ตอนที่ 227 แฝดมังกรหงส์(2)
ตอนที่ 227 แฝดมังกรหงส์(2)
เพียงแต่เมื่อทั้งสามคนกินข้าวเสร็จไปสักพักแล้ว คุณแม่ตั้งท้องที่อยู่เตียงข้าง ๆ ก็ยังคงนอนอยู่เพียงลำพัง ไม่มีใครนำข้าวมาให้หล่อนเลย
เหยาจิ้งจือทนไม่ไหว ก่อนจะเอ่ยถาม “สหาย ที่บ้านลืมเอาข้าวมาให้คุณหรือเปล่าคะ ฉันเห็นว่าคุณยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย คุณอยากให้ฉันไปซื้อที่โรงอาหารมาให้ไหมคะ”
บนเตียงด้านข้างมีหญิงสาวหน้าตาซีดเซียวคนหนึ่ง หลังจากได้ยินคำพูดของเหยาจิ้งจือ ก็อดพูดไม่ได้ “นี่…จะรบกวนคุณเกินไปหรือเปล่าคะ”
“ไม่รบกวนหรอกค่ะ”
เหยาจิ้งจือยกยิ้มแล้วส่ายหัวหลังจากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “คนที่บ้านคุณอยู่ไหนล่ะคะ ทำไมคุณถึงอยู่โรงพยาบาลคนเดียว”
“สามีของฉันเพิ่งออกไปทำภารกิจค่ะ ครอบครัวของฉันไม่อยู่กันแล้ว ส่วนครอบครัวสามีก็ไม่ค่อยชอบฉัน ดังนั้นต่อให้ฉันใกล้จะคลอดแล้วพวกเขาก็ไม่มาหรอกค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็รีบเอ่ยทันที “ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ นะคะ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้” ขณะที่พูด หล่อนก็ยืนขึ้นแล้วเอ่ยถาม “คุณมีกล่องข้าวไหมคะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาข้าวมาให้ค่ะ”
“มีค่ะ ขอบคุณนะคะคุณน้า”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”
เหยาจิ้งจือหยิบกล่องข้าวแล้วนำไปรับอาหารที่โรงอาหาร ถึงแม้ว่าจะช้าไปหน่อย แต่ก็โชคดีที่ยังนำผัดกะหล่ำปลีกับเต้าหู้ใส่กล่องข้าวมาได้
หญิงสาวเอ่ยกล่าวด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณค่ะ” จากนั้นเธอก็แนะนำตัวเอง “ฉันชื่อปันเหยา สามีของฉันชื่อสิงเจิ้งหาว อยู่กองทหารหน่วยสองค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “สามีของคุณเป็นทหารหน่วยที่สองนี่เอง ลูกชายของฉันเป็นหัวหน้าหน่วยที่หนึ่งค่ะ บางทีพวกเขาออาจจะรู้จักกันนะคะ” หลังจากพูดจบก็รีบบอกให้ปันเหยารีบกินข้าว
ปันเหยาพยักหน้า แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งกินอาหารคำเล็ก ๆ
เหยาจิ้งจือเห็นแบบนี้ ก็เอ่ยถาม “เมื่อกี้คุณนอนอยู่บนเตียงตั้งนาน รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
“ฉันรู้สึกเจ็บท้องนิดหน่อยตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วค่ะ หมอบอกว่าถ้าปวดท้อง ต้องรอให้อาการปวดชัดมากขึ้น ถึงตอนนั้นปากมดลูกก็จะขยายมากพอที่จะคลอดได้ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยปวดเท่าไหร่แล้ว”
เหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้ ก็อดพูดไม่ได้ “ที่แท้คุณเริ่มปวดท้องแล้วนี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็คงจะใกล้คลอดแล้ว แต่คุณเพิ่งจะมีลูกครั้งแรก คงต้องใช้เวลาสักหน่อย”
ปันเหยาพยักหน้าหลังจากได้ยินแบบนั้น หลังจากค่อย ๆ กินข้าว แต่เมื่อกินเสร็จ ก็เริ่มรู้สึกเจ็บท้องมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมสีหน้าก็ซีดลงด้วย
เหยาจิ้งจือได้ยินเสียงครวญครางมาจากด้านข้าง ก็อดพูดไม่ได้ “ปันเหยา คุณปวดหนักมากขึ้นแล้วเหรอ?”
“อื้ม”
ปันเหยาพยายามพยักหน้า
เหยาจิ้งจือเห็นแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้น “เดี๋ยวฉันไปตามหมอมาดูคุณนะ”
ปันเหยารู้สึกเจ็บปวดมากจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงพยักหน้าให้เหยาจิ้งจือ
หลังจากเหยาจิ้งจือออกไป ซูหว่านอี๋ก็หันมองปันเหยา สีหน้าดูมึนงงอยู่สักครู่หนึ่ง แต่ไม่นานนักก็นึกถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกันขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปลอบปันเหยาอยู่สองคำ จากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ย “มู่หลาน ลูกไม่พักสักหน่อยเหรอ เดี๋ยวแม่จะช่วยดูเตียงข้าง ๆ ก่อน”
“แม่คะ หนูก็นอนอยู่แล้ว แม่ไปคอยดูเตียงข้าง ๆ เถอะค่ะ”
“ได้”
ไม่นานนัก เหยาจิ้งจือก็เดินมาพร้อมกับคุณหมอ หมอตรวจอาการของปันเหยาให้ แล้วเอ่ยบอก “ปากมดลูกเปิดได้แปดนิ้วแล้ว เกือบจะสุดแล้ว ตอนนี้คุณพร้อมคลอดแล้วล่ะค่ะ”
ปันเหยาถูกเข็นไปที่ห้องคลอดทันที
หลังจากเห็นปันเหยาโดนเข็นออกไป เหยาจิ้งจือก็อดถอนหายใจเสียไม่ได้
“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่บ้านสามีปันเหยาเป็นยังไง จวนจะคลอดลูกแล้วก็ไม่มีใครมาเลย ถ้าอย่างนั้นหลังจากเด็กคลอดแล้วจะทำยังไง ใครจะมาช่วยดูแลเด็กได้บ้าง โธ่…ช่างน่าสงสาร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหว่านอี๋ก็รีบเอ่ยทันที
“ญาติลูกเขย รอให้ปันเหยาคลอดเสร็จพวกเราก็ช่วยกันดูแลหล่อนเถอะค่ะ หากไม่มีใครช่วยดูแลหล่อนกับลูกก็ค่อยหาจ้างคนมาดูแลให้หล่อนก็ได้ค่ะ”
เหยาจิ้งจือได้ยินสิ่งนี้ ก็พยักหน้าแล้วพูด “ตกลงค่ะ”
ปันเหยาคลอดลูกชายรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ได้สำเร็จ เพียงแต่หลังจากคลอดก็โดนย้ายตัวไปที่หอพักผู้ป่วยอีกชั้นหนึ่ง เหยาจิ้งจือไปดูสักพัก หลังจากเห็นว่าไมมีใครคอยดูแลปันเหยากับลูก จึงช่วยจ้างคนมาดูแลหล่อนให้ ทำให้ปันเหยารู้สึกซาบซึ้งต่อเหยาจิ้งจือเป็นอย่างมาก
เมื่อถึงตอนเย็น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็มาแล้ว
เขาเห็นว่าภรรยาสบายดีก็รู้สึกโล่งใจ
“เอาเถอะค่ะอาหลี่ คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ฉันอาจจะต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน คงไม่คลอดเร็วขนาดนั้น เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องมาเยี่ยมฉันทุกวันก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พยักหน้า แต่แล้วหลายวันต่อมา เขาก็ยังมาหาอยู่ทุกวัน
หลังจากถึงวันต่อมา ฉินมู่หลานก็ไปทำบีอัลตร้าซาวน์อีกครั้ง ซึ่งหมอเฉาได้บอกกับฉินมู่หลานว่าวันต่อไปก็จะคลอดได้แล้ว
หลังจากปรึกษาหารือกันอย่างเป็นเอกฉันท์ สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะผ่าคลอดให้กับฉินมู่หลาน เพราะการคลอดฝาแฝดอันตรายกว่าคลอดปกติ นอกจากนี้ตำแหน่งของทารกก็ไม่เหมาะกับการคลอดตามธรรมชาติมากนัก จึงตัดสินใจเป็นผ่าคลอดแทน
เซี่ยเจ๋อหลี่ทราบข่าวก็ขอลางานกับหัวหน้าทันที หลังจากนั้นเขาก็คอยมาอยู่ข้างฉินมู่หลาน ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลใจ การผ่าคลอดหมายถึงการเอามีดผ่าเปิดหน้าท้องแล้วนำเด็กออกมา ซึ่งเขาไม่อยากจะนึกถึงขั้นตอนของมันสักนิด สีหน้าจึงดูตึงเครียดมาก
ในทางกลับกัน ฉินมู่หลานก็คอยยิ้มแล้วลูบตบหลังมือของเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หมอเฉากับหมอจ้าวฝีมือดีมาก มีพวกหล่อนสองคนอยู่ด้วย คงไม่เป็นไรหรอก”
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “อื้ม คุณกับลูกจะต้องไม่เป็นไร”
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น หลังจากฉินมู่หลานโดนเข็นเข้าห้องผ่าตัดแล้ว พวกเซี่ยเจ๋อหลี่ก็นั่งรออยู่ข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ แม้แต่เซี่ยเหวินปิงก็เป็นกังวลเช่นกัน เพราะภรรยากับลูกสะใภ้คนโตทุกคนต่างคลอดธรรมชาติกันหมด นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นการคลอดแบบผ่าคลอด จึงรู้สึกว่ามันอันตรายกว่านิดหน่อย
“พอเถอะ อาหลี่ หยุดเดินไปมาซะที ฉันเวียนหัวไปหมดแล้ว”
เหยาจิ้งจือเห็นลูกชายเดินไปมา ก็อดตำหนิขึ้นไม่ได้
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็หยุดชะงักเท้าทันที แต่สีหน้าก็ยังเต็มไปด้วยความกังวลและความตึงเครียด
ซูหว่านอี๋ก็เอ่ยแนะด้วยเช่นกัน “อาหลี่ มู่หลานกับลูกไม่เป็นไรหรอก”
“ครับ ผมรู้”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วตอบกลับ หลังจากที่เขารู้สึกว่ารอมานานมากแล้ว ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นเช่นนั้นจึงรีบก้าวเดินไปข้างหน้าทันที “หมอครับ มู่หลานเป็นยังไงบ้าง”
คนที่ออกมาคือหมอเฉา เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเจ๋อหลี่ ก็ยกยิ้มแล้วตอบกลับ “วางใจค่ะ หมอฉินไม่เป็นไร แต่ยังต้องเฝ้าสังเกตอาการอยู่ข้างในอีกสักสองชั่วโมง ฉันก็เลยจะพาเด็กออกมาก่อน”
หลังจากพูดจบ ใบหน้าของหมอเฉาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วยนะคะ ท้องนี้เป็นแฝดชายหญิง คุณหมอฉินเก่งมากเลยค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้แฝดมังกรหงส์ด้วย นับว่าโชคดีสำหรับตระกูลเซี่ยกับตระกูลฉินแล้ว เพราะต่อไปแต่ละครอบครัวจะมีลูกได้คนเดียวแล้วนะ
ไหหม่า(海馬)