ที่ 1039 ศีลเสมอกัน
บทที่ 1039 ศีลเสมอกัน
“หลี่ซื่อ… เหตุใดเจ้าถึงเป็นคนไม่เลือกเช่นนี้ เจ้าเบื่อหญิงในหอนางโลมแล้วหรือ? อยากจะเปลี่ยนรสชาติหรืออย่างไร ฮ่า ๆๆๆ”
“เจ้าจะไปเข้าใจอะไรเล่า อย่างที่คนว่ากันแล้ว ภรรยาในบ้านไม่ดีเท่านางบำเรอด้านนอก และนางบำเรอไม่ดีเท่าการลักกินขโมยกิน การโปรยเงินในหอนางโลมจะน่าตื่นเต้นเท่ากับการขโมยกินได้อย่างไร”
“โอ้ว เจ้าพูดเสียอย่างกับเจ้าเคยลักกินขโมยกินมาก่อนอย่างนั้นแหละ” ใครบางคนหัวเราะเยาะเสียงดัง
ใบหน้าของชายคนนั้นขึ้นสีแดงก่ำ และโต้กลับทันที “ไม่ ๆๆ ข้าจะกล้าได้อย่างไร ถ้าแม่เสือในครอบครัวของข้าได้ยินเข้า นางคงจะทุบตีข้าจนไม่เหลือชิ้นดี”
ที่แท้เขาก็เป็นผู้ชายที่กลัวภรรยา
ทุกคนต่างหัวเราะครื้นด้วยความเฮฮา หากแต่ไม่เห็นความลำบากใจจากชายที่กลัวภรรยาแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากลับมองหลี่ซื่อด้วยความเห็นอกเห็นใจ ขโมยแล้วถูกคนจับได้ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
“หลี่ซื่อ เจ้านี่มันเจริง ๆ เลย! อยากได้ใครไม่อยากได้ เฮ้อ ช่วงนี้เจ้ามีเงินตั้งมากมาย จะไปเที่ยวเล่นที่หอนางโลมก็ได้ เจ้าจะสามารถเลือกหญิงไร้พันธะคนไหนก็ได้ เหตุใดเจ้าถึงต้องหาผู้หญิงวัยกลางคนที่ให้กำเนิดลูกมาแล้วด้วย เหอะ ๆ ระวังเงาหัวของเจ้าเอาไว้ดี ๆ เถอะ”
ครั้นได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของทุกคน เขาก็รีบแก้ตัวทันที “พวกเจ้าอย่าฟังเรื่องไร้สาระของเด็กคนนี้ เขากำลังพล่ามเรื่องไร้สาระ ข้าเพิ่งรู้จักนางและไม่เคยไปที่บ้านของนางแม้แต่ครั้งเดียว”
เฉาซินเหลียนอธิบายอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว ข้าเพิ่งรู้จักเขา รู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้น”
ไม่มีใครฟังคำอธิบายของหลี่ซื่อและเฉาซินเหลียน
คำพูดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหูของกู้ฟางสี ซึ่งกำลังครุ่นคิดบางสิ่งอยู่นานและตอนนี้นางก็สามารถเข้าใจทุกอย่างได้ทันที “โอ้ว เฉาซื่อ ข้าเข้าใจแล้ว… เสี่ยวหวานบอกว่าท่านลอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่ง ที่แท้นางก็หมายถึงชายคนนี้นี่เอง มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ท่านกลัวสินะ เลยสั่งให้เฉาฮุยไปจัดการหลานสาวของข้าน่ะ!”
ความลับของเฉาซินเหลียนถูกเปิดเผยแล้ว แค้นจนถึงขนาดต้องฆ่าแกงกันเลยหรือ หากมีอาชญากรรมร้ายแรงเกิดขึ้น สำหรับโทษครั้งนี้คงมีเพียงทางเดียวเท่านั้น
การฆ่าเสี้ยนจู่เป็นความผิดทางอาญา
“เฉาฮุย เจ้าต้องการทำอะไรกับพี่สาวข้ากันแน่” กู้หนิงผิงตอนนี้อารมณ์คุกรุ่นเหมือนสัตว์ร้าย หากฉือโถวไม่รั้งเขาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้าใกล้เฉาฮุย คาดว่าตอนนี้เฉาฮุยคงถูกกู้หนิงผิงทำร้ายจนตาย
การฆ่าคนที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ จะทำให้มือของกู้หนิงผิงเปื้อนเลือดไปเปล่า ๆ คนไร้คุณธรรมแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องให้กู้หนิงผิงจัดการ และทางการจะให้ความยุติธรรมแก่พวกเขาเอง
ตอนนี้เฉาฮุยยอมรับสารภาพเรื่องที่เขาทำร้ายกู้เสี่ยวหวานและเรื่องของกู้ฉวนฟู่กับเถียนซื่ออย่างยอมจำนน แต่เฉาซินเหลียนยังปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
เป็นเรื่องยากที่จะใช้การลงโทษครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่นางและหลี่ซื่อลอบมีความสัมพันธ์กัน หากสามารถหาช่องโหว่ในคำพูดของเฉาซินเหลียนได้ และจะสามารถอธิบายกับกู้เสี่ยวหวานได้
ลวี่เทาขบคิดว่าจะประจบประแจงกู้เสี่ยวหวานอย่างไรดี และคิดถึงเกี่ยวกับการแอบมีความสัมพันธ์ของเฉาซินเหลียน ทันใดนั้นก็คิดออกทันที
เมื่อมองไปที่เฉาซินเหลียนและหลี่ซื่อที่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนราวกับมีความคิดต่าง ๆ อยู่ในใจ
“เด็กน้อย เจ้าเพิ่งพูดว่าเจ้ารู้จักคนผู้นี้ดีใช่หรือไม่?”
ลวี่เทาไม่ใช่บุคคลที่จะเสียดสีคนที่ไร้ความสามารถ หากหาช่องโหว่ของเฉาซินเหลียนและหลี่ซื่อไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเบนเป้าหมายไปยังกู้ซุ่นสี แม้ว่าคำพูดของเด็กอาจใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เฉาซินเหลียนและหลี่ซื่อเผยพิรุธออกมาได้
ครั้นได้ยินว่าลวี่กำลังหลอกถามกู้ซุ่นสี เฉาซินเหลียนก็กระวนกระวาย
ตอนนี้เขาพูดถึงวิธีที่หลี่ซื่อได้พบกับเฉาซินเหลียนและมีความสัมพันธ์กัน
ในคืนก่อนวันส่งท้ายปีเก่า เฉาซินเหลียนไปหากู้เสี่ยวหวานและได้เงินมาสามสิบตำลึงเงิน แต่เนื่องจากเวลานั้นมืดแล้ว เฉาซินเหลียนจึงไม่ได้กลับไปที่บ้าน แต่กลับพาลูกทั้งสองของนางไปที่โรงเตี๊ยม โดยวางแผนที่จะพักผ่อนก่อนหนึ่งคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
เมื่อพวกนางมาถึงโรงเตี๊ยม เฉาซินเหลียนและลูก ๆ ยังไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเมล็ด ดังนั้นพวกเขาจึงไปร้านอาหารเพื่อหาอะไรทาน
พวกเขาทั้งสามคนแม่ลูกทานอาหารที่ร้านอาหารในวันก่อนวันส่งท้ายปีเก่านี้ ภายในร้านอาหารเงียบเหงาไร้ผู้คน มันดึงดูดความสนใจโดยธรรมชาติ
ยิ่งไปกว่านั้น เฉาซินเหลียนคนนี้ค่อนข้างสวย ซึ่งทำให้ยิ่งสะดุดตามากขึ้นไปอีก
และนางก็ตกอยู่ในสายตาของหลี่ซื่อ
วันนั้นหลี่ซื่อเองก็บังเอิญอยู่ที่ร้านอาหารแห่งนั้นเพื่อเฉลิมฉลองกับพวกพ้องของตนเองเช่นกัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาได้ติดตามหมอเหลยเพื่อดูกิจการเกี่ยวกับยาและทำงานได้มากมาย ดังนั้นจึงเชิญกลุ่มคนขนาดใหญ่ไปที่ร้านอาหาร
เนื่องจากฤทธิ์สุรา ยามเขาลงไปชั้นล่างเพื่อจ่ายเงิน เขาก็บังเอิญเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังกินข้าวกับเด็กอีกสองคน เขาจึงอาสาจ่ายค่าอาหารให้ทั้งสามคนอย่างเต็มใจ
หลังจากจ่ายเงินแล้ว หลี่ซื่อยังสั่งอาหารเพิ่มให้เฉาซินเหลียนเป็นพิเศษ เพื่ออวดว่าตนเองร่ำรวย และเดินเข้าไปขอร่วมโต๊ะกับพวกเขาด้วย
หากเฉาซินเหลียนเป็นสตรีที่เคารพศีลธรรม นางจะไม่รับเงินค่าอาหารและอาหารที่เขาสั่งมาให้เด็ดขาด ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นชายหนุ่มแปลกหน้าที่ทั้งตัวคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า
แต่เฉาซินเหลียนไม่คิดเช่นนั้น…
ถ้าเฉาซินเหลียนยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ถูกกู้ฉวนโซ่วดูแลดั่งสมบัติล้ำค่า นางอาจจะไม่สนใจอีกฝ่าย แต่ตอนนี้นางขาดชายหนุ่มเคียงข้างกายมานานแล้ว
สตรีคนนี้ก็เปรียบดังสำนวนที่ว่า อายุสามสิบเหมือนหมาป่า อายุสี่สิบเหมือนเสือ*[1] ส่วนเฉาซินเหลียนอายุเท่าหมาป่ากับเสือ ครอบครัวนี้จะไม่มีผู้ชายได้อย่างไร
ความเงียบเหงาในบ้านช่างน่าอึดอัด
เฉาซินเหลียนไม่เคยคาดหวังว่าจะมีใครเข้ามาพูดคุยด้วย จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ในวันแรกที่เข้ามาในเมือง นางถูกชายหนุ่มรูปหล่อเข้ามาทักทายและจ่ายค่าอาหารให้ด้วย ดังนั้นนางจึงสงสัยว่าชายคนนี้สนใจตัวเองเปล่า
ดังคำกล่าวที่ว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดัง หลี่ซื่อและเฉาซินเหลียนเองก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร
พวกเขาสองคนมีสิ่งที่ซ่อนเร้นและมีเล่ห์เหลี่ยมในใจ พวกเขาต่างมีแผนการของตัวเอง
เฉาซินเหลียนไม่ได้รับการดูแลจากผู้ชายมาเป็นเวลานาน และตอนนี้นางต้องการคนมารดน้ำร่างกายที่เหี่ยวเฉาโดยด่วน ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้นางกำลังขาดเงิน และเงินทั้งหมดในครอบครัวก็ถูกฉวนโซ่วขโมยไป นางไม่มีเงินและครอบครัวยังมีอีกสามปากท้องที่ต้องกิน แล้วจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีเงิน เมื่อเห็นว่าหลี่ซื่อใจดี จึงเกิดความคิดหนึ่งในใจ
เช่นเดียวกับหลี่ซื่อ แม้ว่าเฉาซินเหลียนจะค่อนข้างมีอายุ แต่เพราะนางได้รับการดูแลที่ดีอยู่เสมอ นางจึงงดงามกว่าผู้หญิงทั่วไปในวัยเดียวกัน รูปร่างนี้ยังมีสัดส่วนที่งดงาม ประกอบกับใบหน้าเล็กที่ทำให้คนที่พบเห็นต่างตกตะลึง
*[1] ความใคร่ของผู้หญิงเพิ่มขึ้นตามอายุ