ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 196 ฉินเจี้ยนเซ่อฟื้น(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 196 ฉินเจี้ยนเซ่อฟื้น(1)

ตอนที่ 196 ฉินเจี้ยนเซ่อฟื้น(1)

หลังจากฉินมู่หลาน หมอหลี่และพยาบาลหวงออกจากห้องผ่าตัด ซูหว่านอี๋ เหยาจิ้งจือและคนอื่น ๆ ที่รออยู่ข้างนอกก็รีบวิ่งกรูเข้าไปหาทันที ซูหว่านอี๋กำลังจะเอ่นถามเรื่องสามี เพียงแต่เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของลูกสาว จึงกังวลเรื่องลูกสาวอีกครั้ง “มู่หลาน ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เหยาจิ้งจือที่อยู่อีกด้านก็กังวลเช่นกัน จากนั้นก็เอ่ยถามด้วย

ฉินมู่หลานส่ายหัว แล้วเอ่ย “หนูไม่เป็นไรค่ะ การผ่าตัดของพ่อใกล้เสร็จแล้ว พวกเราพาเขากลับไปที่ห้องพักฟื้นก่อนเถอะค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหว่านอี๋ก็รีบเอ่ย “ใช่ พวกเรารีบกลับไปกันก่อน”

หลังจากฉินเจี้ยนเซ่อถูกส่งตัวกลับไปที่ห้องพักฟื้น ทุกคนก็ได้ทราบว่าการผ่าตัดสำเร็จด้วยดี

หลี่เฉิงต้งที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นทันที “ฝีมือการรักษาของหมอฉินยอดเยี่ยมมากเลย รักษาอาการบาดเจ็บแบบนั้นได้ด้วย สุดยอดไปเลย”

เมื่อได้ไปเห็นการผ่าตัดของฉินมู่หลานด้วยตาตัวเอง เขาก็อยากจะป่าวประกาศว่ามันยอดเยี่ยมมากแค่ไหน หมอฉินอายุยังน้อย แต่ฝีมือการรักษาดีมากจริง ๆ

เมื่อเห็นหลี่เฉิงต้งตื่นเต้นแบบนี้ พยาบาลหวงก็พอจะเข้าใจได้ หล่อนเองก็ชื่นชมฉินมู่หลาน เพียงแต่หล่อนเป็นผู้หญิงจึงสงวนท่าทีนิดหน่อย เมื่อเห็นหน้าของฉินมู่หลานดูซีดลงเล็กน้อย จึงอดจะเอ่ยแนะไม่ได้ “หมอฉินคะ อยากให้คุณหมอตรวจดูสักหน่อยไหมคะ ฉันว่าคุณคงเหนื่อยนิดหน่อยนะคะ”

คนอื่นที่ได้ยิน ต่างพากันหันมองฉินมู่หลาน ก่อนจะพบว่าสีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีนัก จึงรีบเอ่ยตามมาติด ๆ “ใช่แล้วมู่หลาน ให้หมอลองตรวจดูเถอะ”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น ก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูแค่เหนื่อยนิดหน่อย พักผ่อนเดี๋ยวก็หายค่ะ”

โหยวหย่งเอ่ยขึ้นได้ถูกจังหวะพอดี “พวกเราไปหาห้องพักกันก่อนดีไหมครับ จะได้ให้พี่สะใภ้ได้พักผ่อนเต็มที่”

เมื่อได้ยินคำพูดของโหยวหย่ง ซูหว่านอี๋ก็หันมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย หล่อนไม่รู้จักสามคนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักคน ไม่รู้ว่ารู้จักลูกสาวของหล่อนได้อย่างไร

เหยาจิ้งจือที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอธิบาย “ญาติสะใภ้ สามคนนี้เป็นคนตระกูลเซี่ย ตอนที่พวกเรากลับมา บังเอิญเจอกันพอดี จึงมาด้วยกัน”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เหยาจิ้งจือบอก ซูหว่านอี๋จึงเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม “สวัสดีทุกคนนะคะ”

“สวัสดีครับคุณป้า”

โหยวหย่งและหวังหู่รวมถึงเหวินเชี่ยนต่างก็เอ่ยทักทายเช่นกัน จากนั้นโหยวหย่งก็ตรงไปที่บ้านพัก หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็บอกให้ฉินมู่หลานได้ไปพักผ่อน

ก่อนที่ฉินมู่หลานจะกลับไป ก็หันไปอธิบายให้ซูหว่านอี๋กับฉินเคอวั่งฟังก่อน “พวกแม่กับน้องต้องดูแลพ่ออย่างใกล้ชิดนะคะ ถ้ามีอะไรก็แจ้งหมอหลี่ได้เลย”

ซูหว่านอี๋รีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าวทันที “มู่หลาน พวกเราเข้าใจแล้ว ลูกรีบไปพักผ่อนเถอะ”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูมาใหม่นะคะ”

ฉินมู่หลานรู้สึกเหนื่อยมาก จึงตามโหยวหย่งกับคนอื่นไป เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็ไปด้วยเช่นกัน ทั้งสองตัดสินใจที่จะยังไม่กลับหมู่บ้านในตอนนี้ จนกว่าลูกสะใภ้คนเล็กจะกลับ พวกเขาจึงค่อยกลับด้วย

ทันทีที่ฉินมู่หลานมาถึงห้องพัก ก็ทิ้งตัวนอนลง สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้คือพักผ่อนอย่างเต็มที่

อีกด้านหนึ่ง ณ โรงพยาบาลในเมือง

หลังจากฉินมู่หลานไปแล้ว หมอทุกคนต่างก็ได้ยินข่าว ทุกคนจึงมารวมตัวรุมล้อมถามหมอหลี่กับพยาบาลหวง “การผ่าตัดฉินเจี้ยนเซ่อสำเร็จจริงหรือ? เชื่อมเอ็นข้อมือได้หรือเปล่า?”

แต่ก่อนที่หลี่เฉิงต้งจะทันได้พูดอะไร พยาบาลหวงก็เอ่ยแทรกขึ้นก่อน “ใช่แล้วค่ะ หมอฉินเก่งมาก หล่อนลงมือทั้งทีต้องไม่มีอะไรผิดพลาดอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ชวนพวกคุณเข้าไปดูด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่ไปกัน พวกคุณพลาดโอกาสได้ชมการผ่าตัดที่แสนยอดเยี่ยมกันแล้วล่ะค่ะ”

โรงพยาบาลในเมืองของพวกเขาแทบไม่มีการผ่าตัดใหญ่อะไรเลย ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงการผ่าตัดเล็ก วันนี้หล่อนได้เปิดโลกมาก หมอหญิงคนนี้มีฝีมือน่าทึ่งเหลือเกิน การผ่าตัดที่ตอนแรกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายก็ทำได้สำเร็จ

หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของพยาบาลหวงแล้ว ก็หันมองหลี่เฉิงต้ง ก่อนจะเอ่ยถาม “การผ่าตัดยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ยอมเยี่ยมอยู่แล้ว พวกคุณพลาดแล้ว จากนี้ก็คงต้องเสียใจไปทั้งชีวิต”

เมื่อเอ่ยจบ หลี่เฉิงต้งก็รู้สึกประหนึ่งตนเป็นผู้โชคดี ช่างเป็นพรจากสวรรค์ที่ทำให้ได้พานพบฉินมู่หลาน วันนี้ได้เห็นการผ่าตัดแบบนี้ ช่างโชคดีเป็นไหน ๆ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็เชื่อแบบนั้น แต่ก็ยังมีข้อกังขาให้คิดสงสัย

แต่หลี่เฉิงต้งเหลือบมองทุกคน ก่อนจะพูดขึ้น “รอให้ฉินเจี้ยนเซ่อฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วพวกคุณจะรู้ว่าหมอฉินเก่งแค่ไหน”

“ก็ใช่ ถ้าฉินเจี้ยนเซ่อฟื้นขึ้นมาได้จริง ๆ แผลของเขาก็คงหายได้จริง ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าฝีมือการรักษาของฉินมู่หลานไม่ธรรมดา”

“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งหวังอะไรมากเลย มาดูกันก่อนเถอะว่าฉินเจี้ยนเซ่อจะฟื้นขึ้นมาได้ไหม”

ขณะที่ในโรงพยาบาลมีชีวิตชีวามาก ทางด้านของฉินมู่หลานกลับเงียบสงบ หลังจากเธอนอนหลับอย่างสบายแล้วก็ได้ลุกขึ้นมาด้วยอาการสดชื่อ ขณะเดียวกันเธอก็เขียนใบสั่งยาแล้วส่งให้เหวินเชี่ยนก่อนจะเอ่ยว่า “เหวินเชี่ยน รบกวนคุณไปซื้อตัวยาพวกนี้มาให้ฉันหน่อยค่ะ ฉันว่าจะต้มยาให้พวกคุณด้วยค่ะ”

เหวินเชี่ยนรับใบสั่งยาไป ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูด “พี่สะใภ้ ผมจะรีบไปซื้อให้เดี๋ยวนี้เลยครับ”

