สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 770 ฮูหยินโหดเหี้ยมยิ่งนัก

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 770 ฮูหยินโหดเหี้ยมยิ่งนัก

บทที่ 770 ฮูหยินโหดเหี้ยมยิ่งนัก

“แยกกันค้น หาพวกมันออกมาให้พบ”

หัวหน้าส่งคนมากกว่ายี่สิบคนไปสำรวจชั้นใต้ดิน ทว่าหลังจากรอแล้วรอเล่า พวกเขาก็ไม่เคยกลับมา

เขาสังเกตได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติจึงกวักมือเรียกลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ

“ใต้เท้า มีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”

“ข้าคิดว่าพี่น้องเหล่านั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย ข้างล่างนั่นมีปัญหา พวกเราไม่อาจเร่งรีบลงไปได้ เจ้าพาคนสองสามคนลงไปจุดฟืน ข้าจะดูซิว่าคนพวกนั้นจะไปซ่อนอยู่ที่ใดได้”

ข้างล่างอันตราย เช่นนั้นก็อย่าลงไปที่นั่น หากคนทั้งหมู่บ้านซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง แล้วมีควันลอยเข้าไป แม้ว่าจะไม่สามารถเผาพวกเขาให้ตายได้ แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาขาดอากาศหายใจแล้ว

ครึ่งชั่วยามต่อมา ชั้นใต้ดินเต็มไปด้วยควันลอยอยู่อย่างหนาแน่น แม้กระทั่งทหารที่กำลังจุดฟืนตรงปากทางเข้ายังแทบถูกควันทำให้ตาบอด ทว่าข้างในกลับไม่มีการตอบสนองใด ๆ

ขณะที่หัวหน้ากำลังโกรธแค้นก็มีเสียงไอดังออกมาจากไม่ไกล

หัวหน้ายินดีเป็นอย่างยิ่งและรีบรุดไปพร้อมกับคนของเขา

พอไปถึงตรงนั้นก็เกิดเสียงไอเสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่อื่นอีก

“ใต้เท้า ทางนั้นก็มีคนขอรับ”

หัวหน้าเผยยิ้มหยิ่งผยองออกมา “ดูเหมือนว่าหนูท่อเหล่านั้นจะซ่อนตัวไม่ได้แล้ว พวกเจ้าไปทางนั้น…”

“ใต้เท้า ที่นี่มีทางเข้า…”

“ใต้เท้า ที่นี่ก็มีทางเข้าเช่นกัน…”

“หนูเจ้าเล่ห์พวกนี้ ข้าจะดูซิว่าพวกมันจะหลบซ่อนได้อย่างไร?” หัวหน้าส่งสัญญาณให้คนของเขาเข้าไปจับชาวบ้าน

ครั้นทหารกระโดดลงไปคนแล้วคนเล่า พวกเขาก็เห็นร่างหนึ่งอยู่ตรงหน้า

เหล่าทหารไล่ตามเงาร่างนั้นลงไปยังชั้นใต้ดิน

หัวหน้ามองดูคนของตนกระโดดลงไปเรื่อย ๆ ทว่าผ่านไปเป็นเวลานานกลับไม่เห็นพวกเขาออกมา

เขาร้องอยู่ในใจว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงตะโกนไปที่ทางเข้า “พวกเจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้!”

อย่างไรก็ตาม ทหารเหล่านั้นได้วิ่งไล่ตามคนไปแล้ว

ไม่! บางทีอาจไม่ได้วิ่งไปไกลนัก

เพียงแต่…

ถูกชาวบ้านฆ่าเป็นรางวัลตอบแทนแล้ว

ภายในอุโมงค์ ชายชราผู้หนึ่งใช้พลั่วทุบตีทหารจนหมดสติ จากนั้นก็ยกพลั่วขึ้นแล้วเหวี่ยงลงมาหนัก ๆ หลายครั้ง

เมื่อเห็นคนตายนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ชายชราที่ฆ่าคนเป็นครั้งแรกก็นั่งตัวสั่นเทา

“ผู้เฒ่าซูโถว เป็นอย่างไรบ้าง?” ชาวบ้านคนหนึ่งโผล่ออกมาจากช่องทางอื่น เมื่อเห็นคนตายอยู่ตรงหน้า จึงเอ่ยว่า “ไม่เลวเลย ผู้เฒ่าซูโถว ท่านเอาป้ายเขาไป นั่นเป็นรางวัลของท่าน”

“ข้าฆ่าคนแล้ว!” ผู้เฒ่าซูโถวส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“หากท่านไม่ฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าพวกเรา ท่านเห็นอาวุธในมือเขาหรือไม่? หากหมู่บ้านเราไม่สร้างที่แห่งนี้ขึ้นมา พวกเราก็จะถูกเข่นฆ่าราวกับเดรัจฉาน”

“ใช่! ข้าไม่ฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าข้า!”

“ไปเถอะ ทางนั้นยังมีอีกหลายคน พวกเราไปจัดการสุนัขรับใช้เหล่านั้นกันเถอะ”

การสังหารในอุโมงค์ดำเนินต่อไปอย่างเงียบเชียบ

ลักษณะเส้นทางด้านล่างชาวบ้านล้วนจดจำได้แล้ว แต่สำหรับคนนอก ที่นี่ไม่ต่างอะไรจากเขาวงกต เดิมทีก็ไม่มีทางเข้าใจแม้แต่น้อย

ทหารกว่าร้อยคนลงไปในอุโมงค์ ผลลัพธ์มีเพียงความตายสถานเดียวเท่านั้น

เมื่อหัวหน้ากวาดตามองทหารที่เหลืออยู่ก็รู้ว่าไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป หากยังรั้งอยู่ เกรงว่าจะตายอย่างไรตนเองคงยังไม่ทราบ

สถานที่แห่งนี้ชั่วร้ายยิ่งนัก

“พวกเรากลับ!” หัวหน้ากัดฟันเอ่ยออกมา

ทหารที่เหลือก็หวาดกลัวขึ้นมาเช่นกัน

ตอนที่พวกเขามาถึงครั้งแรก แต่ละคนล้วนลำพองใจ เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ราวกับว่าในอ้อมแขนของพวกเขามีสาวงามและทรัพย์สินเงินทองอยู่แล้วอย่างไรอย่างนั้น

ทว่าเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ พวกเขากลับดูเหมือนพวกขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป

ทหารออกไปจากทางเข้าหมู่บ้าน

พวกเขาวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ราวกับมีวิญญาณอาฆาตไล่ตามมาด้วย

“อ๊ากกกก!”

จู่ ๆ พื้นดินก็หายไป

ร่างพวกเขาตกลงไปทันที

หัวหน้าหยุดฝีเท้าได้ทัน แต่กลับมีตาข่ายขนาดใหญ่ร่วงลงมาจากข้างบนแทน เขาจึงติดอยู่ในตาข่ายขนาดใหญ่นั้น

“ปล่อยข้า! เจ้าพวกคนชั่วช้าที่กล้าแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด! ปล่อยข้า! แน่นักก็มาสู้กันตัวต่อตัวสิ!”

ชาวบ้านที่ซ่อนอยู่ปรากฏตัวออกมาแล้ว

ในกับดักมีคนสิบกว่าคน ในตาข่ายมีคนสิบกว่าคน อีกยี่สิบคนที่เหลือหลุดรอดจากกับดักและตาข่ายไปได้ แต่พวกเขาก็ดูหวาดกลัวและไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย

“ผู้บัญชาการหยาง ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?” ชาวบ้านเอ่ยถามหยางชงผู้บัญชาการที่รับผิดชอบความปลอดภัยของหมู่บ้าน

ด้านหลังหยางชง นอกจากชาวบ้านแล้ว ยังมีทหารนับร้อยที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “พี่น้องทุกท่านอย่าได้กังวล พวกเราจะนำตัวคนเหล่านั้นกลับไป”

เรื่องที่เชลยศึกสามารถทำได้มีมากมายหลายอย่าง

ขอเพียงหัวหน้าถูกกำจัด ทหารคนอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้พวกเขาหวาดกลัวแทบตาย?

โจวเสียงเฟยรอคอยข่าวดีจากผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ในค่าย หลังจากรออยู่เป็นเวลานานก็ไม่มีผู้ใดกลับมา

“ทหาร… ทหาร…”

“ขอรับใต้เท้า!”

“ไปตรวจสอบประเดี๋ยวนี้ เหตุใดพวกเขายังไม่กลับมาอีก?”

ไม่นานนัก หน่วยสอดแนมที่รับผิดชอบเรื่องการสืบข่าวก็กลับมารายงานต่อโจวเสียงเฟย “ใต้เท้า คนของพวกเราที่ส่งออกไปหายตัวไปแล้วขอรับ”

“ว่าอย่างไรนะ?!” สีหน้าของโจวเสียงเฟยแปรเปลี่ยนฉับพลัน “คนทั้งหมดสามพันคน หายไปโดยไม่เห็นแม้แต่เงาอย่างนั้นหรือ?”

“พวกข้าน้อยไปดูตามหมู่บ้านต่าง ๆ เห็นเพียงเปลวไฟลุกโชน และ… กลิ่นของเนื้อย่างลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ…”

“กองกำลังที่พวกเราใช้เวลาฝึกฝนมาห้าปี แม้กระทั่งชาวบ้านธรรมดา ๆ ยังไม่อาจรับมือได้อีกหรือ?” โจวเสียงเฟยถูกความจริงจู่โจมอย่างรุนแรง “คนทั้งเมืองฮู่เป่ยกลายเป็นพยัคฆ์เป็นหมาป่าไปกันหมดแล้วหรือไร?”

“ข้าน้อยไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าพวกเขาพ่ายแพ้ได้อย่างไรขอรับ”

“ไม่มีเสบียง อีกทั้งยังได้รับความเสียหายอย่างหนัก หากใต้เท้าท่านนั้นรู้เข้า เขาจะต้องไม่ปล่อยข้าไปอย่างแน่นอน” โจวเสียงเฟยกำหมัดแน่น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เหลือเพียงบุกโจมตีเท่านั้น พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว! ”

ขอเพียงแค่ยึดเมืองฮู่เป่ยได้สำเร็จ ความสูญเสียก่อนหน้านี้ไม่นับเป็นอะไร เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการล้วนอยู่ในเมืองฮู่เป่ย

ทหารที่ได้รับชัยชนะจากแต่ละหมู่บ้านกลับมายังเมืองฮู่เป่ยพร้อมกับเชลยศึก

มู่ซืออวี่ฟังหัวหน้าร้อยครัวเรือนเหล่านั้นพูดคุยเรื่องการต่อสู้ของพวกเขาด้วยความสนใจ ใบหน้านางประดับด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่พวกเขาเล่าจบ มู่ซืออวี่ก็เอ่ยขึ้น “ก่อนที่พวกท่านจะจากมา ได้บอกชาวบ้านให้อยู่ในชั้นใต้ดินจนกว่าสงครามจะสิ้นสุดลงหรือไม่?”

“ฮูหยินวางใจเถิดขอรับ ชั้นใต้ดินมีฮูหยินเป็นคนออกแบบ ไม่เพียงแต่ระบายอากาศได้ แต่ยังมีแสงสว่างเพียงพอ ข้างล่างมีเสบียงมากมาย ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ที่นั่นสักปีก็ไร้ปัญหา”

“ฮูหยิน เชลยศึกเหล่านั้นจะจัดการอย่างไรดีขอรับ?”

“ผู้ที่ยินดียอมจำนน ผู้ที่ให้ข่าวที่เป็นประโยชน์มากพอ เราก็เก็บชีวิตน้อย ๆ นั้นไว้ หลังสงครามสิ้นสุดลงค่อยจัดการ หากผู้ใดปากแข็งไม่ยินดียอมจำนน เช่นนั้นก็มอบช่วงเวลาดี ๆ ให้กับพวกเขาเถอะ! ท้ายที่สุด อย่างไรเสียพวกเราล้วนเป็นคนจิตใจดีงาม เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่แสวงหาความตาย พวกเราย่อมต้องช่วยให้พวกเขาได้แสดงจิตใจที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีออกมา”

เหล่าทหารนึกไม่ถึงว่ามู่ซืออวี่จะเด็ดขาดมาก หากเป็นสตรีคนอื่นนางคงไม่กล้าฆ่าเชลยศึกมากมายเพียงนี้ แต่ฮูหยินผู้นี้ กลับดูเหมือนไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความเมตตาปรานีอยู่เลย

“อาจารย์ กองทัพของโจวเสียงเฟยไม่มีเสบียง อีกทั้งตอนนี้ แผนการปล้นเสบียงของพวกมันล้มเหลวอีกแล้ว เกรงว่าครั้งนี้มันจะกลายเป็นสุนัขจนตรอก” หลี่กู่หยวนกล่าว

“ไม่ผิด ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม โจวเสียงเฟยจะต้องนำกองทัพบุกโจมตีสุดกำลังเป็นแน่ ดังนั้น พวกท่านพร้อมจะสู้ตายแล้วหรือไม่?”

“พวกเราจะคงอยู่และดับสูญไปพร้อมกับเมืองฮู่เป่ย” ทุกคนตะโกนพร้อมกันเสียงดังกึกก้อง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท