ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 194 โหยวหย่ง

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 194 โหยวหย่ง

ตอนที่ 194 โหยวหย่ง

หลังจากฉินมู่หลาน เซี่ยเหวินปิงกับเหยาจิ้งจือทั้งสามคนออกไปแล้ว ก็ได้พบเจอผู้คนมากมาย

เจียงลวี่ชิวเห็นพวกเขา จึงรีบก้าวมาถามทันที “พี่สะใภ้ พวกคุณจะเดินทางไกลกันเหรอคะ?”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ จึงยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ใช่ค่ะ กำลังจะกลับบ้านเกิดน่ะค่ะ”

เมื่อเจียงลวี่ชิวได้ยินเช่นนี้ จึงมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจก่อนจะพูดขึ้น “พี่สะใภ้ ฉันคิดว่าพวกคุณกำลังจะไปปักกิ่งเสียอีก ไม่คิดว่าจะกลับบ้านเกิด แล้วแบบนี้พวกคุณยังจะมากันอีกไหมคะ หรือว่าจะรอคุณคลอดก่อนแล้วค่อยกลับมา?”

ฉินมู่หลานไม่ได้อธิบายละเอียด เพียงแค่เอ่ยบอกอย่างกระชับ “พวกเราจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ค่ะ ครั้งนี้แค่จะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด”

เจียงลวี่ชิวได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก

คนอื่นๆ แถวนี้ต่างพากันสนใจ หลังจากได้ยินคำพูดของฉินมู่หลานแล้ว ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยพูดด้วยไม่กี่คำ ส่วนใหญ่บอกว่า ‘เดินทางปลอดภัย รีบกลับมานะ’

เริ่นม่านลี่มองพวกฉินมู่หลานจากที่ไกล หลังจากทราบว่าพวกเขากำลังจะกลับบ้านเกิด ก็ขมวดคิ้วสงสัย

จนกระทั่งฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือ เซี่ยเหวินปิงทั้งสามคนไปแล้ว เริ่นม่านลี่จึงเพิ่งกลับมาที่บ้าน โดยไม่คิดว่าเมื่อกลับมาถึงแล้วจะพบสามีนั่งอยู่บนโซฟา

“วันนี้คุณไม่มีฝึกซ้อมเหรอ ทำไมถึงกลับมาเร็วจัง?”

เหยาอี้หนิงได้ยินแล้วก็ตอบกลับ “พรุ่งนี้ผมมีภารกิจ ก็เลยต้องรีบกลับมาเพื่อเตรียมตัวสักหน่อย” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็หันมองเริ่นม่านลี่แล้วเอ่ยถาม “แล้ววันนี้ทำไมคุณถึงกลับมาเร็วเหมือนกันล่ะ”

“ฉันไม่มีสอนแล้ว ก็เลยกลับมาก่อน แต่ตอนที่ฉันเพิ่งกลับมาเห็นฉินมู่หลานกับพ่อแม่สามีของหล่อนเหมือนจะกำลังเดินทางกลับไปบ้านเกิดนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยาอี้หนิงก็ตกใจ “กลับไปบ้านเกิดเหรอ ถ้าอย่างนั้นแล้วเซี่ยเจ๋อหลี่ล่ะ?”

เริ่นม่านลี่ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้อยู่ด้วย เดาว่าน่าจะกลับไปกันแค่สามคน”

เหยาอี้หนิงได้ยินสิ่งนี้จึงพยักหน้าแล้วเอ่ย “ก็นะ พรุ่งนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ต้องออกไปทำภารกิจ คงกลับบ้านเกิดไม่ได้อยู่แล้ว”

แต่แล้วความสงสัยก็แวบผ่านเข้ามาในดวงตาของเหยาอี้หนิง

“แล้วทำไมอยู่ ๆ พวกเขาถึงกลับบ้านเกิดกันล่ะ?”

“เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉินมู่หลานไม่ได้อธิบายอะไรละเอียด” และหลังจากเริ่นม่านลี่ได้ฟังคำพูดสามี ก็สงสัยไปด้วย “พรุ่งนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ออกไปทำภารกิจ หรือว่าคุณสองคนจะต้องไปด้วยกัน?”

เหยาอี้หนิงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใช่แล้ว พรุ่งนี้พวกผมจะต้องไปร่วมทำภารกิจกับพวกมัน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดการ”

อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉินมู่หลาน เหยาจิ้งจือ เซี่ยเหวินปิงทั้งสามคนมาถึงสถานีรถไฟ ชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าก็เดินตรงมาหาพวกเขา

ทันทีที่เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงเห็นชายคนนั้นเดินมาหาพวกเขา ในใจก็เริ่มตึงเครียด จากนั้นทั้งสองก็ก้าวมาบังหน้าฉินมู่หลานโดยเร็ว

ผู้ชายตรงหน้าดูท่าทางเหมือนคนไม่ดี ไม่ใช่แค่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าเท่านั้น แต่สีหน้ายังดูอาฆาตแค้นเหมือนกำลังอารมณ์ไม่ดี หรือว่าคนผู้นี้มาเพื่อจัดการพวกเขากันนะ แต่ที่นี่มีคนเยอะมาก นอกจากนี้ก็ยังดูโจ่งแจ้งเกินไปด้วย

หวังหู่ปรากฎตัวขึ้นทันเวลาพอดี ก่อนจะอธิบายให้ทั้งสามได้ฟัง “เขาคือโหยวหย่ง เป็นคนที่หัวหน้าหามา ที่อยากจะให้ไปกับพวกเราครับ”

หลังจากมาถึงสถานี หวังหู่กับเหวินเฉียนก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างเด่นชัด คนที่หมู่บ้านชิงซานไม่มีใครรู้เรื่องของพวกเขา เมื่อถึงเวลาก็บอกว่าเป็นญาติของตระกูลเซี่ยก็พอ นอกจากนี้ครั้งล่าสุดที่คอยคุ้มกันเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิง พวกเขาก็ได้ปรากฎตัวให้เห็นแล้ว หากมีผู้ใดอยากขุดคุ้ยก็คงได้ทราบไปแล้ว ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เมื่อได้ยินสิ่งที่หวังหู่พูด เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็พากันตกใจ ผู้ชายหน้าตาน่ากลัวเหมือนคนไม่ดีนี่คือคนที่ลูกชายจ้างมาปกป้องพวกเขาหรอกหรือ นี่…ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรเลย

ฉินมู่หลานไม่รู้สึกอะไรเลย เธอพยักหน้าให้โหยวหย่งแล้วพูดว่า “ต้องขอรบกวนคุณด้วยนะคะ”

โหยวหย่งมองฉินมู่หลานอย่างละเอียด สายตาของเขาฉายแววว่าอยากรู้อยากเห็นเรื่องเธอ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่เซี่ยเจ๋อหลี่จอมเย็นชานั่นจะแต่งงานแล้ว และเร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะได้เป็นพ่อคน เขาจึงรู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย

เพียงแต่เมื่อเห็นใบหน้าแสนสวยและบุคลิกท่าทางสงบเสงี่ยมมีน้ำใจของฉินมู่หลาน เขาก็คิดขึ้นอีกครั้งว่าไม่น่าแปลกใจ พี่สะใภ้ที่อยู่ตรงหน้าช่างแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นอย่างเห็นชัด

“พี่สะใภ้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ต่อไปผมจะคอยตามติดพวกคุณ” ขณะเอ่ยก็หันไปทักทายเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงอีกครั้ง

“สวัสดีครับ”

ครั้นเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงทราบว่าโหยวหย่งมาที่นี่เพื่อคอยคุ้มกันพวกเขา ก็ไม่รู้สึกกลัวแล้ว พลางยกยิ้มแล้วเอ่ยทักทาย

หลังจากที่โหยวหย่งได้พบกับพวกของฉินมู่หลาน คนกลุ่มหนึ่งก็พากันขึ้นรถไฟทันที เนื่องจากฉินมู่หลานกำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่จึงไม่ลืมที่จะใช้เส้นสายซื้อตั๋วที่นอนให้ ฉินมู่หลานจึงไม่รู้สึกเมื่อย เพียงแต่ในใจยังคงกังวลเรื่องฉินเจี้ยนเซ่อ จึงไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไรนัก

เหยาจิ้งจือเห็นสีหน้าตึงเครียดของฉินมู่หลานแบบนั้น ก็รีบเอ่ยปลอบใจ “มู่หลาน เธออย่ากังวลไปเลย พ่อเธอต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ก็พยักหน้าแล้วเอ่ย “ค่ะ พ่อฉันต้องไม่เป็นไร”

หลังจากรถไฟเข้าสู่มณฑลซานตง ไม่นานก็มาถึงเขตเต๋อแล้ว หลายคนจึงลงจากรถไฟแล้วรีบมุ่งหน้าจากเมืองตรงไปที่หนิงเจิ้น

“พ่อคะ แม่คะ ตอนนี้พ่อของฉันอยู่ที่โรงพยาบาลในเมือง เดี๋ยวฉันขอไปดูก่อน พวกพ่อกับแม่กลับบ้านกันก่อนก็ได้ค่ะ” ฉินมู่หลานร้อนใจยิ่งนัก อยากจะไปดูฉินเจี้ยนเซ่อเสียก่อน

เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงได้ยินเช่นนั้น ก็รีบพูดขึ้นทันที “มู่หลาน พวกเราจะไปกับเธอด้วย”

โหยวหย่งที่ตามติดอยู่จข้าง ๆ เอ่ยพูดขึ้น “ไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละครับ ถ้าแยกกันไป ผมกับพวกหวังหู่ก็จะต้องแยกกัน หากเป็นอย่างนั้น เราก็จะกระจัดกระจายกัน”

เมื่อเห็นโหยวหย่งเอ่ยแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่พูดอะไรอีก แล้วพาคนกลุ่มหนึ่งตรงไปที่โรงพยาบาล

เมื่อฉินมู่หลานมาถึงโรงพยาบาล ก็บังเอิญพบหลี่เฉิงต้งพอดี “หมอหลี่คะ พ่อของฉันพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ คุณพอจะทราบไหมคะว่าเขาพักอยู่ที่ไหน?”

หลี่เฉิงต้งเห็นฉินมู่หลานมา ตอนแรกก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย จากนั้นก็รีบพูด “ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะพาคุณไป”

ฉินมู่หลานกับคนอื่นตามหลี่เฉิงต้งไปที่ห้องพักผู้ป่วยของฉินเจี้ยนเซ่อ ซูหว่านอี๋กำลังอยู่ดูแลเฝ้าไข้ เมื่อเห็นลูกสาวกลับมา สีหน้าก็พลันประหลาดใจ แต่ไม่นานนักก็รีบก้าวเดินไปหาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะบอกกล่าว “มู่หลาน ในที่สุดลูกก็มา พ่อของลูกเขา…ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย หมอบอกว่าอาการบาดเจ็บสาหัสมาก ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ บางทีอาจจะไม่ฟื้นอีกแล้วก็ได้”

หลังจากพูดจบ ซูหว่านอี๋ก็เริ่มร้องไห้ทันที

เหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงได้ยินดังนี้ก็พากันตกใจ พวกเขาไม่คิดเลยว่าอาการบาดเจ็บของญาติสะใภ้จะรุนแรงขนาดนี้

ฉินมู่หลานเห็นแล้วว่าฉินเจี้ยนเซ่อบาดเจ็บสาหัส เธอตบไหล่ซูหว่านอี๋เบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่คะ ไม่ต้องร้อง ฉันขอดูพ่อหน่อยค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว ซูหว่านอี๋ก็รีบพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ ๆ มู่หลาน ลูกรีบดูพ่อหน่อยเร็ว ว่าเขายังฟื้นได้อยู่ไหม”

โหยวหย่ง หวังหู่ และเหวินเฉียนที่ตามอยู่ข้างหลังก็หันมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจ

เพราะหมอบอกว่าอาการของฉินเจี้ยนเซ่อสาหัสมาก อาจจะไม่สามารถฟื้นได้แล้ว แต่คนแม่กลับหันมองพี่สะใภ้ด้วยท่าทางเปี่ยมหวัง ขนาดหมอยังทำอะไรไม่ได้ แล้วพี่สะใภ้จะทำอะไรได้อย่างนั้นหรือ

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

บางทีก็ตัดสินคนจากหน้าตาไม่ได้จริงๆ เห็นหน้าทรงโจรอาจจะใจดีก็ได้

ไม่รู้อะไรซะแล้ว มู่หลานเก่งวิชาแพทย์มากนะ ที่ยัยเจ๋อนอนเป็นผักส่วนหนึ่งก็เป็นฝีมือของมู่หลาน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท