“เถ้าแก่ลู่ เซี่ยหยางเจ้าหมอนี่ไม่ได้มีภูมิหลังอะไร ก็แค่ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งจะเรียนจบกลับมา พ่อเขาเป็นแค่คนป่วยคนหนึ่ง ไม่รู้ไปร่ำเรียนวิชามาจากไหน กลับมาก็มาเริ่มทำการเกษตร แถมยังเป็นพวกข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง ระยะนี้กำลังทำการเลี้ยงปลา ส่วน ฟาร์มสเตย์เขาก็เพิ่งสร้างใหม่เช่นกัน การค้าก็อย่างที่เห็นๆ กัน” หวังหยุนจู้กลอกตามองบน รู้สึกโกรธเคืองและไม่พอใจ
ลู่เฟยถลึงตาใส่เซี่ยหยางอยู่สักพัก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธแค้นว่า “เขาจะทำยังไงอีก สถานที่เล็กๆ อย่างนี้คงจะก่อคลื่นยักษ์อะไรไม่ขึ้นหรอก ต่อไปคุณช่วยจับตาดูเขาให้ที วันหลังผมจะต้องให้เขาได้ดูสีหน้าบ้าง สำหรับส่วนดีๆ จะไม่ขาดคุณไปแน่นอน”
“วางใจครับ ได้รับใช้เถ้าแก่ลู่ นั่นคือความโชคดีของผม อันที่จริงผมกับไอ้สารเลวเซี่ยหยางก็มีความแค้นกันอยู่ พูดได้ว่าพวกเราช่วยเหลือกันและกัน ต่อสู้กับศัตรูคนเดียวกัน” หวังหยุนจู้กล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม
เวลานี้เซี่ยหยางกำลังแนะนำผักและผลไม้เหล่านั้นในที่ดินให้กับช่ายยั่นฟัง เขาย่อมคาดไม่ถึงว่า คนสมองบวมอย่างลู่เฟย ต่อไปจะนำความยุ่งยากมากมายมาให้เขาในภายหน้า โดยเจตนาร้ายที่แฝงอยู่ในใจในขณะนี้ ชช
“กำนัลช่าย คุณลองชิมดูสิ มะเขือเทศ ทั้งเปล่งปลั่งและหวานล้ำ ราวกับสาวสวยแก้มแดง” เซี่ยหยางเด็ดมะเขือเทศมาหนึ่งลูก จากนั้นก็นำไปล้าง แล้วส่งให้ช่ายยั่น
ช่ายยั่นหัวเราะคิกคัก ใบหน้าสวยแดงเรื่อ กัดหนึ่งคำเบาๆ รสชาติหวานอร่อย อดพอใจจนคิ้วชี้ชันไม่ได้ เธอพยักหน้าติดๆ กันแล้วกล่าวว่า “ใช้ได้เลยนี่เซี่ยหยาง ว่ากันว่าคนเราไม่อาจมองกันแต่ภายนอก มาตรฐานอย่างคุณในสายตาฉัน ทั่วทั้งตำบลมีไม่กี่คนที่สามารถทำได้
“กำนัลช่ายชมเกินไปแล้ว อย่างผมไม่คุ้มค่าให้เอ่ยถึงหรอก คุณลองชิมแตงโมอีกสิ” เซี่ยหยางเก็บแตงโมมาลูกหนึ่ง ใช้เพียงหมัดเดียวก็ผ่าออกเป็นสี่ส่วนห้าซีก จากนั้นก็ส่งให้ช่ายยั่น ส่วนที่เหลือก็แบ่งให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเหล่านั้น
“ทั้งหวานทั้งกรอบ รสชาติเองก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน……” ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชมไม่ขาดปาก ต่างกินกันอย่างเอร็ดอร่อย แน่นอนว่า ยกเว้นพ่อลูกลู่ต้าฝูกับลู่เฟย
คนทั้งสองต่างสบตากันและกัน ต่างมีความรู้สึกไม่ยอมแพ้ขึ้นมา เมื่อผ่านการดูงานรอบหนึ่ง สินค้าเกษตรแต่ละอย่างในผืนดินแห่งนี้ของหมู่บ้านตงเจียว ดูจะเหนือกว่าหมู่บ้านเกาตี้ทุกอย่าง
เห็นช่ายยั่นพูดคุยหัวเราะมาตลอดทาง ภายใต้การอธิบายของเซี่ยหยาง ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับดอกไม้ สีหน้าของลู่เฟยก็ยิ่งดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆ
“เมื่อกี้ทุกคนก็ได้รู้จักผลผลิตของที่นี่กันแล้ว ไหนลองบอกความคิดเห็นของพวกคุณมาให้ฟังหน่อยสิ” เมื่อกลับมาจากดูงาน ช่ายยั่นก็พอใจเป็นอย่างมาก เธอมองพวก ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
“นี่ไม่ได้อวยหรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นผลแตงหรือผักสด ไม่ต้องพูดถึงการเจริญเติบโตที่ดีเยี่ยม แม้แต่รสชาติ ก็ยังไม่เคยได้……” ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านคนอื่นๆ อีกสองสามคนต่างเลื่อมใสกันมาก สายตาที่ใช้มองเซี่ยหยางมีแต่ความชื่นชม
เซี่ยหยางโบกมือติดๆ กัน ก่อนจะพูดอย่างถ่อมตัวอย่างยิ่งว่า “อย่าพูดแบบนี้เลย หากทุกคนชอบล่ะก็ มาแลกเปลี่ยนความรู้กันได้”
ช่ายยั่นรับคำแล้วกล่าวว่า “เซี่ยหยางพูดได้ถูกต้อง สถานการณ์ในปัจจุบันของหมู่บ้านพวกคุณฉันเองก็พอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้ว พูดจากใจจริงเลยนะ ฝีมือในการเพาะปลูกและเพาะเลี้ยงของเซี่ยหยางนี้ ล้วนคุ้มค่าให้ทุกคนได้ศึกษา ในฐานะผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พวกเราต้องเชี่ยวชาญในด้านเรียนรู้และสรุปผล นำจุดแข็งของผู้อื่นมาชดเชยจุดอ่อนของตนเอง ตลอดจนนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง พยายามทำให้เศรษฐกิจของหมู่บ้านเฟื่องฟูขึ้น นำพาความรุ่งเรืองมาสู่ทุกคน……”
สิ่งที่ช่ายยั่นกล่าวขึ้นมา สร้างเสียงปรบมือและคำตอบรับได้อย่างรวดเร็ว พวกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านต่างแบ่งปันแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ยกเว้นลู่ต้าฝูแล้ว ที่เพียงแค่พูดแบบขอไปทีให้เรื่องมันผ่านๆ ไปเท่านั้น
หลังดูงานเสร็จ ทุกคนก็มากินข้าวที่ฟาร์มสเตย์ของเซี่ยหยางหนึ่งมื้อ ล้วนเป็นผลผลิตของที่ดินผืนนี้ ประกอบกับปลาแม่น้ำ ดูเป็นกับข้าวพื้นๆ มื้อหนึ่งทั่วไป แต่ทุกคนก็รับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
ช่ายยั่นยังดื่มเหล้าไปอีกเล็กน้อย ตอนที่กำลังจะไปนั้น เซี่ยหยางได้ไปส่งเธอ ดวงตาสองข้างของช่ายยั่นกระจ่างใส แก้มขึ้นสีเลือดฝาด ยื่นมือขาวผ่องออกมาตบๆ ที่ไหล่ของเซี่ยหยาง ก่อนจะกล่าวชมเชยว่า “เซี่ยหยาง ฉันชื่นชมคุณมาก หวังว่าคุณจะนำความรู้ของคุณมาพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองได้ เป็นแบบอย่างให้กับหมู่บ้านอื่นๆ แน่นอนว่าต้องให้พวกเขาได้ศึกษา ก้าวหน้าไปพร้อมกัน”
“รับรองเลยว่าจะจัดการภารกิจให้สำเร็จ” เซี่ยหยางเชิดหน้ายืดอก กล่าวขึ้นด้วยท่าทางขึงขัง
นี่กลับเป็นการสร้างเสียงหัวเราะให้กับช่ายยั่น ยามเธอหัวเราะ เสริมเสน่ห์เล็กๆ ให้กับเธอ บนตัวแผ่นกลิ่นหอมสดชื่นออกมา ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่า “ดีเลย หวังว่าคุณจะนำพาประโยชน์มาได้ แบบนี้ชาวเกษตรกรก็จะมีรายได้สูงขึ้น หากคุณทำได้ดี ฉันจะช่วงชิงเงื่อนไขพิเศษของนโยบายบางส่วนมาให้คุณ อย่างเช่นเรียกลูกค้าสร้ารายได้ ขยายลู่ทางการค้าให้กว้างขึ้น เป็นต้น”
“ขอบคุณมาก นี่ก็เป็นแนวคิดของผมเช่นกัน ค่อยๆ เดินนะ” เซี่ยหยางสาบานอย่างหนักแน่นจริงจัง
ช่ายยั่นจับมือกับเขา ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็มีอารมณ์สายหนึ่งวาบผ่านใบหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนเธอจะจ้องเขม็งไปที่เซี่ยหยางแวบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวขึ้นรถแล้วจากไป
พอช่ายยั่นจากไปแล้ว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนอื่นๆ อีกสองสามคนก็รั้งอยู่สังเกตการณ์ต่อ เวลานี้ลู่ต้าฝูกับลู่เฟยสองพ่อลูกกลับจากไปโดยทันที ตอนที่ผ่านด้านข้างเซี่ยหยาง เซี่ยหยางก็ร้องทักว่า “พวกคุณจะกลับแล้วเหรอ ไม่นั่งอีกเดี๋ยวล่ะ?”
