บทที่ 1019 ในอนาคตก็จะมีอำนาจแล้ว
บทที่ 1019 ในอนาคตก็จะมีอำนาจแล้ว
หากฮูหยินเจียงไม่ได้ประคองหลิวเทียนฉือไว้ ร่างของนางคงจะทรุดลงพื้น ดวงตาของนางเบิกกว้าง จ้องไปที่ราชโอการจากฮ่องเต้ในมือของกู้เสี่ยวหวานอย่างพูดไม่ออก
นั่นไม่ใช่ของนางหรอกหรือ? เหตุใดถึงให้คนอื่นไปเล่า?
ละ… แล้วทำไมมันถึงต้องไปอยู่ในมือของกู้เสี่ยวหวาน
แม้จะมีการกล่าวกันว่า ผู้หญิงคนนี้ได้เป็นเสี้ยนจู่*[1] นอกจากชื่อเสียงแล้ว นางไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริงอันใด แต่นี่มันเป็นตำแหน่งระดับห้าเลยนะ
แม้แต่ลวี่เทายังเป็นได้เพียงขุนนางระดับแปด และยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ กู้เสี่ยวหวานก็เป็นเพียงชาวนา จู่ ๆ ไก่จะกลายเป็นเฟิ่งหวง*[2] ได้อย่างไร
ฮูหยินเจียงรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข
นาเคยกล่าวเอาไว้ว่า กู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่ฉลาดและมีความสามารถ แต่สถานะของนางต้อยต่ำเกินไป แต่เพียงในชั่วพริบตา กู้เสี่ยวหวานก็สลัดสถานะชาวบ้านชนบนขึ้นเป็นเสี้ยนจู่ระดับห้าที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้นาง
ด้วยสถานะนี้ นางจึงกลายเป็นบุคคลที่มีค่าที่สุด และไม่มีใครเทียบได้ในเมืองหลิวเจียหรือแม้แต่เมืองรุ่ยเสียนก็ตาม
ฮูหยินเจียงรู้ถึงความสำคัญของสถานะเสี้ยนจู่
ในอนาคต เมืองหลิวเจียทั้งหมด ไม่สิ ทั่วทั้งเมืองรุ่ยเสียน ไม่ว่าจะย่างก้าวไปที่ไหนจะไม่ผู้ใดรุกรานกู้เสี่ยวหวานได้
กู้เสี่ยวหวานครอบครองตำแหน่งนี้ และฮ่องเต้ก็เป็นผู้ประกาศราชโอการด้วยพระองค์เอง ชื่อเสียงนี้นางได้รับมันมาจากความสามารถของตนเองและมันก็แข็งแกร่งกว่าสถานะของหลิวเทียนฉือ
ฮูหยินเจียงเป็นคนที่แล่นเรือไปตามลม*[3] ดังนั้นนางจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสดงความยินดีกับกู้เสี่ยวหวาน
“เสี้ยนจู่ ยินดีด้วย ยินดีด้วย” ใบหน้าของฮูหยินเจียงประดับด้วยรอยยิ้ม ร่องรอยของความเกลียดชังและโกรธเกรี้ยวที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานเมื่อครู่พลันมลายหายไป
แม้แต่ลวี่เทาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อทำการประจบสอพลอ “เสี้ยนจู่ ขอแสดงความยินดี ขอแสดงความยินดี!”
ลวี่เทาผู้นี้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับแปด ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเขาจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับตำแหน่งของกู้เสี่ยวหวานได้เลย แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เขาก็ยังก้มลงโค้งคำนับด้วยความเคารพ
กู้เสี่ยวหวานยืนตัวตรงยอมรับอย่างทระนง
รอยยิ้มประจบประแจงยังฉายชัดอยู่บนใบหน้าเจ้าเล่ห์ของลวี่เทา เขาเฝ้าดูขันทีอู๋มอบของกำนัลที่ฮ่องเต้ประทานให้แก่กู้เสี่ยวหวาน
ทั้งบ้านและที่ดินที่ประทานให้แก่กู้เสี่ยวหวาน ล้วนตั้งอยู่ในเมืองหลวง
ในเวลานี้ ขันทีอู๋เอาโฉนดที่ดินและโฉนดบ้านทั้งหมดมอบให้กู้เสี่ยวหวาน นอกจากนี้ยังมีผ้าไหมและหยกหรูอี้ และเงินทองอีกจำนวนหนึ่ง แต่เกรงว่ามันจะสะดุดตาเกินไป สิ่งที่ขันทีอู๋มอบให้กับกู้เสี่ยวหวานในครั้งนี้จึงเป็นตั๋วแลกเงินของต้าชิง
ตราบใดที่ไปร้านแลกเงินในอาณาต้าชิง ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด อีกทั้งยังสะดวกสบาย
อาโม่รุดขึ้นหน้ารับสิ่งของมากมายเหล่านั้นแทนกู้เสี่ยวหวาน
สิ่งที่มีค่าที่สุดคือ ตราประทับของเสี้ยนจู่ที่ได้รับมาเป็นอย่างสุดท้าย มันเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะไม่ใช่หรือ?
ขันทีอู๋นำตราประทับออกมาและส่งมอบให้กู้เสี่ยวหวานกับมือ หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานรับมาก็ยกขึ้นมาพินิจอย่างละเอียด ‘เสี้ยนจู่’ ถูกสลักไว้ใต้ตราประทับหยก สิ่งนี้ช่างงดงามและล้ำค่า
“เสี้ยนจู่ ครอบครัวของเราขอแสดงความยินดีกับเสี้ยนจู่อีกครั้ง เสี้ยนจู่ นี่คือคำยกย่องของฮ่องเต้สำหรับการช่วยเหลืออันทรงเกียรติของท่านต่อการช่วยชีวิตผู้คน จากนี้ไป ท่านต้องช่วยแบ่งเบาภาระของฮ่องเต้ และแสวงหาความสุขให้กับประชาชน”
ตำแหน่งของฮ่องเต้นั้นสูงส่ง
กู้เสี่ยวหวานตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณขันทีอู๋”
จากนั้นนางก็หยิบตั๋วแลกเงินจำนวนสามร้อยตำลึงที่พกติดตัวออกมา ระหว่างที่พูดคุยกับขันทีอู๋ นางก็ลอบยัดมันใส่มือของเขาเงียบ ๆ
เมื่อขันทีอู๋สัมผัสวัตถุในมือ แวบแรกนั้นรู้สึกตื่นตระหนก จากนั้นรีบดึงสติกลับพลางกำตั๋วแลกเงินไว้แน่น
เมื่อเห็นว่าพวกเขาสนทนากันจบแล้ว ฮูหยินเจียงก็หันไปพูดคุยกับขันทีอู๋ด้วยรอยยิ้ม และก็คิดว่าทำไมเจียงอวิ้นหลิ่วถึงยังไม่มา ข้าหลวงจากราชสำนักคนนี้ต้องไม่ปล่อยเขากลับไปง่าย ๆ
เช่นเดียวกับลวี่เทา ท้องของเขาเต็มไปด้วยความปั่นป่วน และต้องการหาข้ออ้างเพื่อรั้งขันทีอู๋ไว้
ถ้าขันทีอู๋อยู่ที่นี่ต่อ เมื่อถึงเวลาจะนั่งทานอาหารที่โต๊ะด้วยกัน เมื่อดื่มสักจอกสองจอก ติดสินบนด้วยทองหรือเงินสักหน่อย ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็จะดียิ่งขึ้น หากได้สานสัมพันธ์กับข้าหลวงของฮ่องเต้ ในอนาคตไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะมีแต่ความมั่งคั่ง
หากตนทำให้ขันทีอู๋มีความสุขได้ อีกฝ่ายจะต้องเอ่ยถึงตนเองต่อหน้าฮ่องเต้อย่างแน่นอน แล้วตำแหน่งของเขาก็จะเลื่อนขั้นขึ้นเรื่อย ๆ
ลวี่เทายืนอยู่ด้านข้างฟังขันทีอู๋และกู้เสี่ยวหวานพูดคุยกัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาพูดจบแล้ว ลวี่เทาก็รีบรุดขึ้นหน้า หากแต่ฮูหยินเจียงขัดขวางไม่ให้เขาเข้าไป และเบียดร่างกายเข้าไปเพื่อดึงดูดความสนใจของขันทีอู๋
ในอดีต ลวี่เทาอาจปล่อยฮูหยินเจียงไปเพราะนับว่านางเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของเมืองหลิวเจีย สถานะนี้ค้ำคอตนเอาไว้และไม่อาจทำให้นางขุ่นเคืองได้ ทำได้เพียงอดกลั้นไว้เท่านั้น
แต่ตอนนี้ขันทีอู๋เป็นขนมอบที่หอมกรุ่น คนโง่เท่านั้นแหละที่จะยอมยกมันให้ผู้อื่น
ถ้าเขาได้รับความกรุณาจากขันทีอู๋ ในอนาคต ตำแหน่งของเขาจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ใครจะอยากอาศัยอยู่ในเมืองหลิวเจียที่ห่างไกลเช่นนี้ และเป็นข้าราชการตำแหน่งเล็ก ๆ เท่าเมล็ดงาไปตลอดชีวิตกันล่ะ?
สีหน้าของลวี่เทานิ่งเฉย เขาเบียดร่างกายเข้ามาและต้องการผลักฮูหยินเจียงออกไป
ฮูหยินเจียงไม่เข้าใจว่าลวี่เทามีแผนการอะไร และตวัดสายตาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุดัน แต่ในขณะนี้ ลวี่เทาไม่สนใจฮูหยินเจียงเลย
ขันทีอู๋ลอบมองจากด้านข้างด้วยรอยยิ้มอ่อน สองคนนี้ต่อสู้กันเพื่อหาโอกาสใกล้ชิดเขา เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทั้งสองคนต้องการทำสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ตั้งใจจะเสียเวลากับสองคนนี้
ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ทั้งสองด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันกลับมาประสานมือเคารพกู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างนอบน้อม “เสี้ยนจู่ ภารกิจของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ข้าต้องกลับเมืองหลวงแล้ว เมื่อท่านไปเมืองหลวง อย่าลืมเชิญครอบครัวของเราไปดื่มเหล้ามงคลด้วยนะ”
*[1] เสี้ยนจู่ ตำแหน่งองค์หญิงหรือท่านหญิง ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งนี้จะต้องเป็นลูกสาวของท่านอ๋องเท่านั้น แต่ภายในนิยายเรื่องนี้ถูกแต่งตั้งขึ้นโดยฮ่องเต้
*[2] ไก่จะกลายเป็นเฟิ่งหวง หมายถึง คนที่มีฐานะต่ำต้อยได้กลายมาเป็นคนที่มีฐานะสูงส่ง
*[3] ปรับตัวไปตามสถานการณ์
玉如意 หยกหรูอี้
http://img.mp.itc.cn/upload/20170517/9560d0257fef4bf095d0dfcaf653bf13_th.jpg