจิบเหล้าเสียหน่อยไม่ได้ ทุกคนต่างตั้งใจรับประทานมาก
เมื่อรับประทานเสร็จ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็บอกเรื่องบางอย่างกับทุกคน
“พ่อครับ แม่ครับ มู่หลาน ผมกลัวว่าคนนั้นที่สะกดรอยตามทุกคนวันนี้จะย้อนกลับมาอีกครั้ง ก็เลยหาคนมาคอยเฝ้าจับตาดูสองคน ถึงเวลาจะได้คอยปกป้องทุกคนได้อย่างลับ ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานจึงหันมองด้วยความแปลกใจ “นี่…มันจะไม่เกินไปเหรอคะ”
เซี่ยเหวินปิงก็รู้สึกแบบเดียวกัน “ใช่แล้ว อาหลี่ พวกเราไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไรจะต้องการให้ใครมาคอยคุ้มกัน ถ้าจะออกไปข้างนอก จะทำให้คนคิดว่าเราทำอะไรไม่เข้าท่าหรือเปล่า”
แต่เหยาจิ้งจือกลับคิดว่าลูกชายคนเล็กกลับทำได้ดี
“อาหลี่ ความคิดของแกเข้าท่าอยู่ ถ้ามีคนมาคอยคุ้มกันพวกเรา พวกเราก็ไม่ต้องกังวลใจเวลาออกไปข้างนอกแล้ว โดยเฉพาะกับมู่หลาน ช่วงนี้จะให้เจอเรื่องร้ายแรงไม่ได้ ดีแล้วที่หาคนมาคอยคุ้มกัน”
เมื่อเอ่ยจบ เหยาจิ้งจือก็หันมองเซี่ยเหวินปิงอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น “จะไม่เข้าท่ายังไงกัน อาหลี่ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้คอยแอบคุ้มกัน คนอื่นไม่มีทางรู้หรอกว่ามีคนคอยคุ้มกันพวกเราอยู่ แล้วมันจะมีปัญหาอะไรอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเหวินปิงก็เพิ่งรู้สึกตัว
“อาหลี่ แกบอกว่าแอบคุ้มกันใช่ไหม ถ้าพวกเขาแอบคุ้มกันเราจะไม่มีคนเห็นอย่างนั้นสินะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ครับ”
เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กพูดเช่นนั้น เซี่ยเหวินปิงจึงรู้สึกโล่งใจ “ถ้าอย่างนั้นก็สบายใจแล้ว จริง ๆ แล้วพวกเราไม่ต้องให้ใครมาคอยคุ้มกันก็ได้นะ แค่คอยปกป้องมู่หลานก็พอ”
“พ่อครับ แม่ครับ แค่พวกพ่อกับแม่ออกไปข้างนอก หวังหู่กับเหวินเชี่ยนก็จะคอยตามคุ้มกันอยู่ห่าง ๆ กับมู่หลานก็เหมือนกัน แล้วยิ่งไปกว่านั้น คน ๆ นี้มันอาจจะตามแม่เป็นหลักก็ได้”
เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งที่พูด ก็พากันตกใจ
เหยาจิ้งจือได้แต่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างมาก “ไม่มีทางหรอก ฉันมีอะไรให้คนคิดร้าย ฉันแค่…” เมื่อเอ่ยจนถึงตอนท้าย ในที่สุดหล่อนก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเหยา หากคนผู้นั้นมาเพราะเรื่องนี้มันก็มีความเป็นไปได้ แต่หล่อนก็ยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
ฉินมู่หลานคิดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้อย่างมาก เพราะการที่เหยาจิ้งจือได้กลับสู่ตระกูลเหยาได้ไปขัดขวางเส้นทางชีวิตของคนจำนวนมาก
“ใช่ค่ะแม่ พวกพ่อกับแม่ก็ต้องได้รับการคุ้มกันด้วยค่ะ”
เมื่อเห็นว่าทั้งลูกชายคนเล็กกับลูกสะใภ้ต่างพูดเช่นนี้ เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็ไม่ได้คิดคัดค้านอยู่แล้ว และพยักหน้ายินยอมก่อนจะพูดขึ้น “ก็ได้ ๆ อย่างนั้นก็เอาตามนั้นแหละ ถึงยังไงพวกเราก็ออกไปข้างนอกกันเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว หากมีคนคอยคุ้มอยู่ข้างหลังกันก็ดี”
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาหวังหู่กับเหวินเชี่ยนมาที่นี่
ฉินมู่หลานมองดูทั้งสองคนก็ทราบได้ว่าพวกเขาเป็นคนฝึกศิลปะป้องกันตัว ดูจากท่าทางแล้วรู้สึกได้ว่าเป็นคนประเภทเดียวกับเซี่ยเจ๋อหลี่
“มู่หลาน พ่อครับ แม่ครับ นี่คือหวังหู่ ส่วนนั่นคือเหวินเชี่ยน พวกเขาสองคนเกษียณไปเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ แต่ก็รักษาหายเรียบร้อยแล้วครับ ทุกคนไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”
เหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้ จึงรีบกล่าวทันที “ไม่ได้กังวล พวกเราไม่กังวลอะไรอยู่แล้ว”
แม้แต่ฉินมู่หลานก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เพราะอาหลี่เป็นคนแนะนำ อย่างนั้นพวกเขาก็น่าเชื่อถืออยู่แล้ว”
หวังหู่กับเหวินเชี่ยนเป็นคนที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน หากทั้งสองไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างที่เคยบอกก่อนหน้านี้ คงได้ไปต่อในเส้นทางอาชีพอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บตอนออกไปปฏิบัติภารกิจ จึงทำได้เพียงเกษียณตัวเองออกจากกองทัพอย่างน่าเสียดาย แต่ถึงจะเกษียณออกจากกองทัพแล้ว พวกเขากลับไม่พบงานที่เหมาะกับตัวเองเลย ไม่คาดคิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะได้เจอพวกเขา และต้องการจ้างให้พวกเขามาคอยคุ้มกันครอบครัว
ทั้งสองชื่นชมเคารพเซี่ยเจ๋อหลี่มาโดยตลอด เละเซี่ยเจ่อหลี่ก็เคยเป็นหัวหน้า พวกเขาจึงยอมตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิดเลย
“หัวหน้าเซี่ยวางใจได้เลยครับ พวกเราจะคอยคุ้มกันคุณลุง คุณป้าและพี่สะใภ้แบบสุดความสามารถแน่นอน”
“ดี ขอบคุณพวกนายมากเลย”
หวังหู่กับเหวินเชี่ยนรีบโบกมือทันที ก่อนจะพูดขึ้น “หัวหน้าเซี่ย คุณเกรงใจเกินไปแล้ว นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วครับ” มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำจริง ๆ เพราะเซี่ยเจ๋อหลี่จ่ายเงินจ้างพวกเขา พวกเขาไม่ได้ทำงานให้ฟรี ๆ
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่หาคนมาแล้ว ก้อดพูดไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นฉันกับแม่ก็ออกไปข้างนอกได้แล้วล่ะ”
แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ยังไม่ทันได้เอ่ย เหยาจิ้งจือก็แทรกขึ้นมาก่อน “มู่หลาน เราให้เรื่องมันผ่านไปก่อนเถอะ อีกสักพักหนึ่งแล้วค่อยออกไป” ตอนนี้หล่อนกลัวมากจริง ๆ ได้แต่หวังว่าลูกสะใภ้คนเล็กจะปลอดภัย ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่เพียงเล็กน้อย ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของเหยาจิ้งจือ ฉินมู่หลานก็ไม่พูดอะไรให้มากความอีก เพียงแต่บอกกล่าวว่าเธออยากซื้อวัสดุอุปกรณ์ทำยา
เซี่ยเหวินปิงที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยขึ้นทันที “มู่หลาน เรื่องนั้นให้ฉันจัดการเอง เดี๋ยวฉันจะเข้าเมืองไปซื้อให้”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนพ่อแล้วค่ะ”
“ไม่รบกวนหรอก เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากเซี่ยเหวินปิงจัดแจงตัวเองเรียบร้อย ก็ตรงเข้าเมืองทันที โดยมีหวังหู่กับเหวินเชี่ยนคอยแอบตามเซี่ยเหวินปิงเข้าไปในเมือง เพราะฉินมู่หลานกับเหยาจิ้งจืออยู่ที่นี่ อย่างไรก็ปลอดภัยอยู่แล้ว
เมื่อเซี่ยเหวินปิงกลับมา เขาก็นำของที่ลูกสะใภ้คนเล็กฝากซื้อมาให้
หลังจากที่ฉินมู่หลานรับของไป ก็เริ่มปรุงทันที
วันต่อมา เซี่ยเหวินปิงออกไปข้างนอกทุกวัน โดยมีหวังหู่กับเหวินเชี่ยนคอยแอบตามเขาไปด้วย แต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยอะไรเลยแม้แต่น้อย
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยเหวินปิงรู้สึกสงสัยว่าภรรยาและลูกสะใภ้อาจคิดผิด
แม้แต่เหยาจิ้งจือก็รู้สึกว่าบางทีชายหัวเกรียนคนนี้อาจจะสะกดรอยตามผิดคน “ใช่แล้ว เป้าหมายของเจ้านั่นอาจไม่ใช่พวกเราก็ได้”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถึงอย่างไรก็อย่าเพิ่งประมาทค่ะ เผลอๆ อาจแจ็กพ็อตเจอเรื่องในตอนที่ไม่มีคนคุ้มกันก็ได้
ไหหม่า(海馬)