ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1098 กระวนกระวาย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1098 กระวนกระวาย

บทที่ 1098 กระวนกระวาย

ถานอวี้ซูมีนิสัยสดใสร่าเริง ยังไม่ทันข้ามคืน ทุกคนเริ่มสนิทคุ้นเคยกับนางและเข้ากันได้เป็นอย่างดี

เพราะไม่ได้บอกเรื่องตัวตนที่แท้จริงของถานอวี้ซูให้ทุกคนรู้ ตอนไปมาหาสู่กันกับถานอวี้ซูจึงไม่ได้มีอุปสรรคใด ๆ และทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

กู้หนิงผิงคือคนที่ตื่นเต้นที่สุด เขาไม่คิดเลยว่าถานอวี้ซูจะตามพวกเขากลับไปที่ร้านจิ่นฝู อีกทั้งยังบอกอีกว่า ในอนาคตจะอาศัยอยู่ที่ร้านจิ่นฝูด้วย ทันใดนั้น ใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปถึงใบหู เมื่อเขามองไปที่รูปร่างหน้าตาอันสะสวยของถานอวี้ซู ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเขารู้สึกเหมือนได้กินน้ำผึ้ง มันช่างหวานเหลือเกิน

กู้หนิงผิงรู้สึกกระวนกระวายในหัวใจเมื่อเห็นถานอวี้ซู มันเหมือนกับว่ามีใครเอาสำลีมาต่อยผิวที่นุ่ม ๆ

“แม่นางถาน เมื่อครู่ในครัวเพิ่งต้มน้ำแกงเม็ดบัวเสร็จ มันยังอุ่น ๆ อยู่ เจ้าอยากได้อะไรอีกหรือไม่”

น้ำแกงเม็ดบัวนี้ กู้หนิงผิงตั้งใจปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ แต่เขาโกหกว่าเป็นพ่อครัวที่เป็นคนปรุงขึ้นมา เขายกน้ำแกงเม็ดบัวขึ้นมาที่หน้าประตูห้องของถานอวี้ซู

อาอวี้กำลังจัดสัมภาระอยู่ข้างใน เตรียมจะไปเปิดประตูก็เห็นถานอวี้ซูวางของในมือลงและวิ่งไปเปิดประตูด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

อาอวี้เกิดอาการอกสั่นขวัญหายเมื่อเห็นคุณหนูของตนมีท่าทางกระโดกกระเดก จึงพร่ำบ่นว่า “คุณหนู เดินช้า ๆ สิเจ้าคะ ถ้าท่านปู่มาเห็นเข้าเดี๋ยวจะโดนตำหนิอีก”

ถานอวี้ซูไม่ฟังคำเตือนของอาอวี้เลยสักนิด นางโบกมือพัลวัน อีกทั้งยังกระโดดโลดเต้นไปตลอดทาง แล้ววิ่งไปเปิดประตู

ถานอวี้ซูเห็นกู้หนิงผิงยืนอยู่ข้างนอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ ในมือของเขาถือชามน้ำแกงอยู่เหมือนกับของล้ำค่า “แม่นางถาน น้ำแกงเม็ดบัวนี้ยังอุ่นอยู่ เจ้าจะดื่มหน่อยหรือไม่”

ถานอวี้ซูรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นร้อนใน”

“เอ่อ… ข้า…” กู้หนิงผิงมองถานอวี้ซูด้วยความลำบากใจและพูดว่า “ตอนมื้อค่ำ เจ้าบอกว่าเจ้าชอบกินเผ็ด แต่กลับไม่เห็นเจ้าคีบอาหารเผ็ด ๆ เลย กินไปนิดเดียวก็ทำหน้าเหยเก เลยคิดว่าเจ้าน่าจะเป็นร้อนใน”

ถานอวี้ซูได้ยินว่ากู้หนิงผิงสังเกตเห็นอาการของตนเองก็แปลกใจเล็กน้อย “ทำไมท่านถึงเห็นล่ะ”

กู้หนิงผิงมีนิสัยที่เรื่อยเฉื่อยแต่ไหนแต่ไร และแม้แต่เขาเองก็รู้สึกแปลกเล็กน้อย ทำไมถึงต้องสังเกตอีกฝ่ายละเอียดขนาดนี้

เพียงแต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ และยังตอบถานอวี้ซูไม่ได้จริง ๆ

ถานอวี้ซูรับน้ำแกงเม็ดบัวมาจากมือของกู้หนิงผิง จากนั้นก็ตักขึ้นมาหนึ่งช้อนและกำลังจะใส่เข้าปาก พอกู้หนิงผิงเห็นก็รีบพูดว่า “ระวังร้อน!”

ถานอวี้ซูเป็นคนที่มีนิสัยอารมณ์ร้อน นางจึงซดน้ำแกงเข้าปากทั้งหมดในคราวเดียว มันร้อนจนนางกัดฟัน หากแต่ก็ไม่ยอมบ้วนออกมา

กู้หนิงผิงตกใจจนสะดุ้งโหยง “เจ้า…เจ้ารีบบ้วนออกมา”

กู้หนิงผิงเห็นท่าทางร้อนรนของถานอวี้ซูแบบนั้น ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด

เมื่อมองไปที่ท่าทางของถานอวี้ซูแล้ว เขาก็แทบจะอยากตบหน้าตัวเอง ทำไมไม่รอให้น้ำแกงเย็นลงแล้วค่อยเอามาให้นางกันนะ?

ถานอวี้ซูสูดลมหายใจเข้า และในที่สุดน้ำแกงในปากของนางก็เริ่มเย็นลง ก่อนจะกลืนลงคอภายในอึกเดียว “หวานมาก! ข้าชอบกินของหวานที่สุดเลย”

กู้หนิงผิงเห็นนางไม่มีท่าทีโดนลวกแบบเมื่อครู่แล้วก็โล่งใจ แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะพูดปลอบใจนาง

“ทำไมเจ้าไม่บ้วนออกมา”

ถานอวี้ซูหัวเราะออกมาพลางตักน้ำแกงขึ้นดื่มอีกคำและพูดว่า “ทำไมข้าต้องบ้วนออกมาด้วยล่ะ กว่าท่านจะทำมันเสร็จนั้นไม่ง่ายเลย”

กู้หนิงผิงรู้สึกสับสันนิดหน่อย ปากเริ่มเม้มเข้าหากันแน่น “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นคนทำ”

“หลังจากเสร็จงาน พ่อครัวก็กลับไปนานแล้ว ตอนที่ข้ามาที่นี่วันแรก พี่เสี่ยวหวานบอกว่าตอนเย็นให้กินเยอะ ๆ หน่อย ไม่เช่นนั้นถ้าหิวขึ้นมาจะต้องทำอาหารกินเอง เช่นนั้นแล้วน้ำแกงเม็ดบัวนี้ หากไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนทำ แล้วใครจะทำเล่า?” ถานอวี้ซูมีสีหน้าภาคภูมิใจ เหมือนกับกำลังบอกกู้หนิงผิงว่า ท่านโกหกข้าไม่ได้หรอก และดวงตาของนางเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ พี่หนิงผิง”

ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ตั้งแต่นางจำความได้ก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ นางใช้ชีวิตทั้งวันอยู่กับท่านปู่ที่รูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแรงบึกบึน ท่านปู่เป็นทหารที่ต่อสู้ในสงคราม และในบ้านจะมีเสียงอึกทึกคึกโครมทั้งวัน เสียงนั้นได้ยินถึงท้องถนนและข้างบ้าน

ตราบใดที่คนอื่นได้ยินเสียงที่มาจากบ้านถานนั้น พวกเขาจะรู้ว่าชายชราคนนี้กำลังฝึกฝนหลานสาวของเขาอีกแล้ว

ถานอวี้ซูมีนิสัยเรื่อยเฉื่อยแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่จำความได้ก็อยู่กับถานเย่สิง นางจึงมีทักษะการต่อสู้และมีความกล้าหาญ ทั้งยังชินกับชีวิตที่สง่างามนี้แล้ว

ตอนนี้เมื่อเห็นกู้หนิงผิงปฏิบัติกับตนอย่างอ่อนโยนก็รู้สึกตื่นเต้น

พอได้ยินถานอวี้ซูเรียกตนว่าพี่หนิงผิง ใบหน้าของกู้หนิงผิงขึ้นสีแดงก่ำ และรู้สึกว่าใบหน้าของตนเองร้อนผ่าว มือก็ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน ปากก็สั่นและพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “ไม่…ไม่ต้องขอบคุณ”

พูดยังไม่ทันจบ คนก็วิ่งหนีไปแล้ว พื้นที่ที่ถูกเหยียบย่ำก็เกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด

ถานอวี้ซูอยู่ด้านหลังและมองท่าทางของกู้หนิงผิงที่วิ่งหนีเตลิดออกไป และเสียงหัวเราะอันสดใสก็ดังขึ้นในร้านจิ่นฝูที่เงียบสงบนี้ ดูเหมือนว่านางจะได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของใครบางคนเสียแล้ว

กว่ากู้หนิงผิงจะวิ่งกลับมาถึงห้องได้มันไม่ง่ายเลย เขารู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวราวกับได้ดื่มสุรา

หลังจากได้เข้าไปในห้อง และแน่ใจว่าถานอวี้ซูมองไม่เห็นตนเอง เขาจึงทิ้งตัวพิงประตูและถอนหายใจออกมา

กู้หนิงอันเห็นท่าทางรีบร้อนของน้องชายก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เจ้าเป็นอะไร ทำไมหน้าแดงเหมือนก้นลิงเลย”

กู้หนิงอันมองไปที่น้องชายฝาแฝดของเขาและถามออกมาด้วยความสงสัย

กู้หนิงผิงวิ่งมาด้วยความรวดเร็ว เสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ดังขึ้นยังทำให้คิดว่าข้างหลังมีสัตว์ประหลาดไล่ตามมา

เมื่อเห็นกู้หนิงผิงไม่พูด กู้หนิงอันจึงถามต่อ “เจ้าวิ่งเร็วขนาดนั้น มีปีศาจไล่ตามเจ้ามาหรืออย่างไร”

“ท่านพี่ ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร” กู้หนิงผิงพูดตะกุกตะกักและปิดประตูลง

หลังจากกู้หนิงผิงปิดประตูแล้ว เขาก็ไม่สนใจสายตาแปลกประหลาดของพี่ชายและตรงไปขึ้นเตียงทันที

กู้หนิงผิงทิ้งตัวนอนลงบนเตียง เขาอยากจะทำจิตใจให้สงบ หากแต่หัวใจก็เต้นระรัวไม่หยุด ราวกับว่ามีกวางตัวหนึ่งกำลังวิ่งเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ

——————————————————————–

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท