เซี่ยหยางได้รับวัตถุศักดิ์สิทธิ์ากสวรรค์มานานแล้ว ช่วงแรกเขาได้ตรวจสอบทุกพื้นที่อย่างระมัดระวังหลายรอบ นอกจากเจอพันธุ์พืชต่างๆแล้ว ไม่พบร่องรอยการมีชีวิตของสัตว์อื่นๆเลย หลังจากนั้นเขามักจะเข้าๆออกๆระหว่างโลกแห่งหยกกับโลกแห่งความจริง ก็ไม่เคยเจออะไรเหมือนกัน
จู่ๆวันนี้ก็พบเห็นเงาสีดำ ทำให้เขาตกใจมากๆ เขาจับท่อนไม้ในมืออย่างประหม่าและเข้าไปที่ไร่สวรรค์อย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันจิตใจของเขาก็จดจ่อ ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เขาจะออกไปที่โลกแห่งความจริงเพื่อหนีไปก่อน
เงาดำพึ่งแวบหายไป เซี่ยหยางไม่เห็นว่ามันตัวใหญ่แค่ไหน โดยปกติมนุษย์มักจะมีความหวาดกลัวกับสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จัก ขณะนี้มีสายลมพัดมาและมีเสียงดังออกมาจากสวนป่า ทำให้เขาตกใจจนต้องหันหัวกลับไปดู
“ตกใจหมดเลย!”เซี่ยหยางเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก กลืนน้ำลายตัวเอง แล้วเดินขึ้นไปที่เนินเขา มอบอยู่กับพื้น ค่อยๆโผล่หัวออกมาอย่างเงียบๆ มองไปที่ไร่สวรรค์ที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อเขามองไป สิ่งที่เขาเห็น ทำให้เซี่ยหยางรู้สึกกลัวจนหนังศีรษะชาไปหมด
เขาเห็นในไร่สวรรค์ มีหนูสูงประมาณครึ่งเมตรยืนอยู่ อุ้งเท้าด้านหน้าของเขากำลังจับโสมแล้วกินอยู่
แม่งเอ๊ยนี่มันปีศาจชัดๆ!
ถ้าหากสิ่งมีชีวิตนี้ยังอยู่ในโลกแห่งหยกของเขา ไม่ว่าเขาจะปลูกอะไรก็คงโดนกินหมดแน่ๆ!
เมื่อคิดได้ว่าทักษะการต่อสู้ของหนูมันอ่อนมากๆ ความกลัวในใจของเซี่ยหยางก็ลดลง เขาก้าวขาและวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว!
ปีศาจหนูมีประสาทได้ยินที่ดีมาก ชั่วครู่มันก็ได้ยินการเคลื่อนไหลที่อยู่ด้านหลังตัวเอง มันหันหลังมองไปที่เซี่ยหยาง และมันก็เปิดปากและยิ้มออกมา รอยยิ้มของมันแปลกมากๆ จากนั้นมันก็วิ่งหนีไป
“เชี่ยเอ๊ย!”เซี่ยหยางใช้ท่อนไม้ฟาดไปแต่กลับฟาดไม่ถูก หันหลังแล้วรีบไล่ตามไป
ถึงแม้ปีศาจหนูตัวนี้จะตัวใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวของมันไม่ช้าเลย ในทางกลับกันอาจจะเป็นเพราะมันอยู่ในโลกแห่งหยกแล้วได้ดูดกลืนพลังแห่งสวรรค์ แขนขาของมันมีความคล่องตัว การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วเหมือนหนูนา เซี่ยหยางใช้ท่อนไม้ตีไม่ถูกมันเลยสักครั้ง และเขาไล่ตามมันในโลกแห่งหยกเป็นเวลานาน
เซี่ยหยางรู้สึกเหนื่อยมากๆ เขาคิดถึงเจ้าฉาย เขาใช้พลังจิตแล้วออกมาจากโลกแห่งหยก เขารีบวิ่งไปที่สวนมะเขือเทศ
“เจ้าฉาย มานี่!”
“โฮ่งๆ!”เมื่อเจ้าฉายได้ยินเสียงของเซี่ยหยาง มันเห่าออกมา รีบวิ่งมาข้างหน้าของเซี่ยหยาง มันกระดิกหางไปมา เหมือนกำลังถามเจ้าของต้องการให้ช่วยอะไร
“ไป ฉันจะพาแกไปที่โลกแห่งหยก ช่วยฉันจับหนูหน่อย!”ขณะที่เซี่ยหยางพูด มือหนึ่งก็จับไปที่เจ้าฉาย เขาใช้พลังจิตพาเขาและเจ้าฉายเข้าไปในโลกแห่งหยก
หลังจากเข้ามาพวกเขากลับไม่พบปีศาจหนูตัวนั้น
รู้สึกว่ามันจะแอบหนีไปในระหว่างที่เขาออกไปเรียกเจ้าฉายเข้ามาช่วยเหลือ มันซ่อนตัวอยู่ไหน?เซี่ยหยางยืนอยู่ข้างลำธารเล็กๆคบคิดอยู่สักครู่แล้วพูดกับเจ้าฉาย:“เจ้าฉาย มีหนูตัวใหญ่มากตัวหนึ่ง แกลองหาดูสิว่าจะเจอหรือเปล่า?”
เจ้าฉายที่ร่างกายผ่านการชำระด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ทำให้มันมีสติปัญญามากขึ้น มันพยักหน้า จากนั้นใช้จมูกของมันดมหากลิ่นของหนู
ปรากฏว่าทั้งเขาและสุนัขใช้เวลาสองชั่วโมงก็ยังหาปีศาจหนูตัวนั้นไม่เจอ
พื่นที่ทั้งหมดในโลกแห่งหยกไม่ได้กว้างมาก ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็สามารถเดินจนทั่ว แต่ก็ไม่เห็นถ้ำหรือรูหนูอะไรเลย มันไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่?
เซี่ยหยางคิดไม่ออก จู่ๆก็คิดได้ว่าศัตรูตัวฉกาจของหนูคือแมว เขาหาสุนัขมาก็ช่วยอะไรไม่ได้?
หลังจากคิดได้ เซี่ยหยางก็พาเจ้าฉายออกมาจากโลกแห่งหยก ให้มันกลับไปที่สวนผักด้วยตัวเอง
เขาวิ่งกลับไปที่บ้านของตัวเอง แน่นอนบ้านของเขาได้เลี้ยงแมวไว้สองตัว พวกมันกำลังนอนกลางวันอยู่ใต้ต้นไม้
ชนบทมีหนูเยอะ ทุกบ้านในชนบทต่างก็เลี้ยงแมว บ้านของเซี่ยหยางก็เหมือนกัน แมวสีทองสองตัวนี้ซื้อมาจากตลาดในราคาสิบหยวน และเลี้ยงพวกมันมาสองปีแล้ว โดยทั่วไปพวกมันมักจะจับหนูอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่แน่ใจว่าพวกมันจะสามารถจับปีศาจหนูตัวนั้นที่อยู่ในโลกแห่งหยกได้หรือเปล่า
ขณะคิด เซี่ยหยางใช้มือหนึ่งข้างจับแมวหนึ่งตัว แล้วก็พาพวกมันเข้าไปในโลกแห่งหยก
“เหมียว!”
“เหมียว!เหมียว!”
ทันทีที่แมวสองตัวเข้ามาในโลกแห่งหยก รูขุมขนของพวกมันก็เปิดออก พวกมันกระโดดลงพื้นและวิ่งไปที่สนามหญ้าที่อยู่ไม่ไกลแล้วกลิ้งตัวไปมา ใช้จมูกตัวเองดมกลิ่น ดูเหมือนพวกมันจะพยายามดูดกลืนพลังแห่งสวรรค์ จากนั้นแมวทั้งสองตัววิ่งไปดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ในลำธาร พวกมันดื่มแล้วหยุดไม่ได้ เหมือนกับตอนที่เซี่ยหยางดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เลย ต้องดื่มจนแน่นท้อง หลังจากนั้นพวกมันก็วิ่งกลับมาหาเขาอย่างพึงพอใจและนั่งลง พวกมันเริ่มใช้ลิ้นเลียขนของตัวเอง
ถึงแม้เซี่ยหยางจะอยู่ในโลกแห่งหยก แต่พลังจิตของเขาสามารถรับรู้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความจริง นี่เป็นความมหัศจรรย์ของหยกชิ้นนี้ ถ้าไม่สามารถรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของโลกแห่งความจริง ปัจจัยความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายมีสูงมาก
ในขณะที่เขากำลังดูแมวสองตัวที่กำลังเหม่อลอย เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เขารีบใช้พลังจิตแล้วออกมาที่โลกแห่งความจริง
“เถ้าแก่เซี่ย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”ในขณะที่เซี่ยหยางกลับสู่โลกแห่งความจริงแล้วเปิดตา เขาก็เห็นผู้ช่วยเชฟคนหนึ่งวิ่งมาที่บ้านของตัวเอง ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไร เมื่อกี้ฉันคิดอะไรก็เลยเหม่อลอยอยู่”เซี่ยหยางส่งบุหรี่หนึ่งม้วนให้เขา พูดด้วยรอยยิ้ม“อย่าเรียกฉันว่าเถ้าแก่ เรียกชื่อฉันตรงๆก็ได้ คุณวิ่งมาอย่างรีบร้อนไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ที่ร้านอาหารฟาร์มออร์เเกนิคมีลูกค้ามาหลายคน พวกเขาต้องการเจอเถ้าแก่”ผู้ช่วยเชฟคนนั้นรีบตอบ
“เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง?”เซี่ยหยางรู้สึกงุนงงแล้วยืนขึ้นมา แล้วเดินไปที่ร้านอาหารฟาร์มออร์เเกนิค
“ชายสองหญิงสาม”ผู้ช่วยเชฟเดินตามหลังเซี่ยหยางและพูด“ผู้ชายหน้าตาธรรมดา ส่วนผู้หญิง ฉันก็พูดไม่ถูก คุณไปแล้วจะเห็นเอง พวกเขาอาจจะเป็นเพื่อนคุณก็ได้?”
ผ่านไปเจ็ดแปดนาที ทั้งสองคนก็เดินมาถึงร้านอาหารฟาร์มออร์เเกนิค เมื่อผู้ช่วยเชฟเห็นว่าตัวเองพาเถ้าแก่มาถึงที่แล้ว เขาก็วิ่งเข้าประตูด้านข้างไปที่ห้องครัวเพื่อทำงานต่อ
เซี่ยหยางจ้องมองไปที่โต๊ะที่มีร่มอันใหญ่กางอยู่ เห็นชายวัยกลางคนอ้วนลงพุงหนึ่งคนกับชายวัยกลางคนผอมแห้งหนึ่งคน คอของชายวัยกลางคนอ้วนลงพุงคนนั้นสวมใส่สร้อยทองใหญ่เท่ากับตะเกียบ เหมือนพวกอวดรอย
ชายวัยกลางคนผอมแห้งคนนั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ เขาใส่ชุดสูทและรองท้องหนังแล้วพยายามเหลือบมองนาฬิกาโรเล็กซ์ใส่อยู่ในข้อมือเป็นครั้งคราว สายตาของเขาก็มองผู้หญิงสามคนที่นั่งอยู่ข้างๆตลอด
ผู้หญิงสามคนอายุประมาณยี่สิบห้า ทุกคนมีเสน่ห์และรูปร่างเซ็กซี่มากๆ บวกกับพวกเธอใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่ด้วย ทำให้ใครเห็นแล้วก็ไม่สามารถละสายตาได้ ทำให้ทุกคนที่มองต้องคิดฟุ้งซ่าน
เซี่ยหยางพึ่งเดินเข้ามาในร้าน เมื่อเห็นฉากนี้ ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าคนพวกนี้น่าจะเป็นคนที่อยู่ในวงการนักเลง
ผู้หญิงสามคน มีสองคนนั่งอยู่ข้างๆชายร่างอ้วนกับชายผอมแห้ง มีผู้หญิงอีกหนึ่งคนนั่งอยู่คนเดียว ขณะนี้กำลังยืนขึ้นใช้ตะเกียบไปคีบอาหาร สะโพกที่อวดอ้วนถูกห่อหุ้มด้วยชุดเดรสสีขาว ใครเห็นก็ต้องเลือดพุ่งสูบฉีด
เซี่ยหยางกลืนน้ำลายตัวเอง กระแอมออกมา แล้วเดินเข้าไปพูดด้วยรอยยิ้ม:“สวัสดีทุกคน ฉันเป็นเถ้าแก่ของที่นี่ชื่อเซี่ยหยาง ไม่ทราบว่าใช่พวกคุณใช่ไหมที่อยากเจอฉัน?”
“โอ้ คุณเป็นเถ้าแก่ตั้งแต่อายุยังน้อยเลยนะ”ชายวัยกลางคนผอมแห้งที่ใส่สูทหัวเราะแล้วยืนขึ้นมาและพูด“เก่งจริงๆ คุณเก่งมากๆ น้องชายเชิญนั่ง ขอรบกวนเวลาของคุณหน่อย พวกเราคุยกันได้ไหม”
“ไม่ต้องเกรงใจ”เซี่ยหยางยิ้มแล้วนั่งลง สายตาของเขาเริ่มสังเกตทุกคนที่นั่งอยู่
“ฉันมาจากในเมือง ชื่อของฉันคือเฮ่อเซ่าฉุน!”ชายผอมแห้งน่าจะเป็นหัวหน้าของคนเหล่านี้ เขายิ้มและชี้ไปที่ชายร่างอ้วนที่อวดรวยแล้วพูดว่า“คนนี้คือเหล่าเหลียน เขาเป็นสุดยอดเชฟอาหารกวางตุ้ง!”
เฮ่อเซ่าฉุนหันกลับมาแล้วชี้ไปที่ผู้หญิงสามคนที่เซ็กซี่ด้วยรอยยิ้ม เขายิ้มอย่างชัดเจนและพูด:“ผู้หญิงสองคนนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้จักพวกเธอ เพราะพวกเธอชอบชายวัยกลางคนอย่างพวกเรา ส่วนผู้หญิงที่นั่งข้างๆคุณจำเป็นต้องรู้จัก เธอชื่อเข่อเอ๋อ และฉันเคยได้ยินว่าเธอชอบกินหญ้าอ่อนแบบคุณ”
เมื่อพูดจบ หลายคนก็หัวเราะ พวกเขารู้วิธีเอาใจชายร่างผอม
เมื่อกี้ผู้หญิงที่ถูกเซี่ยหยางแอบมองแผ่นหลังตอนนี้แสร้งทำเป็นโกรธและพูด:“ประธานเฮ่อชอบเอาพวกเรามาล้อเลียน”
เซี่ยหยางไม่ค่อยชอบคนพวกนี้ และเกลียดพวกเขาในเวลาอันสั้นเพียงแค่คุยกันไม่ถึงหนึ่งนาที
เขาเกลียดพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้
แม้ว่าผู้หญิงเหล่านี้หน้าตาดี รูปร่างมีเสน่ห์ เนื่องจากพวกเธอเต็มใจที่จะออกมากับผู้ชายสองคนนี้ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเลขาส่วนตัวหรือไม่ก็คงเป็นโสเภณีชั้นสูง เซี่ยหยางแค่คิดก็ไม่มีคำพูดแล้ว
เขาหัวเราะและถามว่า:“ไม่ทราบประธานเฮ่อหาผมมีธุระอะไร?ถ้าไม่มีธุระอะไร พวกคุณเชิญทานอาหารตามสบาย ผมยังมีธุระอย่างอื่นต้องไปจัดการ ผมไม่รบกวนเวลาของพวกคุณแล้ว”
“อือ!มีธุระ มีธุระ มีธุระจริงๆ!”เฮ่อเซ่าฉุนนั่งไขว่ห้าง ปล่อยมือที่กอดไหล่ของผู้หญิงและพูดว่า“ผมได้ยินเรื่องราวของคุณ วันนี้เลยพาเพื่อนๆหลายคนมาลองชิม ไม่คาดคิดเลยรสชาติของว่าผักและเนื้อปลาจะอร่อยขนาดนี้ คุณสนใจจะร่วมทำธุรกิจด้วยกันไหม?”
“ร่วมธุรกิจกับพวกคุณ?”
“ใช่แล้ว” เฮ่อเซ่าฉุนกางมือแล้วพูดอย่างโอ้อวดว่า“ฉันเป็นเจ้าของร้านกินทั่วเมือง คุณเคยได้ยินชื่อร้านนี้ไหม?”
“เคยได้ยิน”เซี่ยหยางพยักหน้า เป็นร้านอาหารอันดับต้นๆของในเมืองก็ว่าได้ เพราะเป็นคนในท้องถิ่น ต้องเคยได้ยินชื่อร้านอาหารนี้แน่นอน
“ร่วมมือกับพวกเราไหม?”เฮ่อเซ่าฉุนมองไปที่ชายอ้วนที่เป็นเชฟ พูดด้วยสีหน้าปกติและมีรอยยิ้ม“ผักสดและเนื้อปลาพวกเราเหมาทั้งหมด ราคาเท่าไหร่คุณพูดมาได้เลย”
“ตอนนี้พวกเราผลิตเยอะขนาดนั้นไม่ได้ ไม่สามารถจัดส่งให้กับร้านอาหารพร้อมกันสองร้านในเวลาเดียวกัน”เซี่ยหยางปฏิเสธทันที ประการแรกคือเขาไม่ชอบกิริยาท่าทางของคนพวกนี้ ประการที่สองคือตอนนี้เขามีความสุขที่ได้ร่วมมือกับร้านฝูหมั่นโหลว“ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
เมื่อชายร่างอ้วนที่เป็นเชฟได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและยิ้มเยาะเย้ย:“พ่อหนุ่มน้อย คิดให้ดีๆ ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา”
ผู้หญิงหลายคนได้ยินคำพูดที่ดุเดือดเลือดพล่าน พวกเธอก็หยุดพูดเล่นทันที และรออย่างเงียบๆ
“เฮ้อ เหล่าเหลียนเป็นคนนิสัยไม่ค่อยดี เซี่ยหยางคุณอย่าไปสนใจเขาเลย”เฮ่อเซ่าฉุนยิ้มและจุดบุหรี่หนึ่งม้วน และพูดกับเข่อเอ๋อ
“เข่อเอ๋อ ยังเหม่อลอยอะไรอยู่?เทเหล้าให้ผู้ชายที่เธอชอบหน่อยสิ!”
“อุ๊ย ต้องขอโทษจริง”เข่อเอ๋อแสร้งทำเป็นตบหน้าอกตัวเอง รีบลุกขึ้นมาและเดินไปข้างหน้าเซี่ยหยางแล้วเทเหล้าให้กับเขา หน้าอกที่ขาวๆของเธอก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยหยาง เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่เย้ายวน ทำให้เขารู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งตัว
เขาเป็นผู้ชายที่ไม่เคยแตะต้องผู้หญิงมาก่อน เซี่ยหยางไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้ เขารีบหยิบแก้วแล้วยืนขึ้นมาและพูด:“ของคุณสำหรับความหวังดีของทุกท่าน แต่ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ไม่สามารถร่วมธุรกิจกับพวกคุณได้”
“ฮ่าๆๆ พวกเราไม่พูดเรื่องร่วมธุรกิจกันอีก พูดแต่เรื่องดื่มเหล้า”เฮ่อเซ่าฉุนหัวเราะออกมา ส่งสายตาให้เข่อเอ๋อ และเธอก็รับรู้ทันทีแล้วนั่งลงข้างๆเซี่ยหยาง เธอพยายามนั่งชิดๆกับเขา แล้วก็เทเหล้าแก้วที่สองให้เซี่ยหยางด้วยรอยยิ้ม