ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1080 เยว่เหมยกลับมาแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1080 เยว่เหมยกลับมาแล้ว

บทที่ 1080 เยว่เหมยกลับมาแล้ว

เสี่ยวเกาซื่อคิดว่าเป็นกู้เสี่ยวหวานที่กลับมา จึงซ่อนตัวอยู่ข้างในไม่กล้าเปิดประตู แต่เสียงเคาะประตูเป็นเพียงเสียงเคาะเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ อีก

หลังจากที่เสี่ยวเกาซื่อคิดว่าพวกเขาจากไปแล้ว นางก็ออกมาจากที่ซ่อนตัวและตรงไปเปิดประตู

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่ประตู ในที่สุดเสี่ยวเกาซื่อก็รู้สึกโล่งใจ

แต่เมื่อมองลงไปที่พื้น นางก็เห็นบางอย่างถูกห่อด้วยเสื่อขาด ๆ ทั้งยังเห็นกลุ่มผมสีดำโผล่ออกมา

เสี่ยวเกาซื่อตกใจ และยอบกายลงเปิดเสื่อด้วยมืออันสั่นเทา

เมื่อนางเปิดมัน เพียงเหลือบมองเท่านั้น เสี่ยวเกาซื่อถึงกับถลึงตาและสลบไปทันที

ผู้หญิงข้างบ้านเองก็ลอบมองดูอยู่ไม่ห่าง และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าขนอ่อนทั่วร่างกายลุกชัน นางวิ่งตรงไปที่ร้านจิ่นฝู และบอกกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“แม่นางกู้ เพื่อนบ้านของเสี่ยวเกาซื่อบอกว่าต้องการพบท่าน เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของนางแล้ว ดูเหมือนว่านางกำลังมีเรื่องเดือดร้อน

ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเกาเยว่เหมย นางก็สั่งให้พาคนผู้นั้นเข้ามาทันทีมาโดยไม่ต้องคิด

นั่นคือผู้หญิงที่เข้ามาคุยกับนางเมื่อเช้า

ผู้หญิงคนนั้นมีท่าทางหวาดกลัว และเมื่อนางเห็นกู้เสี่ยวหวาน นางก็เอ่ยขึ้นคำแรกว่า “เสี้ยนจู่ เยว่เหมยกลับมาแล้ว”

จากนั้นนางก็อธิบายสถานการณ์อันน่าเศร้าของเยว่เหมยให้กู้เสี่ยวหวานฟัง และนางก็ได้แต่ตกตะลึง

เมื่อนางมาถึงบ้านตระกูลเกาและเห็นสภาพที่น่าเศร้าของเกาเยว่เหมย แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะเคยได้ยินผู้หญิงคนนี้พูดถึงสถานการณ์ที่น่าเศร้าของเกาเยว่เหมย แต่เมื่อเห็นเช่นนี้นางรู้สึกเศร้าและโกรธอย่างมาก

ร่างกายของเกาเยว่เหมยไม่มีแม้แต่ผ้าคลุมเพื่อปกปิดร่างกายของนาง นางถูกห่อด้วยเสื่อ และถูกทิ้งไว้ที่ประตูบ้านตระกูลเกาเหมือนขยะ

เมื่อเสี่ยวเกาซื่อเห็นสภาพที่น่าสลดใจของเกาเยว่เหมย ก็หมดสติลงอยู่หน้าประตูบ้าน

แต่กู้เสี่ยวหวานต้องการให้เสี่ยวเกาซื่อคนนี้ตาย ๆ ไปเสีย

เกาเยว่เหมยยังคงนอนนิ่งไม่ได้สติ บนผิวหนังที่เปิดเผยออกมาเต็มไปด้วยรอยช้ำ และผิวหนังของนางบางส่วนถูกของมีคมกรีดจนเนื้อปริออกมา เนื่องจากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมจึงสามารถเห็นเนื้อด้านในได้ชัดเจน และส่งกลิ่นคาวเลือดออกมาคละคลุ้ง

เมื่อพ่อของนางเห็นสภาพที่น่าสงสารของเกาเยว่เหมย เขาก็แทบหมดสติไปทันที

เขากอดเกาเยว่เหมยและร้องไห้

“เยว่เหมย ข้าไม่ควรเชื่อคำพูดของนังอสรพิษนั่นที่บอกว่าเจ้าจะไปมีความสุข ข้าจึงยอมตกลงให้เจ้าไป”

ท่านพ่อเการ้องไห้ฟูมฟาม ท้ายที่สุดนางก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา และเป็นลูกสาวของเขา ตอนนี้ลูกสาวของเขากลายเป็นแบบนี้ การที่เขารู้สึกเจ็บปวดนั้นเป็นเรื่องปกติ

เกาเยว่เหมยในตอนนี้เหมือนตุ๊กตาผ้า จิตฟุ้งซ่านและสูญเสียความสามารถในการตัดสินใจ

กู้เสี่ยวหวานเชิญท่านหมอพานมาที่นี่ แม้แต่ท่านหมอพานที่ได้เห็นสภาพที่น่าสงสารของนางก็ได้แต่อ้าปากค้าง “ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้”

ท่านหมอพานสั่งยา และบอกวิธีใช้ก่อนขอตัวกลับ

ฉินเย่จือได้ข่าวก็รีบไปที่บ้านตระกูลเกาทันที

เมื่อเห็นท่าทีของกู้เสี่ยวหวานที่ราวกับสูญเสียวิญญาณไปแล้ว หัวใจของฉินเย่จือก็เจ็บปวด เขากอดกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขนและปลอบโยนนาง “หวานเอ๋อร์ รอข้าวันเดียว เพียงแค่วันเดียว พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ตระกูลเจียงต้องชดใช้”

น้ำตาของกู้เสี่ยวหวานราวกับสร้อยลูกปัดที่ด้ายขาด น้ำตาไหลพรากเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้า “พี่เย่จือ เยว่เหมย นางช่างน่าสงสารจริง ๆ…”

ร่างกายของนางไม่เหลือร่องรอยสีเดิมแม้แต่น้อย และเพราะเสี่ยวเกาซื่อหมดสติไปแล้ว กู้เสี่ยวหวานและเพื่อนบ้านจึงอุ้มกาเยว่เหมยเข้าไปในบ้าน ทั้งร่างกาย หน้าอก และแผ่นหลังนี้ถูกทำร้ายจนจำสีเนื้อเดิมไม่ได้

และในขณะนี้ร่างกายส่วนล่างของนางยังมีเลือดออกเป็นระยะ โคนขาของนางมีคราบเลือดสีเข้มจนไม่สามารถเห็นสีเดิมได้ และเลือดสดใหม่ก็ซึมลงผ้าปูที่นอนทันที

หลังจากกินยา อาการของนางดีขึ้นเล็กน้อย

แต่คนที่สบายดีเมื่อสองสามวันก่อน ในตอนนี้เหลือเพียงลมหายใจ

ถ้าเฉินจื่อไป๋รู้เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะเสียสติขนาดไหน

หลังจากเกาเยว่เหมยดื่มยาแล้ว นางก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ใบหน้าของนางดูดีขึ้นกว่าตอนที่กลับมาที่นี่มาก ท่านหมอพานบอกว่าตราบใดที่ดูแลนางอย่างดี นางก็จะไม่มีปัญหาอะไร

ตอนนี้หาเกาเยว่เหมยเจอแล้ว เหลือเพียงเฉินจื่อไป๋ที่พวกเขายังต้องตามหาต่อไป

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเสี่ยวเกาซื่อเลย แต่นางกลัวว่าเสี่ยวเกาซื่อจะทำอะไรผิดพลาดอีกครั้ง เพื่อที่จะดูแลเกาเยว่เหมยด้วยตนเองจึงตัดสินใจพาเกาเยว่เหมยไปที่สวนกู้

เนื่องจากเฉินซื่อ มารดาของเฉินจื่อไป๋ถูกกู้เสี่ยวหวานพาตัวไปที่สวนกู้เพื่อพักฟื้นหลังจากที่เฉินจื่อไป๋หายตัวไป ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานางจึงมีสุขภาพที่ดีขึ้น

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ พาคนกลับมา ในตอนแรกกู้ฟางสี่รู้สึกดีใจและคิดว่าคนคนนั้นได้รับการช่วยเหลือกลับมา แต่เมื่อเห็นคนในอ้อมแขนของอาโม่ และแก้มของนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำสีม่วง กู้ฟางสี่จึงกำมือแน่น “สวรรค์ เกิดอะไรขึ้นกับเยว่เหมย”

เมื่อนางเห็นรอยฟกช้ำและรอยแผลบนร่างกายของเยว่เหมย กู้ฟางสี่ก็สาปแช่ง “เจ้าสัตว์เดรัจฉาน!”

น้ำตาพลันไหลอาบแก้ม

ในอดีต ตอนที่นางอยู่กับหลิวชิงซาน นางเองก็เคยมีชีวิตแบบนี้เช่นกัน แต่โชคดีที่หลิวชิงซานไม่โหดร้ายขนาดนี้

คนแซ่ฟู่นั้นจะฆ่าเกาเยว่เหมยหรืออย่างไร

“แซ่ฟู่คนนี้โหดเหี้ยมเกินไป เยว่เหมยเป็นผู้หญิงที่ดี นางจะถูกเขาทำร้ายแบบนี้ได้อย่างไร เด็กน้อยผู้น่าสงสาร” กู้ฟางสี่เหมือนมองเห็นของตนเองในอดีต เมื่อนึกถึงอดีตที่น่าหดหู่ น้ำตาของนางก็ไหลลงมา

น้ำตาของกู้เสี่ยวหวานไหลไม่หยุด เมื่อมองสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายของเกาเยว่เหมย หัวใจของนางก็ราวกับโดนมีดแทง ไม่กี่วันก่อน นางยังเป็นเด็กสาวที่มีชีวิตชีวา อ่อนโยน และใจดี แต่ตอนนี้นางกลายเป็นคนครึ่งตายไปแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงว่ามันอึดอัดแค่ไหน ตอนนี้ยังไม่ทราบที่อยู่ของเฉินจื่อไป๋ ถ้าเขารู้ว่าเกาเยว่เหมยกลายเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะเสียสติมากแค่ไหน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท