บทที่ 1015 ในอนาคต ข้าจะเป็นพระชายา
บทที่ 1015 ในอนาคต ข้าจะเป็นพระชายา
กู้เสี่ยวหวานมองดูใบหน้าบานสะพรั่งราวกับดอกไม้ผลิบานของหลิวเทียนฉือ และมองดูใบหน้าที่เศร้าตลอดเวลาของเสี่ยวเถา นายและบ่าวทั้งสองต่างรักกันมากเสียจริง!
ผู้เป็นนายเป็นคนแล้งน้ำใจไร้คุณธรรม แต่บ่าวนั้นกลับเป็นคนรักใคร่และมีความชอบธรรม
มันช่างน่าเศร้าสร้อยจริง ๆ
ไม่รู้ว่าในภายภาคหน้า เสี่ยวเถาคนนี้จะต่อต้านหลิวเทียนฉือหรือไม่
ครั้นนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนจะเห็นถึงการทรยศของหลิวเทียนฉือ นางจึงพูดพลางแสดงสีใบหน้าที่เจ็บปวด “คุณหนูหลิว เสี่ยวเถาอยู่เคียงข้างท่านมาหลายปีแล้ว ถึงจะไม่มีคุณงานความดีใด ๆ มากนัก แต่นางก็ทำงานให้ท่านอย่างหนัก เพียงแค่ประโยคเดียวก็สามารถช่วยชีวิตทาสคนนี้ได้ สำหรับท่านแล้วมันลำบากขนาดนั้นเลยหรือ?”
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้าอย่าได้เพ้อฝันไปหน่อยเลย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้แผนการของเจ้า หากข้ายอมขอร้องเจ้าแล้ว เจ้าก็คงจะไม่ปล่อยนางไปใช่ไหมเล่า? เช่นนั้นข้าจะไม่ตกหลุมพรางของเจ้าเด็ดขาด ข้าก็แค่เสียคนใช้เงอะ ๆ งะ ๆ คนหนึ่งไปก็เท่านั้น แล้วไยข้าต้องสนใจขอร้องเจ้าแทนนางด้วยเล่า?” ถ้อยคำของหลิวเทียนฉือสร้างความเจ็บปวดให้ใครหลายคนได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเสี่ยวเถาที่นั่งหมดสภาพอยู่บนพื้นด้วยสายตาว่างเปล่า
นางมองไปที่หลิวเทียนฉืออย่างไร้ชีวิตชีวาราวกับใคร่ครวญถึงสิ่งอีกฝ่ายทำ
ตนเองอยู่ข้างกายหลิวเทียนฉือมาเนิ่นนานหลายปี ตอนยังเด็ก นางก็คอยรับใช้อยู่ข้าง ๆ หลิวเทียนฉือ ทั้งอาบน้ำ แต่งตัว ให้คำปรึกษา นางทุ่มแรงกายแรงใจให้หลิวเทียนฉือเช่นนี้ แต่กลับไม่มีคุณงามความดีอะไรเลยหรือ?
ครั้นมองย้อนกลับไป นางทุ่มเทให้หลิวเทียนฉือเสียขนาดนั้น แต่กลับไม่ได้รับความเมตตาและความจริงใจจากหลิวเทียนฉือเลย
เรื่องนี้มันเป็นเพราะตนเองโง่เกินไป หรือเป็นเพราะหลิวเทียนฉือใจร้ายเกินไปกันแน่?
เสี่ยวเถาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวที่นางดูแลด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ โดยไม่สนแม้แต่ความปลอดภัยของตนเองด้วยซ้ำ เพียงแค่คำขอร้องจากนายผู้เป็นที่รักเพื่อช่วยชีวิตนาง แต่หลิวเทียนฉือก็ทำให้ไม่ได้ ตอนนี้นางรู้สึกละอายใจและไม่อยากเอ่ยถึงมันอีก
แม้แต่กู้เสี่ยวหวานที่จะส่งนางให้ทางการจับกุม แต่กู้เสี่ยวหวานก็ยังเอ่ยว่า ตราบใดที่คุณหนูของนางเอ่ยปากร้องขอความเมตตา อีกฝ่ายก็จะไม่ถือสาเอาความอีกต่อไป
และจะปล่อยตัวนางไป
ใบหน้าของเสี่ยวเถาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นางมองไปที่หลิวเทียนฉือที่ถูกประคองด้วยเสี่ยวเหอ ก่อนจะมองรอยยิ้มพึงพอใจของเสี่ยวเหออีกครั้ง
เสี่ยวเหอครุ่นคิดมานานแล้วว่า เสี่ยวเถานั้นขวางหูขวางตาและต้องการเขี่ยนางทิ้งตลอดเวลา
คราวนี้ช่างเป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ ดูสายตาเหยียดหยามของเสี่ยวเหอที่มองมายังตนเองสิ
เสี่ยวเถาสิ้นหวังจนอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ
เสี่ยวเหอ เจ้าคงรอวันนี้มานานแล้วสินะ วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่ข้าจะได้อยู่รับใช้ข้างกายของคุณหนู แล้ววันพรุ่งนี้ ตำแหน่งนี้มันก็คงจะเป็นเจ้าที่จะมาแทนที่ข้า!
ความเศร้าโศกกลืนกินไปทั่วทั้งจิตใจของเสี่ยวเถา เสี่ยวเถาเอ๋ยเสี่ยวเถา เจ้าช่างน่าสงสารเสียจริง!
“ดูสิเสี่ยวเถา นางช่างเป็นเจ้านายที่เจ้ารักท่วมหัวเสียจริง! ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังต้องการปกป้องนางอยู่อีกหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานชายตามองเสี่ยวเถา
หัวใจเต็มไปด้วยวความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
สาวใช้คนนี้ดีจริง ๆ แต่เพียงเลือกตามเจ้านายผิดคน
สีหน้าของหลิวเทียนฉือเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าอย่ามายุแหย่ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าวของข้านะ เสี่ยวเถาอยู่กับข้ามาหลายปีแล้ว เจ้าไม่สามารถยั่วยุนางได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ”
กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าหลิวเทียนฉือยังคงหยิ่งในศักดิ์ศรีจนถึงตอนนี้ จึงตะคอกอย่างเย็นชา “หลิวเทียนฉือ ท่านคิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากที่ใด ถึงได้กล้าใช้อำนาจบาตรใหญ่ในเมืองหลิวเจีย เที่ยวใช้อำนาจข่มเหงผู้คน ท่านคิดว่าทุกคนกลัวท่านนักหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้ท่านฟังนะ ทุกคนไม่ได้หวาดกลัวท่านเลย แต่เป็นพ่อของท่านต่างหาก ถ้าเขาไม่ใช่ขุนนางระดับสาม ท่านคิดว่าทุกคนจะเกรงกลัวท่านหรือไม่? ท่านจะสามารถแสดงท่าทีที่เหนือกว่าและดูถูกดูแคลนพวกเราได้หรือ? ท่านก็แค่คนที่อาศัยบารมีผู้อื่นเท่านั้นแหละ!”
“พูดได้ดี แม่นางกู้ พูดได้ดี!” กู้เสี่ยวหวานพูดจบก็มีคนปรบมือเสียงดังชื่นชม
หลังจากนั้นมีคนตะโกนเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ และทุกคนต่างก็เห็นพ้องกับคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานมีความสามารถในการโน้มน้าวคนรอบข้างเพียงใด
กู้เสี่ยวหวานแค่ต้องการแสดงให้หลิวเทียนฉือเห็นว่า ถ้าพ่อของนางไม่ใช่ขุนนางระดับสาม ใครจะรู้จักหญิงผู้นี้
หญิงผู้นี้มักจะทำตัวเหนือกว่าผู้อื่น ทำท่าทางหยิ่งยโส ทั้งที่จริงแล้วเป็นเพียงแค่กระดาษขาวใบหนึ่ง
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้า…” หลิวเทียนฉือเห็นคนจำนวนมากคล้อยตามคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน นางก็พลันตื่นตระหนกและชี้หน้ากู้เสี่ยวหวานที่กำลังจะด่าทอตนเอง
กู้เสี่ยวหวานขัดจังหวะนางและเอ่ยเสียงดัง “ข้าคิดเสมอว่าท่านเป็นคนเย่อหยิ่ง แต่ปฏิบัติตัวดีกับคนรอบข้าง แต่วันนี้ข้าคงต้องมองท่านใหม่เสียแล้ว ธาตุแท้ของท่านเป็นคนที่ไร้น้ำใจและไร้คุณธรรม ใคร ๆ ก็เป็นทาสสำหรับท่าน ถ้ามีประโยชน์ก็เก็บไว้ ถ้าไร้ประโยชน์ก็เขี่ยทิ้งอย่างไม่ไยดี ไร้น้ำใจไร้คุณธรรม ประโยคนี้ช่างเหมาะกับท่านจริง ๆ”
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้าก็เป็นแค่หญิงที่ต่ำต้อย ส่วนข้ามีฐานะสูงส่ง เจ้าเป็นแค่สาวบ้านนอก ทำไมเจ้าต้องมากล่าวหาข้าด้วย” หลิวเทียนฉือแทบจะทรุดตัวลง “ในอนาคต ข้าจะได้เป็นพระชายา เจ้ากล้าดีอย่างไรมาใส่ร้ายข้า!”
จะเป็นพระชายางั้นหรือ?
ฮูหยินเจียงรู้สึกงุนงงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หลิวเทียนฉือเพิ่งบอกว่า ในอนาคตนางจะได้เป็นพระชายา
แล้วเช่นนั้นนางมาทำสิ่งใดที่เมืองหลิวเจีย?
หลิวฉงหร่านไม่ได้บอกหรือว่า ในอนาคตพวกเขาจะเกี่ยวดองกัน หลิวเทียนฉือจะแต่งงานกับเจียงหย่วนไม่ใช่หรือ?
ทุกคนต่างก็รู้สึกสงสัย สายตาพลันจ้องมองไปที่หลิวเทียนฉือและฮูหยินเจียงอย่างใคร่รู้
เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ สีหน้าของฮูหยินเจียงเปลี่ยนไป และคิดว่านางเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน
เมื่อหลิวเทียนฉือพูดจบ บรรยากาศรอบด้านก็เงียบลง ทุกคนเกิดอาการลุกลี้ลุกลน และเพิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่ตนเองพูดออกไปนั้นโอ้อวดมากเพียงใด
“เทียนฉือ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” สีหน้าของฮูหยินเจียงเปลี่ยนไปทันที นางมองไปที่หลิวเทียนฉืออย่างมุ่งร้ายและเฝ้ารอคำตอบจากนาง
“เสี่ยวเถา เจ้าบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจ้าไม่อยากบอกข้า ข้าจะขอร้องแม่นางกู้แทน ข้าคิดว่าแม่นางกู้ยังไว้หน้าข้าบ้าง” จู่ ๆ ฮูหยินเจียงก็รู้สึกเหมือนเป็นคนโง่เพราะถูกหลิวเทียนฉือหลอกลวง นางมองหลิวเทียนฉือที่ยืนนิ่งเงียบ มันเป็นความโกรธที่มาจากใจ ตอนนี้นางอยากจะฉีกหลิวเทียนฉือออกเป็นชิ้น ๆ เพื่อดูว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ในท้องของนางกันแน่