ตอนพิเศษ 103 ทำร้ายร่างกาย
ตอนพิเศษ 103 ทำร้ายร่างกาย
ไท่ฮูหยินเอนหลังพิงหมอน รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา
แม่นมซ่งเดินไปข้างนางหมายจะช่วยนวดขมับให้ ทันทีที่มือของนางแตะหน้าผากไท่ฮูหยิน ก็พบว่าผิวหนังใต้ปลายนิ้วของนางตึงมาก
แม่นมซ่งผงะ นางรู้สึกว่าเส้นประสาทของไท่ฮูหยินตึงเครียดตลอดเวลา
คิดดูแล้วก็นับว่าโชคดีแล้ว ที่ไท่ฮูหยินไม่กระอักเลือดเหมือนคราวที่แล้ว ในตอนที่คุณหนูรองกับคุณหนูสามก่อเรื่อง
แต่การกังวลเรื่องนี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา
“ไท่ฮูหยินเจ้าคะ สุขภาพของท่านเป็นสิ่งสำคัญ อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ตำหนักอ๋องซิวกับจวนหลานก็จะเป็นดองกันแล้ว เพื่อเห็นแก่คุณหนูใหญ่ พวกเขาย่อมยังคงเมตตา ท่านเห็นหรือไม่เจ้าคะว่านายท่านยังคงรักษาหน้าที่การงานเอาไว้ได้?”
ไท่ฮูหยินเงยหน้าขึ้นมองนาง แล้วรู้สึกปวดศีรษะมากขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็พูดเสียงแหบพร่าว่า “ครั้งนี้ยังรอด แต่ครั้งหน้าเห็นทีคงไม่รอด เจ้าคิดว่าตำหนักอ๋องซิวเป็นตำหนักแห่งความเมตตา ชอบสั่งสมบุญกุศลจริงหรือ? ครั้งสุดท้ายที่เด็กสองคนนั้นดูถูกจวิ้นจู่น้อย ซิวหวางเฟยก็จำฝังใจอยู่ตลอด คราวนี้พวกนางวางแผนใส่ร้ายซื่อจื่ออีก เจ้าคิดว่าหากข้าไม่ทำบางอย่างเพื่อลงโทษพวกนาง ซิวหวางเฟยจะปล่อยไปหรือ? ข้าเกรงว่าหมิงเหลียงคงได้พักยาวแบบไม่มีกำหนดเป็นแน่”
“นั่น…” แม่นมซ่งขมวดคิ้ว จะลงโทษอย่างไรดี? ครั้งที่แล้วให้โบยสิบไม้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าครั้งนี้จะเอาให้ถึงตาย?
“ข้าคิดว่าคุณหนูสุ่ยชิงมีความแค้นอยู่ในใจ นางจะให้อภัยได้อย่างไร ในเมื่อนางกับแม่ถูกรังแกแบบนั้นมาก่อน แต่นางก็รู้ว่านางเป็นลูกสาวตระกูลหลาน นางจึงยอมโอนอ่อนให้ และไม่ทำอะไรรุนแรงเกินไป แต่เด็กสองคนนั้นช่างโง่เขลา เมื่อรู้ว่าสุ่ยชิงไม่ใช่อย่างที่เคยเป็น พวกนางก็ยังคงเร่งรีบจัดการนาง เห็นได้ชัดว่าพวกนางกำลังรนหาที่ตายเอง ไม่สามารถโทษคนอื่นได้”
แม่นมซ่งถอนหายใจ “ถูกต้องแล้ว อย่างไรเสียคุณหนูใหญ่ก็ควรรักษาชื่อเสียงตัวเองไว้ หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย นางคงไม่ปล่อยให้คุณหนูรองกับน้องสาว ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แน่นอนเจ้าค่ะ”
ตอนนี้คุณหนูใหญ่ได้รับการปกป้องจากตำหนักอ๋องซิว และตำหนักอ๋องซิวย่อมช่วยรักษาชื่อเสียงของนาง
“สองพี่น้องนั่นไม่อาจอยู่ในจวนหลานได้อีกต่อไป หากพวกนางยังมีแผนอะไรอีก ข้าเกรงว่าไม่ช้าก็เร็ว จวนหลานจะมีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย แม้ว่าสุ่ยชิงจะเป็นว่าที่ฮูหยินของซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิวก็เปล่าประโยชน์ไม่ใช่หรือ? สุดท้ายข้าก็ไม่อาจเสี่ยง ฝากชีวิตของทุกคนในจวนหลานไว้ในมือของพวกนางสองคนได้”
“ไท่ฮูหยินหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?” แม่นมซ่งตกใจจนตัวแข็งทื่อ
“พวกนางโตพอที่จะแต่งงานให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาไปมากกว่านี้”
การแต่งงานเป็นทางออกจริง ๆ หากส่งคุณหนูรองและคุณหนูสามออกไปนอกเรือนแล้ว และมีเรื่องอื่นเกิดขึ้นอีก จวนหลานของพวกนางก็จะได้รับผิดชอบน้อยลง
แต่ว่า…
“ไท่ฮูหยินเจ้าคะ…” แม่นมซ่งรู้สึกลำบากใจ “ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงรู้เรื่องฉาวโฉ่ของคุณหนูทั้งสองแล้ว เกรงว่ามันจะไม่ง่ายไปสักระยะหนึ่งเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินหรี่ตาลง แล้วพูดด้วยความเย้ยหยัน “คนในเมืองหลวงรู้ แต่คนไกลออกไปย่อมไม่รู้ ขาของแม่สื่อซูคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พักฟื้นแล้ว เกือบจะเดินได้ปกติแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนไปหานาง เพื่อเอาเงินคืนจากแม่สื่อ
“หาโอกาสคุยกับแม่สื่อซู แล้วปล่อยให้นางมองหาคนอื่นต่อไป แต่คราวนี้ให้หาสองครอบครัวเลย คนที่จะแต่งงานกลายเป็นคุณหนูรองกับคุณหนูสามแทน ทำให้นางสบายใจว่าเงินค่าแม่สื่อเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับนาง และเราจะจ่ายเป็นสองเท่าให้เร็วที่สุด”
“เจ้าค่ะ” แม่นมซ่งรับปากทันที
ดูเหมือนว่าชะตากรรมของคุณหนูรองกับคุณหนูสามจะต้องจบลงด้วยวิธีนี้
ภายในสองวัน แม่สื่อซูเดินถือไม้ค้ำกะโผลกกะเผลกมาที่จวนหลานอีกครั้ง แล้วเริ่มหารือเรื่องการแต่งงาน
ครั้งนี้ความต้องการของไท่ฮูหยินต่ำกว่าครั้งก่อนมาก ในการวางแผนแต่งงานให้หลานสุ่ยชิงคราวที่แล้ว นางยังคงต้องรักษาหน้าของตระกูลหลาน เพราะอย่างไรเสีย สถานะของหลานสุ่ยชิงที่คนนอกรู้ก็คือเป็นทายาทในตระกูล ดังนั้นแม้ว่าครอบครัวที่นางกำลังมองหาจะอยู่ห่างไกล แต่ก็ต้องมีพื้นเพครอบครัวที่ดี ส่วนเรื่องสภาพแวดล้อมในบ้านจะอึมครึมหรือไม่นั้น ก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของนาง
แต่ตอนนี้ไท่ฮูหยินแค่ต้องการแสดงให้ตำหนักอ๋องซิวเห็น นางจึงไม่คิดมากสำหรับพวกนางสองคน
ยิ่งกว่านั้นคือตอนนี้ทั้งสองก็เป็นเหมือนสินค้าที่มีตำหนิ นางจึงไม่คิดจะตั้งเงื่อนไขพิเศษเพื่อพวกนาง
ตราบใดที่เป็นครอบครัวมีฐานะดี นางก็ไม่สนว่าหน้าตาของฝ่ายชายจะเป็นอย่างไร การต่อสู้ในบ้านดุเดือดเพียงใด และมีสตรีรอบกายชายคนนั้นกี่คน
แม่สื่อซูได้ยินคำขอก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ เช่นนี้ก็หาง่ายเลย นางมีคนเช่นนั้นอยู่ในมือมากมายแล้ว
นางรับเงินค่าแม่สื่อล่วงหน้าทันที และออกจากจวนหลานอย่างมีความสุข
แต่การไปกลับของนาง ดึงดูดความสนใจของคนรับใช้ในจวนหลานอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายพี่น้องจินซื่อก็ได้วางแผนมาหลายปีในจวนหลาน แม้ว่าตอนนี้พวกนางจะสูญเสียอำนาจไปแล้ว แต่หลายคนก็ยังคิดว่านางจะสามารถกลับมาเป็นใหญ่ได้ เพราะมองสถานการณ์ไม่ออก ทันใดนั้นก็มีคนแอบเข้าไปในเรือนของหลานสุ่ยหยวน แล้วบอกเรื่องนี้กับพวกนาง
สองพี่น้องที่แสร้งทำเป็นป่วยและนอนอยู่บนเตียง โดยไม่ได้ออกไปไหน รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวเมื่อรู้ข่าวนี้
พวกนางจะจินตนาการได้อย่างไร ว่าแม่สื่อซูที่แม่ของพวกนางจ้างมาจับคู่ให้หลานสุ่ยชิง ตอนนี้กลับมา ‘ด้อยค่า’ พวกนาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสองก็ไม่สนใจแล้วว่าพวกตนต้อง ‘ไม่สบาย’ และพากันวิ่งตะบึงไปที่เรือนโยวหราน
ทันทีที่แม่นมซ่งเห็นทั้งสองคน นางก็สั่งให้สาวใช้ที่เฝ้าประตูขวางพวกนางไว้ทันที
แต่ตอนนี้ทั้งสองดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว หลานสุ่ยหยวนคว้าก้อนหินในสวนขึ้นมา เมื่อนางเห็นสาวใช้เข้ามา นางก็ตรงเข้าไปใช้ก้อนหินทุบหัวสาวใช้
หลานสุ่ยเถียนก็ดึงปิ่นปักผมบนหัวตัวเองออก แล้วแทงทุกคนที่เข้าไปใกล้
ทันใดนั้น ทั้งเรือนโยวหรานก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แม้ว่าสาวใช้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าอีกแล้ว
แม่นมซ่งหน้าซีดด้วยความตกใจ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องชั้นใจ ด้วยอาการหอบและตื่นตระหนก “ไท่ฮูหยิน ไท่ฮูหยินเจ้าคะ ไม่ดีแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูรองกับคุณหนูสามเป็นบ้าไปแล้ว พวกนางยืนกรานว่าจะเจอท่านให้ได้ และทำให้สาวใช้ในจวนบาดเจ็บหลายคนเลยเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของไท่ฮูหยินซีดเผือด รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจทันที ก่อนจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก “นังเด็กบ้า นังเด็กบ้า กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายร่างกายคนอื่นที่เรือนโยวหรานของข้า ไฉ่เฟิง รีบ รีบไปบอกนายท่านของเจ้า รีบไปตามองครักษ์ในจวนมาเร็วเข้า พวกนางกำลังพยายามฆ่าคน”
“เจ้าค่ะ” ไฉ่เฟิงวิ่งออกไปที่ประตูด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่นางออกจากที่นี่ หลานสุ่ยหยวนกับหลานสุ่ยเถียนก็วิ่งเข้ามาแล้ว ในมือของพวกนางถือหินและปิ่นปักผม เสื้อผ้าของพวกนางเปื้อนเลือด ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
เมื่อไท่ฮูหยินเห็นเข้าก็ตกใจกลัวจนทรุดตัวลง เพราะเกรงว่าก้อนหินจะลอยมาโดนนาง
บัดนี้ใบหน้าของนางซีดลงด้วยความตกใจ เสียงของนางสั่นเครือ “พวกเจ้า พวกเจ้าจะทำอะไร? เอาก้อนหินมาทำอะไร? หรือว่าต้องการจะฆ่าย่า?”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จัดการปลดอาวุธยัยสองคนนี้ก่อนเร็ว หรือจะรอให้ไท่ฮูหยินเป็นอะไรไปก่อน?
ไหหม่า(海馬)