“มีอะไรน่านั่งกัน สถานที่บ้าๆ บอๆ ก็แค่จัดฉากไว้เท่านั้น” ลู่เฟยเยาะเย้ยออกมา ถลึงตาใส่เซี่ยหยางแวบหนึ่ง ขับรถบีบแตร จากไปอย่างวางโต
เซี่ยหยางส่ายหน้ายิ้มๆ เพิ่งจะกลับไปได้ไม่นาน ก็มีสายจากคนแปลกหน้าโทรเข้ามา
“จากไหนครับ?” เซี่ยหยางถามอย่างสงสัย
“ไม่ทราบว่าใช่เซี่ยหยางหรือเปล่า?” ที่ปลายสายเป็นเสียงไพเราะของผู้หญิงคนหนึ่ง
เซี่ยหยางเอ่ยขึ้นมาอย่างข้องใจ “ใช่ครับ คุณคือ?”
“ฉันคือเหอเสี่ยวหย่าค่ะ หาคุณเจอเสียที” น้ำเสียงของเหอเสี่ยวหย่าดูร้อนใจอยู่บ้าง
เซี่ยหยางนึกออกขึ้นมา นี่ก็คือสาวสวยของสวนเพาะสมุนไพรจีนคนนั้นไม่ใช่เหรอ? ก่อนจะอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “คุณนั่นเอง โทรมาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ?”
“พวกเรามาเจอกันหน่อยเถอะ? มีเรื่องจริงๆ คุณสะดวกไหม?” เหอเสี่ยวหย่าพูด
สาวสวยนัดพบ เซี่ยหยางย่อมตอบรับด้วยความยินดี มิหนำซ้ำระยะนี้พวกโสมกับเห็ดหลินจือที่ปลูกไว้ได้ไม่เลวในสวนของเหอเสี่ยวหย่ากำลังเก็บเกี่ยวได้ เขายังคิดจะไปรับซื้อต่อบ้างพอดี
คนทั้งสองนัดพบกันที่สวนเพาะสมุนไพรจีนของเหอเสี่ยวหย่า ตอนที่เซี่ยหยางไป เหอเสี่ยวหย่ากำลังรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ ดื่มชาหน่อยเถอะ” เทียบกับท่าทีเมื่อครั้งก่อน เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เหอเสี่ยวหย่าอ่อนโยนลงอย่างมาก นี่ทำให้เซี่ยหยางรู้สึกได้รับความโปรดปรานจนหวาดกลัวอยู่บ้าง
“ไม่ต้องเกรงใจ มีเรื่องอะไรก็พูดมาได้เลย” เซี่ยหยางทางหนึ่งดื่มชา ทางหนึ่งก็มองเหอเสี่ยวหย่าอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก วันนี้เธอสวมกระโปรง
ลายตาราง มีส่วนโค้งเว้าอันประณีต โดยเฉพาะขาเรียวขาว ทำให้คนหลงเสน่ห์ได้เลย
เหอเสี่ยวหย่ากัดริมฝีปากเบาๆ มือแนบกับกระโปรงจีบ พลางนั่งลงตรงหน้าเซี่ยหยาง กล่าวด้วยใบหน้าแดงเรื่อว่า “ฉันตั้งใจจะขอบคุณคุณโดยเฉพาะ คราวก่อนหลังจากที่พ่อฉันใช้โสมของคุณ อาการป่วยก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่มีคุณ”
“ไม่เป็นไร คุณจ่ายเงินแล้วไม่ใช่เหรอ ต้องบอกว่าควรเป็นผมขอบคุณคุณถึงจะถูก” ที่เซี่ยหยางพูดเป็นการพูดจากใจจริง คราวก่อนเงินที่ค้าขายกับเหอเสี่ยวหย่า คือเงินก้อนแรกของตัวเอง
“ฉันพูดจากใจจริง อีกอย่างโสมจากคราวก่อน อันที่จริงราคาไม่ใช่แค่นั้นแน่ คุณยอมลดให้ฉัน” เหอเสี่ยวหย่ายังคงซาบซึ้งใจอย่างมาก คิดๆ ดูก่อนจะกล่าวขึ้นอีกว่า “พืชที่คุณเอากลับไปปลูก สภาพเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ดีมากเลย ผมยังคิดอยู่ว่าจะมารับซื้อจากสวนคุณอีก ยังมีอยู่ไหม?” เซี่ยหยางถามเข้าประเด็น
เหอเสี่ยวหย่ากะพริบดวงตาคู่สวย ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างลังเลว่า “มีน่ะมี แต่ไม่มากเท่าไหร่ คุณจะเอาเดี๋ยวนี้เลยเหรอ?”
“มีเท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น” เซี่ยหยางกล่าวอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เหอเสี่ยวหย่าบอกให้เซี่ยหยางรอก่อน จากนั้นก็ลุกขึ้นเข้าไปหยิบที่สวนด้านหลัง เซี่ยหยางมองดูอยู่ตรงนี้ รู้สึกมีชีวิตชีวาและน่าทึ่ง มีพืชหลายอย่างที่ตนเองไม่เคยพบ จึงมองดูอย่างประหลาดใจ
เวลานี้เอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องตกใจของเหอเสี่ยวหย่า เซี่ยหยางไม่พูดพร่ำทำเพลง สาวเท้าวิ่งเข้าไปทันที เดิมทียังคิดว่าเกิดอันตรายอะไร กลับเห็นว่าเหอเสี่ยวหย่ากำลังรับมือกับสายยางที่ชำรุดอยู่
น้ำที่อยู่ในสายยางสาดกระเซ็นออกมา เหอเสี่ยวหยางปิดไว้ไม่อยู่ พอคลายมือ จึงเปียกชุดของเธอ เธอเอียงศีรษะอย่างร้อนใจ หูแดงหน้าแดงไปหมด พอเห็นเซี่ยหยางมา ก็ใช้สายตาขอความช่วยเหลือมองมา
เซี่ยหยางเองก็ไม่รอช้า คิดจะไปหาก๊อกน้ำ เมื่อไม่พบว่าอยู่ที่ไหน ก็กระโดดตัวลอยเข้าไป ยกเท้าเตะไปที่สายยางจนกระเด้งออกจากพื้น จากนั้นก็เหยียบตรงปากทางน้ำออกไว้ จนถูกปิดผนึกไว้แน่น
“ฉันจะไปปิด คุณรอเดี๋ยวนะคะ” เหอเสี่ยวหย่าวิ่งออกไปอย่างลนลาน ผ่านไปสักพัก เซี่ยหยางก็รู้สึกว่าที่ใต้เท้าสงบลง จึงยกเท้าออก
เหอเสี่ยวหย่าวิ่งกลับมาอย่างกระหืดกระหอบ พลางร้องตะโกนว่า “ปิดดีแล้วใช่ไหมคะ”
“ดีแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว……” พอเซี่ยหยางหันหลังมา ก็อดชะงักไปไม่ได้
เห็นเพียงเหอเสี่ยวหย่าเนื้อตัวเปียกปอนไปหมด เสื้อผ้าบางๆ แนบติดกับลำตัว จนเห็นสัดส่วนภายในได้อย่างลางเลือน ส่วนผมก็เปียกโชกแนบติดแก้มนวล ดูยั่วยวนอย่างชัดเจน
เซี่ยหยางรู้สึกลำคอแห้งผากขึ้นมา ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
เหอเสี่ยวหย่าค่อยๆ ได้สติขึ้นมา พอเห็นดวงตาอันร้อนแรงของเซี่ยหยาง ก็พลันเขินอายสุดขีด รีบกอดแขนไว้ พลางพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน คุณรอเดี๋ยวนะคะ”
เซี่ยหยางส่งเสียงตอบรับออกมา เดินกลับไปนั่ง ชักสายตากลับทำใจให้เย็นลง เพียงแต่ฉากนั้นเมื่อกี้ ยังคงติดตาอยู่ พอคิดขึ้นมาก็รู้สึกว่าอากาศร้อนอบอ้าว
“นี่ค่ะ เมล็ดพืชพันธุ์นี้เพิ่งเข้ามาใหม่ล่าสุด” ใบหน้าขาวนวลรูปไข่ของเหอเสี่ยวหย่ายังคงเป็นสีแดงเลือดฝาด ดูน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
เซี่ยหยางรับมา แตะโดนมือเธอ เหอเสี่ยวหย่าจึงอดชะงักไปไม่ได้ ท่าทางราวกับหวั่นไหวอย่างมาก เซี่ยหยางเกาศีรษะพลางกล่าวว่า “นี่คือเมล็ดอะไร?”
“เมล็ดโสมค่ะ ในเมื่อคุณปลูกเก่งขนาดนั้น พวกนี้ก็ยกให้คุณหมดเลย ถือเสียว่าเป็นการขอบคุณคุณ” เหอเสี่ยวหย่าเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
“ไม่คิดเงิน? แบบนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง?” เซี่ยหยางรู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอก “ฉันรู้สึกว่าดีมาก ตกลงตามนี้”
เซี่ยหยางหันกลับไปมอง เห็นเพียงชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามา ฝีเท้าอ่อนแรงอยู่บ้าง สีหน้าไม่สู้ดีนัก เห็นได้ชัดว่าเป็นอาการของคนที่เพิ่งฟื้นตัวจากการป่วยหนัก แต่ดูจากแววตาของเขา กลับแวววาวมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยความฉลาดเฉลียวและจริงใจ
“พ่อ พ่อมายังไงคะ?” เหอเสี่ยวหย่าประหลาดใจมาก รีบก้าวไปหาอย่างรวดเร็ว ประคองชายชราไว้
“พ่อมาดูหน่อยว่า เป็นใครที่มีความสามารถขนาดนี้ ถึงปลูกโสมแบบนั้นออกมาได้” ชายชราพูดพลางมองสำรวจเซี่ยหยาง อดพยักหน้าไม่ได้ ก่อนจะกล่าวว่า “เป็นคุณเองเหรอพ่อหนุ่ม?”
“ก็เขานั่นแหละค่ะ พ่อ พ่อยังไม่หายดี อย่าเดินไปทั่วสิคะ” เหอเสี่ยวหย่ารีบย้ายเก้าอี้มาให้ชายชรา
“สวัสดีครับคุณลุง ผมคือเซี่ยหยาง ยินดีที่ได้พบครับ” เซี่ยหยางรู้สึกว่าชายชราผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ธรรมดา แม้จะป่วย แต่ยังคงมีกลิ่นอายไม่เหมือนคนทั่วไป
“ได้ยินชื่อไม่เท่าเห็นกับตา ดีใจมากที่ได้พบคุณ ฉันชื่อเหอฟู่เสว” เหอฟู่เสวยิ้มอย่างอ่อนโยน
“สุขภาพของคุณเป็นยังไงบ้างครับ” เซี่ยหยางกล่าวอย่างสุภาพ
เหอฟู่เสวพยักหน้ากล่าวว่า “โชคดีได้โสมนั้นของคุณ ผมถึงฟื้นพลังชีวิตได้ ได้ยินเสี่ยวหย่าบอกว่า เป็นคนหนุ่มอายุน้อย ฉันจึงรู้สึกแปลกใจมาตลอด ดังนั้นวันนี้ฉันก็เลยมาดูที่นี่ เป็นคนหนุ่มที่ดูโดดเด่นจริงๆ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยหยางได้พบหน้ากับเหอฟู่เสว เขารู้สึกว่าซินแสเฒ่าผู้นี้ดูมีวิชาความรู้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือสภาพจิตใจก็ตาม ก็น่าจะเป็นบุคคลไม่ธรรมดาคนหนึ่ง
เหอฟู่เสวนิ่งไป ก่อนจะถามอีกว่า “เพียงแต่จากประสบการณ์หลายปีของฉัน โสมต้นนี้ของคุณไม่เหมือนกับโสมทั่วไปเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าคุณใช้วิธีอะไรเลี้ยงดูมัน? ขอคำชี้แนะหน่อยได้ไหม?”
“ธรรมดามากครับ ปลูกอยู่หลายปีมากถึงได้มี” เซี่ยหยางย่อมไม่พูดเรื่องแผ่นหยกออกมา คิดจะตอบลวกๆ ให้ผ่านไป
แต่เหอฟู่เสวกลับยังคงสงสัยอย่างหนัก เขากล่าวว่า “ปีนี้คุณอย่างมากก็น่าจะอายุยี่สิบปีสินะ? แต่จากที่ฉันรู้มา โสมต้นนี้มีสรรพคุณเท่ากับโสมร้อยปี นี่มันแปลกมากเกินไปแล้ว”