หลังจากที่เหวินเชี่ยนนำยามาแล้ว เหยาจิ้งจือก็เดินเข้ามารับช่วงต่อทันที ขณะเดียวกันก็มองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถามด้วยความกังวล “มู่หลาน เธอไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหม ถ้าไม่เป็นไรแล้วทำไมต้องกินยาด้วย”

“แม่คะ ฉันไม่เป็นไรจริง ๆค่ะ ยานี้เอาไว้บำรุงร่างกาย ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ”

เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ดูดีขึ้นมากแล้ว เหยาจิ้งจือจึงไม่เอ่ยถามอะไรมากมายอีก จนกระทั่งปรุงยาเสร็จ ก็ให้ฉินมู่หลานดื่มทันที

ฉินมู่หลานดื่มยาแล้ว ก็คิดจะไปโรงพยาบาลอีกครั้ง

เหยาจิ้งจือเห็นดังนั้นก้รีบเอ่ยทันที “มู่หลาน วันนี้เธอเหนื่อยมากแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้เธอค่อยไปโรงพยาบาลดีไหม เธออย่าเป็นห่วงเลย เดี๋ยวฉันกับพ่อเธอจะไปดูให้เอง”

เมื่อเห้นทางบ้านสามีเป็นห่วงมาก ฉินมู่หลานก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เมื่อเหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงกำลังจะออกเดินทาง โหยวหย่งกับคนอื่น ๆ ก็ไปกับพวกเขา และมีเหวินเชี่ยนคอยดูแลฉินมู่หลาน

“เหวินเชี่ยน เมื่อกี้ตอนที่คุณไปรับยา มีใครสะกดรอยตามคุณบ้างไหมคะ?”

เหวินเชี่ยนส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ไม่มีนะครับ ไม่รู้สึกว่ามีใครตามเลย”

หลังจากพูดจบ เหวินเชี่ยนก็มองฉฺนมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ คุณสงสัยว่าจะมีคนมาลงมือกับพวกเราหรือครับ?” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ฉินมู่หลานไม่ได้ปฏิเสธ พร้อมทั้งพยักหน้ายอมรับตามตรง “ใช่ค่ะ พ่อของฉันก็มาบาดเจ็บได้ถูกเวลาพอดีเลย ฉันเลยสงสัยว่าจะมีใครล่อพวกเรามาที่นี่”

เหวินเชี่ยนนึกไปถึงเรื่องหญิงชรากับซุ่ยฮวาก่อนหน้านี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วงครับ พวกเราจะคุ้มกันพวกคุณเอง นอกจากนี้โหยวหย่งก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกเราไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอนครับ”

เมื่อเห็นเหวินเชี่ยนพูดถึงโหยวหย่งด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะถาม “โหยวหย่งคนนั้นเก่งมากเลยหรือ?”

“ใช่ครับ เขาเก่งมาก สู้หนึ่งต่อสิบได้สบายเลย สุดยอดมากจริง ๆ ครับ”

ในตอนนี้ ฉินมู่หลานก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย

“โหยวหย่งเก่งมากขนาดนั้น แล้วทำไมถึงได้ออกจากกองทัพล่ะ เขาเป็นคนเก่งขนาดนั้น ไม่มีเหตุผลจะต้องเปลี่ยนสายงานเลยนี่นา”

เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เหวินเชี่ยนก็ดูลังเลที่จะเล่านิดหน่อย แต่สุดท้ายก็เล่าให้ฟังจนได้

“ตอนที่โหยวหย่งอยู่ในกองทัพก็สร้างผลงานเอาไว้ไม่ธรรมดา ได้เลื่อนตำแหน่งเร็วมาก แต่มีครั้งหนึ่งเขาได้รับภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมาก คนร้ายหลุดไปได้หนึ่งคน หลังจากนั้นหมอนั่นก็คอยแอบสะกดรอยตามโหยวหย่งมาตลอด สุดท้ายมันก็สืบเรื่องของโหยวหย่ง แล้วลักพาตัวคนในครอบครัวของเขาไป ก่อนจะลงมือสังหารครอบครัวของเขาอย่างเหี้ยมโหดต่อหน้า และโหยวหย่งตอนนั้นที่โดนยั่วยุก็กระทืบหมอนั่นจนตาย”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คิดเหมือนกันเลยว่าคนเมืองหลวงต้องจงใจทำร้ายพ่อมู่หลาน ให้มู่หลานต้องกลับบ้านเกิด ระหว่างทางกลับก็ลงมือเก็บเงียบๆ แบบไม่มีใครรู้

ชีวิตโหยวหย่งก็น่าสงสารเหมือนกันนะ คนในครอบครัวโดนฆ่าต่อหน้ายังไงก็ต้องหลอนไปตลอดชีวิตอะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท