บทที่ 1020 มันเป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด
บทที่ 1020 มันเป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด
ขันทีอู๋ผู้มีสถานะไม่เป็นสองรองใคร ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์ เก่งกาจ และใช้ชีวิตอยู่ภายในวังมาตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ท้องไส้ของเขากำลังปั่นป่วน
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะเป็นเด็กสาวจากชนบท แต่นางก็เป็นเสี้ยนจู่ระดับห้าที่ฮ่องเต้แต่งตั้ง หลังจากนั้นเมื่อไปที่เมืองหลวง และเข้าร่วมในงานเลี้ยงของพระราชวัง นางก็กลายเป็นคนมีฐานะทันที
ยิ่งกว่านั้น เด็กหญิงมีกลิ่นอายรอบกายที่ไม่ธรรมดา แน่นอนว่านางจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และต้องมีอนาคตอันยาวไกล
เขาเต็มใจจะช่วยเหลือคนอื่นมากกว่าที่จะสร้างศัตรู
นี่คือหลักการของขันทีอู๋
แม้ว่าเขาจะดูถูกลวี่เทาและฮูหยินเจียง แต่เขาก็คำนับบอกลาอีกฝ่ายด้วยความเคารพ
อย่างไรก็ตาม ลวี่เทาและฮูหยินเจียงต้องการสร้างมิตรภาพอันแน่นเฟ้น แต่ขันทีอู๋ไม่เต็มใจ และด้วยการสนับสนุนจากผู้คุมที่อยู่ใกล้เคียง ขันทีอู๋จึงรีบขึ้นหลังม้าและอำลากู้เสี่ยวหวานฉับไว “เสี้ยนจู่อันผิง ไว้พบกันใหม่”
กู้เสี่ยวหวานโค้งคำนับให้ขันทีอู๋ และเมื่อนางเงยหน้าขึ้น แหวนหยกที่นางเคยร้อยเชือกแล้วสวมไว้ที่คอก็เผยออกมา ทำให้ขันทีอู๋บังเอิญมองเห็นมัน แหวนหยกวงนั้นส่องแสงเปล่งประกายแวววับต่อหน้าเขา เมื่อเขาพยายามจะจ้องมองอย่างละเอียด แต่มันก็ถูกคอเสื้อบดบังเอาไว้เสียแล้ว
ของสิ่งนี้ดูรู้สึกคุ้นตาเป็นพิเศษ แต่ไม่ว่าอย่างไรมันย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ เขาคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะสะบัดบังเหียนและควบม้าออกไป
ตั้งแต่มาถึงที่นี่จนขี่ม้ากลับไป เขาไม่เคยชายตามองหลิวเทียนฉือเลย
ลวี่เทาและฮูหยินเจียงกระทืบเท้าอย่างไม่สบอารมณ์เพราะไม่อาจรั้งขันทีอู๋ไว้ได้
เหล่าชาวบ้านที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นต่างลุกขึ้นยืน ในขณะนี้เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน ทุกคนต่างให้ความเคารพและรู้สึกอิจฉานางยิ่งนัก
และไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนริเริ่มคุกเข่าลง ทุกคนก็คุกเข่าลงทีละคนและตะเบ็งเสียงตะโกนว่า เสี้ยนจู่ เสี้ยนจู่ ในตอนท้าย เสียงนั้นพร้อมเพรียงกันราวกับว่าได้รับการฝึกฝนมาล่วงหน้า
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าคนเกือบทั้งหมดคุกเข่าต่อหน้านาง นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ทันใดนั้นก็เกิดความภาคภูมิใจและพอใจอย่างหาสาเหตุไม่ได้
แม้แต่ลูกจ้างและพ่อครัวในร้านจิ่นฝูที่ยืนอยู่ข้างหลังกู้เสี่ยวหวาน ต่างก็จ้องไปที่ด้านหลังศีรษะของนางด้วยความประหลาดใจ พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงต่อหน้าพ่อครัวของร้านอาหาร ทันใดนั้นก็มีความภาคภูมิใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
นี่คือชื่อเสียงที่กู้เสี่ยวหวานได้รับมาด้วยมือของนางเอง
ท่ามกลางความอิจฉา กู้เสี่ยวหวานก็หันศีรษะไปมองหลิวเทียนฉือที่ทรุดตัวลงและกำลังมองมาที่นาง
กู้เสี่ยวหวานค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า มองไปที่หลิวเทียนฉือและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูหลิว ตอนนี้ท่านต้องการให้คำอธิบายกับข้าหรือไม่”
หลิวเทียนฉือมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความสยดสยอง
สถานะของนางในขณะนี้อยู่เหนือสถานะของตัวเองแล้ว
ในอดีต นางเป็นเพียงเด็กหญิงจากชนบท แต่ตอนนี้นางได้เป็นเสี้ยนจู่ที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งให้
มีของกำนัล บ้าน และตราประทับที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว นี่คือสิ่งที่หลิวเทียนฉือไม่เคยฝันถึง
นางเป็นเพียงลูกที่คลานออกมาจากท้องของอนุภรรยาอย่างไม่มีทางเลือก แต่โชคดีที่ความเป็นอยู่ของนางยังเรียกได้ว่ากินดีอยู่ดี ตระกูลหลิวมีลูกชายหลายคน แต่นางเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว
ตราบใดที่ไม่มีแม่ผู้ให้กำเนิดเป็นอนุภรรยาที่ต่ำต้อยผู้นั้น นางก็จะสามารถได้รับการเลี้ยงดูในนามของฮูหยิน แม้ว่ามันจะถูกเลี้ยงดูมาเพียงชื่อ แต่มันก็ดีกว่าสถานะเดิมของนางอยู่มาก
เมื่อออกไปข้างนอก ตนเองจะกลายเป็นคุณหนูใหญ่
ในเมืองหลวง แม้ว่าสถานะของนางจะไม่สูงส่งเลยก็ตาม แต่ในเมืองหลิวเจียแห่งนี้ นางกลับมีอำนาจและไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินนางสักคน
แต่ตอนนี้จินตนาการทั้งหมดของนางต้องมาพังทลายลง กู้เสี่ยวหวานทำลายเส้นทางการเป็นการก้าวขึ้นตำแหน่งพระชายาของนาง กู้เสี่ยวหวานทำลายเกียรติของนาง กู้เสี่ยวหวานทำลายความบริสุทธิ์และฐานะอันสูงส่งของนาง
จากสถานะคุณหนูจากเมืองหลวง ทุกคนได้มองนางกลายเป็นหญิงสาวช่างฝันที่ถูกผู้คนหัวเราะเยาะ
หลิวเทียนฉือบีบมือของเสี่ยวเหอแน่น เล็บที่เรียวยาวก็จิกเข้าไปในเนื้อของเสี่ยวเหอจนเลือดซิบออกมา
“คุณหนู คุณหนู ข้าเจ็บ ข้าเจ็บ” เสี่ยวเหอเป็นสาวใช้คนใหม่ของหลิวเทียนฉือ นางอยู่ข้างกายหลิวเทียนฉือได้ไม่นาน นางต้องมาดูแลหลิวเทียนฉืออย่างใกล้ชิดเป็นเพราะเรื่องของเสี่ยวเถา
ตอนนี้เมื่อเห็นเล็บของหลิวเทียนฉือจิกเข้าไปในเนื้อของตัวเองโดยตรง เสี่ยวเหอต้องกัดฟันด้วยความเจ็บปวดและผลักหลิวเทียนฉือออกไปให้ห่างจากตนเอง
หลิวเทียนฉือร่างกายเซถลา นางจะต้านทานเรี่ยวแรงของเสี่ยวเหอผู้ซึ่งรู้จักศิลปะการต่อสู้ได้อย่างไร
เสี่ยวเถาที่อยู่ด้านข้างจ้องมองทั้งสองอย่างเย็นชา
ครั้นเห็นท่าทางที่น่าอายของหลิวเทียนฉือ ร่องรอยความคับแค้นใจในดวงตาของหลิวเทียนฉือ จึงหมายก้าวเข้าไปช่วยประคองอีกฝ่าย
แต่ทันทีที่ยืนออกมา ภาพฝ่ามือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยดินและคราบเลือดฉายชัดในดวงตา เมื่อนึกถึงความโหดร้ายที่หลิวเทียนฉือปฏิบัติต่อตนเอง เสี่ยวเถาจึงดึงมือกลับ นางทำเพียงแค่ยืนมองอยู่นิ่ง ๆ ตรงนั้น
ความเจ็บปวดที่ฝ่ามือฝังลึกลงไปในจิตใจ นอกจากความเจ็บปวดแล้ว ยังมีความสิ้นหวังอย่างสุดซึ้ง
หลิวเทียนฉือถูกผลักล้มลงกับพื้น ทำให้ปิ่นปักผมของนางกระเด็นร่วงหล่นลงมา ผมเผ้าพลันยุ่งเหยิง สภาพดูน่าสมเพชยิ่งนัก
ถ้าหลิวเทียนฉือสามารถเรียนรู้ที่จะประพฤติตัวดีขึ้น และยอมรับความพ่ายแพ้ เรื่องนี้ก็จะจบลงแต่โดยดี
แต่นางก็ไม่ยอม
เพียงเพราะว่านางนั้นเป็นคุณหนู แม้ว่านางจะเป็นลูกของอนุภรรยา แต่หลิวฉงหร่านก็ไม่เคยปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้าย
บรรดาสาวใช้และคนรับใช้รอบ ๆ ตัวนางนั้นถูกจัดเตรียมไว้ตามมาตรฐานของคุณหนูในตระกูลที่มั่งคั่ง
แม้ว่าจะไม่ดูแลดีเท่านายน้อย แต่ก็ถือได้ว่านางไม่เคยประสบพบเจอความยากลำบาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหลิวฉงหร่านเห็นความเป็นเลิศของนาง เขาก็ใจดีกับนางมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากหลิวเทียนฉือจะไม่กล้ารุกรานฮูหยินและพี่ใหญ่แล้ว ก็ไม่มีใครในตระกูลหลิวที่ไม่ยกนางไว้สูงเสียดฟ้า
นางงดงามและสง่างามมาโดยตลอด แล้วทำไมสภาพของนางถึงกลายเป็นแบบนี้
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณกู้เสี่ยวหวานจริง ๆ
————————————-