ตอนที่ 193 กลับหมู่บ้านชิงซาน
ตอนที่ 193 กลับหมู่บ้านชิงซาน
ฉินมู่หลานมองจดหมายในมือแล้วก็กำหมัดแน่น
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อกลับได้รับบาดเจ็บ ทำให้เธอสงสัยในสาเหตุที่เขาได้รับบาดเจ็บและรู้สึกร้อนใจมาก
ไม่นานนักฉินมู่หลานก็ตัดสินใจว่าจะกลับหมู่บ้านชิงซาน
เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือกลับมาก็เห็นฉินมู่หลานนั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้ว เหยาจิ้งจือเห็นเช่นนี้จึงรีบเอ่ยถามทันที “มู่หลาน เกิดอะไรขึ้นเหรอ สีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลย”
“แม่คะ ฉันต้องกลับไปที่หมู่บ้านชิงซานค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็พากันแปลกใจ “ทำไมเหรอ ทำไมอยู่ ๆ ถึงจะกลับหมู่บ้านชิงซานล่ะ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือ?”
“พ่อของฉันได้รับบาดเจ็บค่ะ และอาการสาหัสมากด้วย ฉันต้องกลับไปหาท่าน”
เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือได้ยินก็อดกังวลขึ้นมาเหมือนกันเสียไม่ได้ “ญาติสะใภ้จะเป็นยังไงบ้างนะ บาดเจ็บสาหัสเลยหรือ?”
“ยังไม่รู้เรื่องราวแน่ชัดค่ะ แต่ที่บ้านเขียนมาในจดหมายว่าอาการเขาร้ายแรงมากจนต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
ในตอนนี้ ทั้งเซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือก็ต่างพากันพูดไม่ออก ทั้งสองทราบดีว่าฉินมู่หลานจะกลับไปแน่นอน “มู่หลาน อย่าเพิ่งกังวลมากเกินไปนะ ตอนนี้พวกเราเก็บกระเป๋ากันก่อนเถอะ เดี๋ยวอาหลี่มาจะได้บอกเขา แล้วพวกเรากลับไปด้วยกัน”
ฉินมู่หลานนึกถึงเซี่ยเจ๋อหลี่ที่ช่วงนี้กำลังยุ่ง จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “อาหลี่จะหยุดลาพักร้อนได้เหรอคะ”
“เรื่องนี้…”
เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงพลันคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ พวกเขากลัวจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเดินทางกลับไป หากลูกชายคนเล็กไม่กลับด้วย คงรู้สึกระแวงอยู่ตลอด
สุดท้ายฉินมู่หลานก็กล่าวขึ้น “เดี๋ยวพวกเราลองถามอาหลี่ตอนเขากลับมาก็ได้ค่ะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“ใช่ อาหลี่กลับมาแล้วค่อยถามเขา”
เหยาจิ้งจือพูดจบ ก็พาเซี่ยเหวินปิงไปเก็บข้าวของ
จะว่าไปพวกเขาก็มาอยู่ไกลบ้านและมีหลายอย่างเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนรู้สึกเหมือนไม่ได้กลับบ้านเกิดมานานมากแล้ว
เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ฉินมู่หลานก็เล่าถึงอาการบาดเจ็บของฉินเจี้ยนเซ่อให้ฟัง ขณะเดียวกันก็ยังพูดถึงเรื่องจะกลับหมู่บ้านชิงซานในวันพรุ่งนี้ด้วย
“มู่หลาน พรุ่งนี้คุณจะกลับไปเหรอ?”
เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของเซี่ยเจ๋อหลี่ ฉินมู่หลานก็เดาได้ทันทีว่าเขากลับไปด้วยไม่ได้ “อาหลี่ ช่วงนี้คุณยุ่งมากเลยใช่ไหมคะ?”
“ใช่ ที่ผมกลับมาวันนี้ ตอนแรกจะบอกพวกคุณว่าพรุ่งนี้ผมต้องออกไปทำภารกิจตั้งแต่เช้า ไม่คิดเลยว่าพ่อตาจะบาดเจ็บสาหัส” เมื่อเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้งเสียไม่ได้ แววตาเต็มไปด้วยความกังวล “มู่หลาน ทางกลับบ้านเกิดมันไกลมาก ผมกลัวว่าคุณจะเป็นอันตราย”
เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือเพิ่งจะเผชิญอันตรายมา แล้วตอนนี้ก็เกิดเรื่องขึ้นกับพ่อตาอีก ทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้อาจเกี่ยวข้องกัน
ฉินมู่หลานก็รู้สึกกังวลเหมือนเซี่ยเจ๋อหลี่ ก่อนจะเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ให้หวังหู่กับเหวินเชี่ยนกลับไปพร้อมกับพวกเราก็ได้ นายจะได้ไม่ต้องกังวล”
เซี่ยะเจ๋อหลี่จะไม่กังวลได้อย่างไร พ่อกับแม่ก็ไม่ได้มีฝีมือต่อสู้ ภรรยาก็กำลังท้องแก่ ถึงแม้ว่าจะมีหวังหู่กับเหวินเชี่ยนคอยคุ้มกัน แต่มันก็ยากที่จะใช้สองหมัดต้านทานสี่ฝ่ามือหากฝั่งคนร้ายมีมากกว่า เช่นนั้นมีแค่หวังหู่กับเหวินเชี่ยนคงไม่พอ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็คิดจะหาคนมาเพิ่มอีกสักคน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะให้หวังหู่กับเหวินเชี่ยนกลับไปกับพวกคุณ แต่ผมจะหาคนเพิ่มด้วย เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณ” เมื่อเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็คิดจะออกไปข้างนอก
ฉินมู่หลานเห็นว่าเขาวิตกกังวลมาก จึงรีบพูด “อาหลี่ กินข้าวแล้วค่อยไปเถอะค่ะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้เวลาเร่งด่วนมาก ผมไปหาคนก่อนดีกว่า” เมื่อเอ่ยจบก็ออกไปทันที
เหยาจิ้งจือเพิ่งออกมาจากครัว เมื่อเห็นแผ่นหลังของลูกชายคนเล็กกำลังเดินห่างไป ก็รีบหันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลานทันที “มู่หลาน อาหลี่เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ ทำไมไปเร็วจัง”
ฉินมู่หลานเอ่ยทวนสิ่งที่เซี่ยเจ๋อหลี่พูด จากนั้นก็บอกว่า “อาหลี่มีภารกิจจึงไปไม่ได้ค่ะ เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเราด้วย เพราะฉะนั้นเขาจึงจะหาคนคอยคุ้มกันพวกเราเพิ่มนอกจากหวังหู่กับเหวินเชี่ยนค่ะ”
เหยาจิ้งจือทราบว่าลูกชายไม่สามารถกลับไปกับพวกเขาได้ สีหน้าจึงดูเสียดาย
“อาหลี่ยุ่งมากจริง ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้” ขณะที่เอ่ยก็ถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วอาหลี่จะกลับมากินข้าวเที่ยงไหม?”
ฉินมู่หลานส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “ไม่รู้ค่ะ หวังแค่ว่าเขาจะหาคนได้โดยเร็ว”
ตอนแรกฉินมู่หลานกับคนอื่น ๆ คิดว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะไม่กลับมากินอาหารกลางวันที่บ้านแล้ว ไม่คิดเลยว่าพอพวกเขากินกันเสร็จ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
เหยาจิ้งจือเห็นลูกชายคนเล็กกลับมา จึงรีบเอ่ยถาม “อาหลี่ แกกินข้าวมาหรือยัง?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “ยังไม่ได้กินครับ”
เมื่อได้ยินพูดแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็รีบเข้าไปในครัว จากนั้นก็นำอาหารที่เหลือออกมา “อาหลี่ ยังมีอาหารเหลืออยู่ รีบกินอะไรสักหน่อยเถอะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่หิวมากเหลือเกิน จึงลงมือรับประทานทันที หลังจากกินเสร็จก็หันมองครอบครัวแล้วพูดขึ้น “ผมหาคนได้อีกหนึ่งคนแล้ว พรุ่งนี้เขาจะกลับหมู่บ้านชิงซานพร้อมกับทุกคน ฝีมือเขาค่อนข้างดีมาก คนทั่วไปเทียบไม่ติดเลย มีเขากลับไปพร้อมกับทุกคนด้วยผมก็โล่งใจแล้ว”
เซี่ยเหวินปิงได้ยินเข้า ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คนใหม่ที่แกหามาเก่งกว่าหวังหู่อีกเหรอ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วอบกกล่าวทันที “ใช่ครับ เก่งกว่าหวังหู่ เดี๋ยวตอนออกเดินทางพรุ่งนี้ เขาจะไปเจอทุกคนที่สถานีครับ”
ได้ยินเซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ย ฉินมู่หลานก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น “คนที่คุณเพิ่งหามา เป็นอดีตสหายร่วมรบของคุณเหรอคะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้า แล้วเอ่ย “ใช่แล้ว เป็นอดีตเพื่อนร่วมรบของผมเอง เขาเป็นคนกล้าหาญมาก มีหลายคนยกเขาให้เป็นแบบอย่าง เพียงแต่ว่า…” หลังจากเอ่ยถึงตอนท้าย เขาก็ไม่พูดอะไรอีก ได้แต่ยกยิ้มแล้วหันไปพูดกับฉินมู่หลาน “เอาเป็นว่าเขาจะปกป้องพวกคุณอย่างดีเลย”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ลงรายละเอียด ฉินมู่หลานก็ไม่ถามอะไรอีก ยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ดีค่ะ หากเขาเป็นอดีตสหายร่วมรบของคุณ ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงต้องคุ้มกันเราได้ดีเหมือนหวังหู่กับเหวินเชี่ยนแน่นอน”
เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ออกไปแล้ว
ฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือ เซี่ยเหวินปิงทั้งสามคนก็ออกไปข้างนอกหลังกินข้าวเสร็จ ทั้งสามนำของไปด้วยไม่น้อย และเตรียมตัวกลับหมู่บ้านชิงซาน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนที่จะมาช่วยคุ้มกันเพิ่มนี่ไว้ใจได้แน่ๆ ใช่ไหมคะพี่หลี่
ไหหม่า(海馬)