บทที่ 1055 จะไม่ปล่อยไป
บทที่ 1055 จะไม่ปล่อยไป
ฮูหยินเจียงที่สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น เผยให้เห็นผืนป่าดกด้านหน้าได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับกู้ซินเถา ครั้นขยับนิ้วมือเพียงเล็กน้อย ร่างกายก็สั่นสะท้าน
มีเสียงครวญครางด้วยความสุขและความพึงพอใจเปล่งจากริมฝีปาก ราวกับกำลังพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เหล่าคุณหนูทั้งหลายไม่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นกับกู้ซินเถาเมื่อครู่ทำให้พวกนางตกใจมาก ครั้งนี้เมื่อเห็น ‘มุมนี้’ ของฮูหยินเจียงที่เปิดเผย พวกนางก็ยิ่งอ้าปากค้างจ้องมองการกระทำของฮูหยินเจียงอย่างว่างเปล่า
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ยืนอยู่ด้านในสุด นางแค่เลือกที่ที่นางสามารถมองเห็นข้างในได้อย่างชัดเจน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจ
ในใจเกิดรอยยิ้มประชดประชัน
ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกนางเอง ถ้าพวกนางไม่คิดวิธีสกปรกแบบนั้นขึ้นมา ตอนนี้พวกนางคงไม่ต้องอับอายเช่นนี้
ฮูหยินเจียง ท่านอย่าโทษข้าเลย ท่านปฏิบัติกับข้าอย่างไร ข้าก็จะตอบแทนท่านเยี่ยงนั้น
เมื่อมามาเหลิ่งได้ยินว่าคนคนนั้นคือฮูหยินเจียง นางไม่ได้ชายตามองกู้ซินเถาอีกต่อไป นางเบียดตัวเข้าไปในฝูงชนแล้วเข้าไปใกล้บริเวณนั้นขึ้นเรื่อย ๆ
กู้ซินเถาถูกมามาเหลิ่งกระแทกร่างกายอย่างไม่ตั้งใจ ศีรษะที่ไร้เรี่ยวแรงของนางจึงกระแทกพื้นเสียงดังก้อง
เมื่อแทรกตัวเข้าไปบริเวณนั้นสำเร็จ ก็เห็นว่านายหญิงของตนนอนไม่เรียบร้อยอยู่ต่อหน้าผู้คนทั้งหมด และกระทำสิ่งน่าอับอาย
มามาเหลิ่งอยากกัดลิ้นตายเหลือเกิน
“ฮูหยิน…ฮูหยิน ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ?” มามาเหลิ่งถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออก แล้วคลุมลงบนร่างกายฮูหยินเจียง
ฮูหยินเจียงยังคงอยู่ในห้วงกามารมณ์ นางจึงไม่ได้ยินเสียงของมามาเหลิ่ง ดูเหมือนนางจะเป็นทุกข์เมื่อถูกมามาเหลิ่งขัดจังหวะ ใบหน้าของนางยับย่นบูดบึ้ง
“ฮูหยินเจ้าคะ ท่านตั้งสติหน่อยเถอะ พวกเจ้ารีบมาช่วยฮูหยินเร็วเข้า” มามาเหลิ่งรู้สึกเพียงว่ามือและเท้าของนางอ่อนแรงเพราะเรื่องแสนอับอาย ถ้าฮูหยินเจียงตื่นขึ้น เกรงว่าคนในบ้านตระกูลเจียงแห่งนี้คงต้องรับผลที่ตามมา
ทันใดนั้น สาวใช้สองคนปรี่เข้ามาด้วยใบหน้าแดงก่ำ และช่วยมามาเหลิ่งประคองยกฮูหยินเจียงเข้าไปข้างใน
ทุกคนยังคงรวมตัวกันโดยบอกอย่างชัดเจนว่า พวกนางเป็นห่วงฮูหยินเจียง อย่างไรก็ตาม พวกนางก็ยังอยากดูฉากนั้นต่อไป
มามาเหลิ่งจะปล่อยให้พวกนางเข้ามาได้อย่างไร นางเพียงแค่เชิญคนเหล่านั้นออกจากห้อง หลังจากปิดประตูก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวาน พลันเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มและดูไร้เดียงสาของนางก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เตรียมแผนการไว้อย่างชัดเจน และควรเป็นกู้เสี่ยวหวานที่อับอายต่อหน้าทุกคนในวันนี้ แต่ทำไมถึงกลายเป็นกู้ซินเถาและถึงขนาดที่ฮูหยินของนางเข้ามามีส่วนร่วมด้วยล่ะ?
ถ้าฮูหยินตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าตัวเองได้ทำอนาจารต่อหน้าสาธารณชน วันเวลาดี ๆ ของมามาเหลิ่งคงจะหมดลง
แม้จะไม่รู้ว่าทำไมกู้เสี่ยวหวานถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นกับฮูหยิน กู้เสี่ยวหวานจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน
มามาเหลิ่งมองดูกู้เสี่ยวหวานที่ยิ้มอย่างเย็นชา รอยยิ้มของนางดูเหมือนมีความสุขขึ้นเมื่อเห็นตนเองกำลังอารมณ์เสีย แต่ยังคงแสร้งทำสีหน้าเศร้าสร้อย และพึมพำด้วยความกังวล “ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกัน”
กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นกังวลมาก แต่ในสายตาของมามาเหลิ่ง ดูเหมือนว่านั่นเป็นคำเตือน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง มามาเหลิ่งตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และไม่กล้าสบตากู้เสี่ยวหวานต่อไป
เหตุการณ์ที่เหลือทนดังกล่าวเกิดขึ้นในตระกูลเจียง และฮูหยินเจียงก็มีส่วนพัวพันด้วย งานเลี้ยงนี้จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร
หญิงสาวทุกคนก็ทยอยกลับไปทีละคน ก่อนออกไปมามาเหลิ่งยังกำชับเตือนไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป
ทุกคนต่างสัญญากันอย่างดีว่าจะไม่กระจายข่าวนี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ปากนี้อยู่บนใบหน้าของคนอื่น เรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นในตระกูลเจียง นั่นจึงเป็นหัวข้อพูดคุยของทุกคนหลังอาหารเย็น เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เกรงว่าพวกเขาจะพูดถึงเรื่องนี้ได้อีกเป็นปี
ทุกคนที่นี่สัญญาอย่างดีว่าจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หลังจากกลับบ้าน พวกนางก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้วและแอบบอกสมาชิกในครอบครัว
กู้เสี่ยวหวานมาที่นี่ได้อย่างไรก็กลับไปอย่างนั้น แต่วันนี้ให้นางสอนบทเรียนหนักแก่ฮูหยินเจียง และนางก็รู้สึกมีความสุขมากเช่นกัน
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานอารมณ์ดี และยังได้สั่งสอนกู้ซินเถากับฮูหยินเจียง อาโม่ก็อารมณ์ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม วันนี้อยู่ในตระกูลเจียง ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยไม่เข้มงวดนัก เขาที่มีศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก เขาจึงแอบเข้าไปในลานหลังบ้านได้โดยตรง
แต่ถ้าอยู่ในบ้านที่ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา ถ้ามีใครก็ตามที่ต้องการที่จะทำอะไรไม่ดีต่อกู้เสี่ยวหวาน มันไม่ง่ายเลยที่จะป้องกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขาเองยังเป็นผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่สะดวกสำหรับที่จะติดตามกู้เสี่ยวหวานอย่างใกล้ชิด
อาโม่กลับบ้านและบอกฉินเย่จือว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านตระกูลเจียงในวันนี้
ฉินเย่จือเพิ่งกลับมาจากเมืองรุ่ยเสียนในตอนกลางคืน และหลังจากได้ยินเรื่องราวจากอาโม่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น พู่กันในมือของเขาก็หยุดชะงัก
ดวงตาของเขาหรี่ลง และถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกนางใช้ผงปลุกกำหนัดกับหวานเอ๋อร์หรือ?”
การใช้ผงปลุกกำหนัดไม่ใช่เรื่องดี
มันถูกใช้ในหอนางโลมเพื่อทำให้ลูกค้าสับสน หญิงสาวในหอนางโลมจงใจใช้ผงปลุกกำหนัด นอกจากนี้ยังมีสาวใช้และนางสนมในบ้านกล้าใช้เพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากเจ้านาย
ผงปลุกกำหนัดนี้มีสรรพคุณทางยาที่รุนแรง เพียงปริมาณเล็กน้อยก็สามารถทำให้คนหมดสติได้ และจะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป
แต่สิ่งที่ทำลงไปนั้นยังคงอยู่และยากจะลืมเลือน
พอยาหมดฤทธิ์ก็จำได้หมด
อาโม่พยักหน้า
พู่กันในมือของฉินเย่จือหักเป็นสองท่อน
ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างน่ากลัว ดวงตาของเขาเหมือนบ่อน้ำที่ไม่มีระลอกคลื่น
นี่เป็นสัญญาณก่อนที่ฉินเย่จือจะโกรธ
“นายท่าน ตระกูลเจียงตอนนี้ถือว่าเป็นศัตรูที่ต้องกำจัด และวันนี้ฮูหยินเจียงต้องทนทุกข์ทรมานกับความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ ข้าเกรงว่านางจะไม่ปล่อยไป”