ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 204 เป็นเช่นนี้นี่เอง (1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 204 เป็นเช่นนี้นี่เอง (1)

ตอนที่ 204 เป็นเช่นนี้นี่เอง (1)

เย่เสี่ยวเหอได้ยินคำพูดนี้ของแม่ก็พลันจ้องมองด้วยความสงสัยเล็กน้อย “จริงหรือคะ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกว่าไม่ไปหรอกเหรอ”

“แน่นอนว่าจริง ครั้งนี้เฉียนกุ้ยจือเป็นคนไปชวน เหยาจิ้งจือก็เลยตอบตกลง” ขณะเอ่ยประโยคสุดท้าย หวังหม่านจูก็รู้สึกเคืองไม่น้อย ตอนตนเองไปชวน เหยาจิ้งจือบอกปฏิเสธ แต่เมื่อเฉียนกุ้ยจือเอ่ยปากชวน อีกฝ่ายกลับตอบตกลง นี่แสดงว่าคงจะไม่พอใจหล่อนสินะ

เย่เสี่ยวเหอได้ยินคำพูดนี้กลับยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับกล่าว “ไปก็ดีแล้วค่ะ”

อย่างไรก็ตามเมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย เย่เสี่ยวเหอก็มองหวังหม่านจูอย่างเคืองๆ และเอ่ย “ทำไมแม่ต้องให้คนลากรถขนอิฐกลับมาด้วย แม่อยากให้คนในหมู่บ้านรู้ว่าครอบครัวของพวกเรามีเงินใช่ไหม”

ครั้นได้ยินคำพูดนี้ หวังหม่านจูกลับเอ่ยอย่างไม่แยแส “แล้วจะเป็นอะไรไป หลายปีมานี้พวกเราเก็บเงินมาได้บางส่วน เมื่อถึงตอนนั้นก็บอกคนอื่นว่าพวกเรานำเงินที่เก็บสะสมมาตลอดหลายปีมาสร้างบ้านก็พอแล้ว แกก็เห็นว่าบ้านพวกเราโทรมขนาดไหน แต่พ่อของแกไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นฉันสร้างบ้านใหม่ไปตั้งนานแล้ว”

เย่เสี่ยวเหอได้ยินเช่นนั้นพลันเอ่ย “งั้นเมื่อถึงเวลานั้นแม่กับพ่อก็อย่าหลุดปากแล้วกัน บอกกับคนนอกว่าบ้านนี้สร้างขึ้นด้วยเงินเก็บของพวกคุณ”

“ได้ๆๆ ฉันเข้าใจแล้ว”

ได้ยินคำพูดนี้ของฉินมู่หลาน หัวใจของเหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงพลันกระชับแน่น รู้สึกว่าท่าทางของสะใภ้เล็กนั้นจริงจังเล็กน้อย กระนั้นทั้งสองคนก็ยังเดินตามไป

โหยวหย่งยังไม่ค่อยคุ้นชินกับการที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวหย่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไรและเดินตามไปยังห้องอาหาร ผู้คนภายในบ้านกินข้าวด้วยกันอย่างครื้นเครง จากนั้นฉินมู่หลานจึงหาโอกาสคุยกับเหยาจิ้งจือ

ฉินมู่หลานไม่ได้ปิดบังสิ่งใดและเอ่ยเข้าประเด็น “แม่คะ ไม่ใช่ว่าป้าเฉียนอยากนัดแม่เข้าเมืองพรุ่งนี้หรอกนะคะ ฉันสงสัยว่ามีคนจงใจนัดแม่ออกไปค่ะ”

เซี่ยเหวินปิงมองสะใภ้คนเล็กด้วยท่าทางตกประหม่าเช่นกัน

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเหยาจิ้งจือพลันเปลี่ยนไปและเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “หรือว่า……กุ้ยจือถูกคนซื้อตัวไปแล้วงั้นเหรอ?”

“หวังหม่านจูเหรอ?”

เหยาจิ้งจือขมวดคิ้วและเอ่ยพึมพำ “เป็นไปได้หรือเปล่าวว่าครอบครัวของพวกเขายังคงเกลียดพวกเราเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ พวกเขาเลยต้องการทำอะไรบางอย่างและนัดฉันเข้าไปภายในเมือง”

ฉินมู่หลานกลับส่ายศีรษะและเอ่ย “แม่คะ แม่ลืมแล้วหรือเปล่า ป้าเฉียนมานัดแม่ก็เป็นเพราะหวังหม่านจูเอ่ยเตือนหล่อน ก่อนหน้านี้หวังหม่านจูก็มาหาแม่ พอเห็นแม่ไม่ตอบตกลงก็ให้ป้าเฉียนมาหาแม่ ดังนั้นน่าจะเป็นหล่อนที่อยากนัดแม่เข้าไปในเมือง”

ฉินมู่หลานไม่ได้ปิดบังสิ่งใดและเอ่ยเข้าประเด็น “แม่คะ ไม่ใช่ว่าป้าเฉียนอยากนัดแม่เข้าเมืองพรุ่งนี้หรอกนะคะ ฉันสงสัยว่ามีคนจงใจนัดแม่ออกไปค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเหยาจิ้งจือพลันเปลี่ยนไปและเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “หรือว่า……กุ้ยจือถูกคนซื้อตัวไปแล้วงั้นเหรอ?”

เซี่ยเหวินปิงมองสะใภ้คนเล็กด้วยท่าทางตกประหม่าเช่นกัน

ฉินมู่หลานกลับส่ายศีรษะและเอ่ย “แม่คะ แม่ลืมแล้วหรือเปล่า ป้าเฉียนมานัดแม่ก็เป็นเพราะหวังหม่านจูเอ่ยเตือนหล่อน ก่อนหน้านี้หวังหม่านจูก็มาหาแม่ พอเห็นแม่ไม่ตอบตกลงก็ให้ป้าเฉียนมาหาแม่ ดังนั้นน่าจะเป็นหล่อนที่อยากนัดแม่เข้าไปในเมือง”

“หวังหม่านจูเหรอ?”

เหยาจิ้งจือขมวดคิ้วและเอ่ยพึมพำ “เป็นไปได้หรือเปล่าวว่าครอบครัวของพวกเขายังคงเกลียดพวกเราเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ พวกเขาเลยต้องการทำอะไรบางอย่างและนัดฉันเข้าไปภายในเมือง”

เซี่ยเหวินปิงคิดไปไกลกว่านั้น ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เผชิญกับอันตราย แถมยังเป็นตอนที่อยู่ต่างเมืองด้วย “มู่หลาน เป็นไปได้หรือเปล่าว่ามีคนติดสินบนครอบครัวผู้ใหญ่บ้านแล้ว?”

“พ่อคะ อันที่จริงฉันก็คาดเดาแบบนี้ สุดท้ายแล้วจะใช่หรือไม่นั้นก็ต้องดูวันพรุ่งนี้” เมื่อเอ่ยคำพูดสุดท้าย ฉินมู่หลานก็เอ่ยเรื่องการเตรียมพร้อม สุดท้ายหันไปมองเหยาจิ้งจือพร้อมกับเอ่ย “แม่คะ พรุ่งนี้จะเข้าเมืองหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับแม่นะคะ ถ้าหากแม่ไม่อยากไป งั้นพวกเราก็จะไม่ไปค่ะ”

เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนั้น หล่อนมองฉินมู่หลานพร้อมกับเอ่ย “มู่หลาน ฉันจะไป”

พวกเขาไม่อาจถูกกระทำแบบนี้ต่อไปได้ และหล่อนก็อยากเห็นคนที่ต้องการลอบทำร้ายตนลับหลังว่าสุดท้ายแล้วจะใช่คนผู้นั้นที่พวกเขาคาดเดาไว้หรือไม่ ถ้าหากว่าใช่จริงๆ เช่นนั้นก็ควรจัดการให้จบสิ้น

เซี่ยเหวินปิงได้ยินคำพูดนี้ของภรรยา เขาก็เอ่ยทันใด “จิ้งจือ งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปพร้อมกับคุณ”

เหยาจิ้งจือกลับส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นกล่าว “ไม่ต้องหรอก หากคุณไปด้วยอาจทำให้คนอื่นสงสัย กุ้ยจือเพียงแค่ชวนฉันไปซื้อผ้าที่ร้านค้าสหกรณ์ก็เท่านั้น คุณจะตามไปด้วยทำไมกัน”

“แต่ว่า……”

เซี่ยเหวินปิงยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกเหยาจิ้งจือขัดจังหวะ “ไม่มีแต่แล้วค่ะ ไม่ใช่ว่ามู่หลานและเสี่ยวหย่งจัดการวางแผนไว้แล้วหรอกหรือ พรุ่งนี้เสี่ยวเชี่ยนก็ตามฉันเข้าเมืองด้วย แล้วก็ยังมีเสี่ยวหย่งแอบนำกำลังคนตามไปปกป้องพวกฉัน คงไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน”

แม้ว่าจะกล่าวเช่นนี้ แต่เซี่ยเหวินปิงจะไม่รู้สึกกังวลได้อย่างไร

“เอาล่ะ พวกเรารีบกลับไปพักผ่อนกันเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องเจอศึกหนักที่ยากจะรับมืออีกนะ” นัยน์ตาของเหยาจิ้งจือเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พรุ่งนี้จะต้องค้นหาความจริงของเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

เห็นภรรยากล่าวเช่นนี้ เซี่ยเหวินปิงเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก สุดท้ายเขามองฉินมู่หลานและโหยวหย่งพร้อมกับเอ่ยถาม “พรุ่งนี้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วใช่ไหม จิ้งจือจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม”

โหยวหย่งเอ่ยปากในทันใด “ลุงเซี่ยวางใจได้เลยครับ ผมจะปกป้องคุณป้าเป็นอย่างดีและไม่ทำให้คุณป้าตกอยู่ในอันตรายใดๆอย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินคำพูดรับประกันของโหยวหย่ง เซี่ยเหวินปิงพยักหน้าและกล่าว “ดี ฉันเชื่อใจพวกเธอ”

หลังจากเหยาจิ้งจือและเซี่ยเหวินปิงกลับห้องไปพักผ่อน โหยวหย่งเองก็มองฉินมู่หลานและเอ่ย “พี่สะใภ้ คุณเองก็กลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีพวกผมช่วยอยู่”

“ตกลง ลำบากพวกคุณแล้ว”

กระทั่งวันถัดมา เฉียนกุ้ยจือก็มาตั้งแต่เช้าตรู่ หล่อนมองเหยาจิ้งจือด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและเอ่ย “จิ้งจือ เธอกินข้าวเช้าแล้วหรือยัง ถ้ากินแล้วพวกเราออกเดินทางกันเลย”

เหยาจิ้งจือมองใบหน้ายิ้มแย้มและจริงใจของเฉียนกุ้ยจือ จากนั้นยิ้มและเอ่ย “ฉันกินแล้วล่ะ ออกเดินทางได้เลย แต่ว่ามีแค่พวกเราสองคนงั้นเหรอ?”

เฉียนกุ้ยจือได้ยินเช่นนั้นพลันยิ้มและเอ่ย “ใช่ พวกเราสองคน ทำไมเหรอ หรือยังมีใครที่ต้องการไปด้วยหรือเปล่า หรือว่าสะใภ้เล็กของเธอก็อยากไปด้วย ท้องของหล่อนใหญ่ขนาดนั้นจะไปได้เหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือรีบส่ายศีรษะและเอ่ย “ไม่ใช่ มู่หลานไม่ได้ไปหรอก ท้องหล่อนโตขนาดนั้นพวกฉันเองก็ไม่วางใจ เป็นเสี่ยวเชี่ยนที่เข้าเมืองกับฉัน เดิมทีฉันคิดว่าเธอเองก็จะมีคนอื่นไปด้วย”

“ไม่มีแล้ว พอรู้ว่าเธอจะไปด้วยกัน พวกเราก็มีเพื่อนไปด้วยแล้ว ฉันก็เลยไม่ได้ชวนคนอื่นอีก ในเมื่อหลานสาวที่เป็นญาติห่างๆ ของคุณต้องการจะไปด้วย เช่นนั้นพวกเราก็พาหล่อนไปด้วยเถอะ”

“งั้นก็ดีเลย พวกเราออกเดินทางกันเลย”

เหยาจิ้งจือพาเหวินเชี่ยนและเฉียนกุ้ยจือออกเดินทางไปยังตัวเมือง

เซี่ยเหวินปิงเห็นภรรยาออกจากบ้าน นัยน์ตาปรากฏความกังวล ฉินมู่หลานพลันเอ่ยปลอบโยน “พ่อคะ แม่จะกลับมาในเร็วๆ นี้ค่ะ”

เซี่ยเหวินปิงได้ยินเช่นนั้นก็พยายามปรับอารมณ์ของตนเอง จากนั้นมองฉินมู่หลานพร้อมกับเอ่ย “มู่หลาน งั้นฉันเองก็จะไปทำงานที่ทุ่งนา เธออยู่บ้านพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ”

“ค่ะ”

หลังจากเซี่ยเหวินปิงออกจากบ้าน ฉินมู่หลานก็กลับไปยังห้องนอนเพื่อเขียนต้นฉบับ เธอพยายามสงบสติอารมณ์และตั้งใจจดจ่ออยู่กับการเขียนงาน ไม่อย่างนั้นก็จะคอยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แผนซ้อนกลคนร้ายเริ่มแล้ว คุ้มกันแม่สามีมู่หลานให้ดีด้วยนะเสี่ยวหย่ง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท