ตอนพิเศษ 117 ร่างสูงโปร่งนั่น
ตอนพิเศษ 117 ร่างสูงโปร่งนั่น
“เจ้าอยากได้หรือไม่ล่ะ? ข้าจะให้เจ้าไว้สักสองขวด” เนี่ยนเนี่ยนเป็นคนใจกว้าง นางรู้สึกว่าในฐานะผู้พิทักษ์ทมิฬ การมียาพิษชนิดนี้พกติดตัวไว้ก็จะปลอดภัยกว่า
อย่างน้อยที่สุด ด้วยคำสั่งของแม่ของนาง ผู้พิทักษ์ทมิฬในตำหนักของนาง ก็ยังพกยาพิษเอาไว้หนึ่งหรือสองขวดเสมอ
แม้ว่านางจะเป็นคนคิดค้นยาพิษเหล่านี้เองทั้งหมด แต่ก็ยังมอบให้แม่ของนางที่โปรดปรานเช่นกัน
เมื่อเห็นท่าทางของเนี่ยนเนี่ยน เริ่นเมิ่งก็อยากจะส่ายหน้า แต่นางก็รู้สึกเช่นกันว่าเนี่ยนเนี่ยนเป็นสหายที่หาได้ยาก และมีค่ามากสำหรับนาง การปฏิเสธอาจทำให้เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่านางไม่เชื่อ แม้ว่าความจริงนางจะไม่เชื่อสรรพคุณของยาเหล่านี้ก็ตาม
ดังนั้นหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เริ่นเมิ่งก็พยักหน้า
เนี่ยนเนี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบขวดที่หนึ่งและขวดที่สี่ขึ้นมา “สองขวดนี้เหมาะสำหรับเจ้า ตอนนี้เจ้ารู้ฤทธิ์ของยาแล้ว”
นางคิดว่าเริ่นเมิ่งเป็นผู้พิทักษ์ทมิฬ ดังนั้นการลอบสังหารแบบเงียบ ๆ จะดีกว่า เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าหากไม่มีความเกลียดชังแบบเข้ากระดูกดำ ก็เป็นการดีกว่าที่จะไม่ทำให้คนตายอย่างเจ็บปวดเกินไป
เริ่นเมิ่งรับขวดยา แล้วกล่าวขอบคุณเนี่ยนเนี่ยน
เป่ยเป่ยนอกรถม้าเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเขาได้ยินบทสนทนาข้างใน เขาคาดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเนี่ยนเนี่ยนกับเริ่นเมิ่ง จะดีถึงเพียงนี้
เมื่อเขาถามเนี่ยนเนี่ยนเรื่องนี้ แววตาของเนี่ยนเนี่ยนก็อ่อนโยนมาก นางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าชอบนางมาก นางเป็นคนดีจริง ๆ ข้าคิดว่าเราน่าจะได้พบกันอีก คราวนี้ข้าจึงให้ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่นาง ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากมาย”
เมื่อเป่ยเป่ยได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อ ไม่ได้มีราคางั้นหรือ? เนี่ยนเนี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่ายาพิษเหล่านี้มีราคาเท่าไรในตลาดมืด?
แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ตราบใดที่เนี่ยนเนี่ยนพึงพอใจ
รถม้าของคนกลุ่มหนึ่งเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง และการเดินทางต่อไปนี้ก็ปลอดภัยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเข้าใกล้เมืองหลวง กฎหมายและระเบียบก็มีความเข้มงวดมากขึ้น
ห้าวันต่อมา รถม้าก็แล่นเข้าสู่เมืองหลวง
โม่เพียวเปิดม่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วมองออกไปข้างนอก นางเติบโตในเมืองหลวงของอาณาจักรเฟิงชาง และไม่เคยไปเมืองหลวงของอาณาจักรอื่นเลย นางไม่เคยเห็นขนบธรรมเนียมของที่นี่มาก่อน ตาของนางจึงเป็นประกายทันที
เนี่ยนเนี่ยนก็ไม่เคยไปอาณาจักรเทียนอวี่เช่นกัน ไกลสุดก็แค่ไปเผ่ามองโกเลีย นางอุทิศตนให้กับสวนสมุนไพรของนางเสมอ และเนื่องจากนางยังเด็ก พ่อของนางจึงไม่อยากให้นางไปสถานที่ที่ห่างไกลเกินไป อย่างอาณาจักรเทียนอวี่
แต่ในอดีต ไป๋อีเฟิงมักจะมาตำหนักอ๋องซิว ทุกครั้งที่มา เขาต้องเล่าเรื่องความเจริญรุ่งเรืองของที่นี่ให้นางฟัง ทำให้นางแทบจะท่องมันได้แล้ว
ดังนั้นจึงไม่มีใครตื่นตาตื่นใจเท่ากับโม่เพียว
พวกเขาไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อเข้าพัก โม่เพียวอดไม่ได้ที่จะจับมือเนี่ยนเนี่ยน แล้วพูดว่า “หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว ข้าขอออกไปเดินเล่นได้หรือไม่?”
“… ได้สิ” เนี่ยนเนี่ยนหัวเราะแห้ง ๆ แล้วอนุญาต
โม่เพียวรีบขนของขึ้นไปชั้นบนด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์
เนี่ยนเนี่ยนกอดกล่องสมบัติของนาง แล้วเดินตามหลังเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
แต่ขณะที่เริ่นเมิ่งก้าวเข้ามา นางก็มองไปรอบ ๆ ตามปกติ ในที่สุด ก็หยุดชะงักอยู่ที่ห้องโถงฝั่งซ้ายสุดที่ชั้นแรกของโรงเตี๊ยม
นางเม้มปาก เมื่อประตูห้องโถงเปิดออก นางก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนที่เดินออกมา จากนั้นหันหลังเดินออกจากโรงเตี๊ยม
นางเข้าไปในซอยที่สามทางขวามืออย่างคุ้นเคย ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นเครื่องหมายบนนั้น และรีบเข้าไปในบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างว่องไว
ทันทีที่นางเดินเข้าประตูไป นางก็ก้มศีรษะเล็กน้อย ให้ชายร่างสูงที่ยืนหันหลังให้นางอยู่ในห้อง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “หัวหน้า”
“เจ้ากลับมาแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้าง?” ชายคนนั้นดูค่อนข้างมีอายุ เมื่อเขาหันกลับมา เขาก็เห็นรอยแผลขนาดเท่าเล็บมือใต้มุมตานางอย่างชัดเจน
เริ่นเมิ่งมีท่าทางนอบน้อม ขณะตอบว่า “ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่… หยวนยอมเปิดเผยตัวตน เพื่อปกปิดตัวตนของข้า ข้าเกรงว่าจะถูก…”
“ข้ารู้แล้ว เรื่องมันก็มาถึงจุดนี้แล้ว คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ ด้วยตัวตนของเรา สิ่งเดียวคือต้องทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้สำเร็จ ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก ภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของไท่จื่อ เจ้าต้องอย่าทำผิดพลาดเป็นอันขาด” ชายผู้นั้นพูดยาว
เริ่นเมิ่งเม้มปากอีกครั้ง ดวงตาของนางหมองเศร้าเล็กน้อย แต่ก็ถูกปกปิดอย่างรวดเร็ว นางพยักหน้า “ข้าน้อยเข้าใจเจ้าค่ะ”
“อืม เจ้าเพิ่งกลับมา ไปพักผ่อนก่อนเถิด แล้วกลับวังไปเข้าเฝ้าไท่จื่อ” ชายผู้นั้นเดินเข้ามาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วเดินผ่านไป
แต่เมื่อเขาก้าวไปได้เพียงสองก้าว คิ้วของเขาก็ขมวด แล้วคว้ามือเริ่นเมิ่งอย่างแรง
เริ่นเมิ่งร้องออกมา “หัวหน้า?”
“นี่คืออะไร?” ชายคนนั้นหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีแดงสองขวดออกมาจากแขนเสื้อของนาง
เริ่นเมิ่งเม้มปาก ก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”
“บอกมา”
“เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ข้างถนนมอบให้ข้าน้อย นางบอกว่ามันเป็นยาพิษ แต่ข้าน้อยคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้นเจ้าค่ะ”
ทันใดนั้นสายตาของชายคนนั้นก็คมกริบขึ้น เขาจ้องมองเริ่นเมิ่ง แล้วพูดด้วยความเย้ยหยัน “เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ หรือ? อย่าลืมตัวตนของเจ้า เจ้าจะพกของเด็กเล่นแบบนี้ติดตัวงั้นหรือ? ช่างน่าขัน”
พูดจบ เขาก็ยกมือโยนขวดทั้งสองทิ้งไป
รูม่านตาของเริ่นเมิ่งหดตัวลง นางดึงมันกลับมาไม่ทัน ได้ยินเพียงเสียง ‘เพล้ง’ และนางก็ตัวแข็งอยู่กับที่
ชายคนนั้นสะบัดแขนเสื้อก้าวออกจากห้องไปทันที
เริ่นเมิ่งยืนอยู่ที่นั่นพักใหญ่ นัยน์ตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย ขณะกัดฟันแน่น
จากนั้นครู่หนึ่งนางก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินเงียบ ๆ ไปยังบริเวณที่ขวดถูกขว้างไป
หลังจากมองดูแล้ว ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้น ก่อนจะรีบย่อตัวลงไปหยิบขวดขึ้นมา
ไม่เป็นไร มีขวดเดียวที่แตก ส่วนอีกขวดยังไม่บุบสลาย
เริ่นเมิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเก็บขวดอย่างระมัดระวัง นางยืนขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับสีหน้ารู้สึกผิด
นางหันหน้าไปมองทิศทางที่นางเพิ่งจากมา
ในอนาคตอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอเนี่ยนเนี่ยนอีก แต่นางกลับล้มเหลวในการรักษาสองสิ่งที่นางมอบให้ไว้
เริ่นเมิ่งสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวออกจากห้อง
ขณะเดียวกัน เนี่ยนเนี่ยนที่กำลังวางกล่องไว้ในตู้ก็ขมวดคิ้ว เริ่นเมิ่งอยู่ไหน?
นางปิดประตูและรีบลงบันไดไป เป่ยเป่ยกำลังสั่งอาหารอยู่ที่โต๊ะ เมื่อเห็นเนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว เขาก็อดประหลาดใจไม่ได้ “เนี่ยนเนี่ยน เกิดอะไรขึ้น?”
“เริ่นเมิ่ง…” ช่างเถิด นางเองก็รู้อยู่ในใจเช่นกัน ว่าเมื่อมาถึงเมืองหลวง เริ่นเมิ่งก็จะต้องแยกทางไป และนางอาจไม่มีเวลากล่าวคำอำลาด้วยซ้ำ เพราะนางมีภารกิจที่ต้องทำ
เป่ยเป่ยกะพริบตาด้วยความสงสัย “เนี่ยนเนี่ยน?”
เนี่ยนเนี่ยนหรือ? ร่างสูงโปร่งที่เดินออกมาจากห้องโถงทางซ้ายหยุดกะทันหัน
เมื่อมองไปตามแหล่งที่มาของเสียง ดวงตาของเขาก็พลันเห็นร่างที่สดใสร่าเริง รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก และดวงตาเย็นชาเมื่อครู่นี้ก็อ่อนโยนลงแทบจะทันที
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ที่แตกไปนั่นยาพิษที่บุตรสาวหมอปีศาจเป็นคนปรุงเชียวนะ
ร่างสูงโปร่งนั่นคือใครกันหนอ
ไหหม่า(海馬)