ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 190 เข้าใจผิดหรือเปล่า

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 190 เข้าใจผิดหรือเปล่า

ตอนที่ 190 เข้าใจผิดหรือเปล่า

เหยาจิ้งจือเห็นท่าทางของหญิงชราแล้วก็รู้สึกสับสนขึ้นมาทันที แต่เซี่ยเหวินปิงมือไวกว่า รีบดึงภรรยามาหลบข้างหลัง

เมื่อเห็นว่าจับคนไม่ได้ หญิงชราคนนั้นก็รีบกระโดดลงจากเตียงแล้วพุ่งตรงเข้ามา ซุ่ยฮวาที่อยู่อีกด้านก็ตรงปรี่เข้าไปหาเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเหมือนกัน

ในตอนนี้เองเซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือก็ทราบว่าพวกเขาถูกหลอกเข้าแล้ว สองแม่ลูกนี้ไม่ได้อยากไปโรงพยาบาล แต่อยากจะจับตัวพวกเขา คิดได้เช่นนั้นก็รู้สึกเสียใจ ก่อนหน้านี้พวกเขารู้ดีว่ามีคนคอยตามอยู่ตลอด แต่สถานการณ์ช่วงนี้กลับดูสงบเสียจนพวกเขาระมัดระวังตัวเองน้อยลง วันนี้พวกเขาไม่น่าเดินตามคนเข้ามาที่นี่เลย

เมื่อเห็นว่าหญิงชรากับซุ่ยฮวากำลังจะจับเหยาจิ้งจือ ทั้งหวังหู่กับเหวินเชี่ยนก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขารีบพุ่งถลาผลักซุ่ยฮวากับหญิงชราออกไปทันที จากนั้นก็ดึงตัวเซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือออกไปข้างนอก แล้วบอกให้พวกเขาอยู่ห่าง ๆ

หญิงชราคนนั้นกับซุ่ยฮวาเห็นว่ามีคนปรากฏตัวขึ้น สีหน้าจึงมืดมนลงทันที แต่ทั้งสองไม่ได้เอ่ยอะไรทั้งนั้น รีบวิ่งตรงไปหาเหยาจิ้งจืออีกครั้ง

หวังหู่กับเหวินเชี่ยนไม่ปล่อยให้พวกหล่อนได้ทำสำเร็จ เข้าขัดขวางคนพวกนั้นทันที ไม่นานนักทั้งสี่คนก็เริ่มต่อสู้กัน หลังจากได้ลองประมือกันแล้ว หญิงชราคนนั้นกับซุ่ยฮวาก็พบว่าสองคนตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา ฝีมือของทั้งสองยอดเยี่ยมมากจนพวกหล่อนสู้ไม่ได้เลย

เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือยืนอยู่ไกล หญิงชราคนนั้นก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หันหน้าไปบอกกับซุ่ยฮวา “ไป”

ซุ่ยฮวาได้ยินคำพูดของหญิงชราก็ไม่ต้องคิด รีบวิ่งหนีไปทันที ส่วนหญิงชราคนนั้นก็ออกวิ่งเช่นกัน

หวังหู่เห็นทั้งสองจะวิ่งหนี จึงรีบวิ่งไล่ตามไป ขณะที่เหวินเชี่ยนเป็นห่วงความปลอดภัยของเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิง จึงตรงไปคุ้มกันพวกเขาทันที

ทางด้านหวังหู่ที่ใกล้วิ่งตามคนได้ทันแล้วกลับไม่คิดว่าหญิงชรากับซุ่ยฮวาจะปีนข้ามกำแพงออกไป เมื่อข้ามกำแพงไปแล้ว กำแพงที่ดูใกล้พังอยู่รอมร่อก็ทลายลงทันที ก้อนอิฐกลิ้งไปทางหวังหู่ ทำให้หวังหู่ต้องก้าวถอยประมาณสองก้าว เพียงแต่เมื่อตั้งหลักได้ สองคนนั้นก็หนีห่างออกไปไกลแล้ว

ใบหน้าของหวังหู่ดูหงุดหงิด พวกเขาปล่อยให้คนพวกนั้นหนีไปได้

ขณะเหวินเชี่ยนพูดขึ้น “หวังหู่ พวกเราพาลุงเซี่ยกับป้าเหยากลับกันก่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวังหู่จึงพยักหน้า จากนั้นก็ไปส่งพวกเขากลับฐานทัพ

เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงยังคงหวาดผวาอยู่จนถึงตอนนี้ ทั้งสองไม่อยากจะคิดเลยว่าหากโดนจับได้ในวันนี้จะเป็นอย่างไร

“ต้องโทษฉันที่ระวังตัวไม่มากพอ รู้สึกว่าสองแม่ลูกคู่นั้นดูน่าสงสารเสียเหลือเกิน ก็เลยใจอ่อนอยากช่วยพวกเขา”

เมื่อได้ยินภรรยาเอ่ยเช่นนี้ เซี่ยเหวินปิงจึงออกหน้ารับเอง “เป็นเพราะผมต่างหากที่คิดว่าสองแม่ลูกนั้นป่วยจริง จึงไม่คิดเอะใจ แล้วยังพาคุณไปอีก เพราะเห็นว่าเป็นแค่หญิงแก่กับหญิงวัยกลางคน ไม่คิดเลยว่าพวกหล่อนจะฝีมือดีขนาดนี้ เราไม่สามารถตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกได้จริงๆ พวกเราประมาทกันเกินไป”

หลังจากเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงกลับมาถึงบ้าน ฉินมู่หลานก็ทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอกำลังอ่านหนังสือ เมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ก็รีบยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นทันที “พ่อคะ แม่คะ กลับมาแล้วเหรอคะ”

แต่ไม่นานนักเธอก็เห็นว่าทั้งสองดูท่าทางแปลกไป นอกจากนี้หวังหู่กับเหวินเชี่ยนก็ยังตามมาด้วย สองคนนี้ต้องคอยแอบคุ้มกันพวกเขาอย่างเงียบ ๆ แต่ครั้งนี้กลับปรากฎตัวอย่างแจ่มแจ้ง เธอจึงทราบว่าต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน

“พ่อคะ แม่คะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”

เมื่อสะใภ้คนเล็กเอ่ยถามต่อหน้า เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็ดูกระอักกระอ่วนนิดหน่อยจากความประมาทของพวกเขา แต่ก็ยังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

และหวังหู่กับเหวินเชี่ยนยังอธิบายและออกความเห็นถึงหญิงชรากับซุ่ยฮวาด้วย

“สองคนนั้นฝีมือดีมาก พวกหล่อนโจมตีอย่างเหี้ยมโหดและเคลื่อนไหวเฉียบขาดมากเหมือนกับเคยมือเปื้อนเลือดมาก่อน คนพวกนี้ดูไม่น่าจะเป็นโจรขโมยของหรือโจรลักพาตัวธรรมดา แต่ดูเหมือนมือปืนรับจ้างที่โดนจ้างวานมา”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนี้ จึงพยักหน้าแล้วเอ่ย “อย่างที่คุณบอกค่ะ อาจจะมีคนจ้างวาน ซึ่งครั้งนี้เป้าหมายก็คือแม่สามีของฉัน”

ตอนแรกฉินมู่หลานไม่มั่นใจว่าเรื่องคนสะกดรอยตามว่ากำลังสะกดรอยตามเธอหรือสะกดรอยตามเหยาจิ้งจือกันแน่ แต่ครั้งนี้ถึงแม้เธอจะไม่ได้ออกไปข้างนอก พ่อกับแม่สามีของเธอก็ยังตกอยู่ในอันตราย จึงเห็นได้ชัดเจนว่าเป้าหมายของพวกมันคือแม่สามี

หวังหู่กับเหวินเชี่ยนก็สังเกตได้เช่นกัน ทั้งสองจึงพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ใช่ครับ พวกเขาอยากจะจับตัวคุณป้า”

เมื่อพูดคุยเรื่องต่าง ๆ เสร็จแล้ว หวังหู่กับเหวินเชี่ยนก็ออกไปทันที ทั้งสองหาที่กำบังข้างนอกหลบซ่อนตัวเพื่อคอยคุ้มกันต่อไป

เมื่อทั้งสองออกไปแล้ว เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็มองฉินมู่หลานด้วยท่าทางประหม่าแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน พวกเราผิดเองที่ประมาท จึงโดนหลอกเข้าเต็มเปา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็ถอนหายใจ พลางเอ่ย “พ่อคะ แม่คะ นี่ไม่ใช่ความผิดของพวกพ่อกับแม่หรอกค่ะ มันเป็นความผิดของคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ โชคดีที่ครั้งนี้มีหวังหู่กับเหวินเชี่ยน ไม่อย่างนั้นพวกพ่อกับแม่คงได้ตกอยู๋ในอันตรายจริง ๆ แล้วค่ะ”

เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงได้ยิน ก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว โชคดีที่อาหลี่รอบคอบ ขอให้หวังหู่กับเหวินเชี่ยนมาคอยคุ้มกันพวกเรา ไม่อย่างนั้นพวกเราคงตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว”

จนกระทั่งเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาในช่วงเที่ยงวัน เขาก็ได้ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ขณะเดียวกันก็หันไปพูดกับเหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงอย่างเสียไม่ได้ “พ่อครับ แม่ครับ พวกท่านก็รู้นี่ว่าไม่นานมานี้มีคนจ้องจะเล่นงานพวกเราอยู่ ทำไมทุกคนถึงยังโดนหลอกได้อีกล่ะ”

“พวกเราก็สงสารคนพวกนั้น จึงคิดจะช่วยเสียหน่อย ใครจะไปรู้…”

เมื่อเอ่ยจนถึงตอนท้าย ทั้งสองก็ไม่พูดอะไรอีก เนื่องจากสีหน้าของลูกชายคนเล็กดูไม่ค่อยดีนัก รู้ได้เลยว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี

ฉินมู่หลานช่วยพูดจากด้านข้าง “เอาเถอะค่ะอาหลี่ พ่อกับแม่เข้าใจแล้วล่ะ ต่อไปพวกท่านจะระวังตัวมากขึ้นแน่นอน”

“จะให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกไม่ได้”

เซี่ยเจ๋อหลี่อดจะพูดอะไรบางอย่างเสียไม่ได้ แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออก หลังจากทราบแน่ชัดแล้วว่าแม่เป็นเป้าหมายของคนพวกนั้น ก็พูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นคนที่อยู่เมืองหลวงหรือเปล่า”

แต่ไหนแต่ไรมาแม่ไม่เคยต้องเจอเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อกลับสู่ตระกูลเหยา ก็มีคนคิดจะลงมือจับตัวหล่อน เขาจึงสงสัยว่าต้องเป็นคนจากเมืองหลวงอย่างแน่นอน

ฉินมู่หลานก็คิดเหมือนกัน

มีแค่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงที่ยังรู้สึกงุนงงนิดหน่อย “แกรู้ได้ยังไงว่าคนจากปักกิ่งอยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้?”

“พวกเราแค่คาดเดา”

เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อรอถึงวันรุ่งขึ้น เขาก็เริ่มมั่นใจเต็มที่ว่าเป็นฝีมือของคนจากทางเมืองหลวงที่ต้องการจับตัวแม่ เพราะลุงเหยาได้มาที่นี่ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เมื่อลุงเหยาเห็นเหยาจิ้งจือ ก็เอ่ยทักทายเสียงดังพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ทักทายเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลานต่อ ก่อนจะมองเซี่ยเหวินปิงเป็นคนสุดท้าย แล้วเอ่ยเสียงเบา

เซี่ยเหวินปิงย่อมสังเกตเห็นการเลือกปฏิบัติของลุงเหยาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เอ่ยถาม “ลุงเหยา คุณมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?”

ลุงเหยาไม่ตอบ แต่กลับหยิบข้อมูลหนึ่งอย่างที่พกติดตัวมาด้วยออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็ยืนให้เหยาจิ้งจือ “คุณหนูจื้อจือ ลงชื่อด้วยครับ”

หลังจากเหยาจิ้งจือรับไป ก็เอ่ยอย่างสงสัย “นี่อะไรกันคะ”

แต่ไม่นานนักก็มองเห็นกระดาษที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดเจน หล่อนมองเหยาซานด้วยสีหน้าตกตะลึง “ลุงเหยา…นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นั่นไง เดาไม่ผิด สองแม่ลูกนั่นต้องไม่ใช่คนธรรมดา ความใจอ่อนเป็นเหตุแท้ๆ เลยจิ้งจือ ถ้าลูกชายไม่ส่งคนมาคุ้มกันเงียบๆ จะเป็นไงเนี่ย

หนังสือพินัยกรรมยกมรดกให้ครึ่งหนึ่งหรือเปล่านะ?

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท