บทที่ 1112 ภูมิหลังไม่ธรรมดา
บทที่ 1112 ภูมิหลังไม่ธรรมดา
จินซื่อข่ายหันศีรษะไปมองอาอวี้ “เจ้าพูดว่านางเป็นหลานสาวของใครนะ”
กู้หนิงผิงถูกผลักลงไปที่พื้น และเขาก็ได้ยินคำพูดของอาอวี้เช่นกันว่าเป็นหลานของแม่ทัพใหญ่
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะมาคิดเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ เขาต้องการช่วยถานอวี้ซูก่อนเป็นอันดับแรก
เขาพยายามดิ้นเพื่อที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของคนเหล่านี้ แต่เนื่องจากตนเองอายุยังน้อยและคู่ต่อสู้ยังเป็นชายโตเต็มวัย เขาจึงถูกกดลงกับพื้น ใบหน้าของเขาแนบติดกับพื้น เขาเคลื่อนไหวและส่งเสียงไม่ได้
ถานอวี้ซูหันศีรษะของนางและเห็นว่ากู้หนิงผิงถูกคนเหล่านี้กดลงบนพื้นอย่างแรง เขาไม่สามารถส่งเสียงพูดใด ๆ ได้ และทำได้เพียงมองมาที่นางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ตึงเครียด และหวาดกลัว
น้ำตาของถานอวี้ซูไหลออกมาอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ และนางร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด “พี่หนิงผิง!”
จากนั้นนางก็ตะโกนเสียงดัง “จินซื่อข่าย ข้าเป็นหลานสาวของถานเย่สิง แม่ทัพใหญ่ระดับสอง หากเจ้ากล้าแตะเส้นผมของข้าแม้แต่เส้นเดียว ปู่ของข้าจะเผาตระกูลจินของเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลอง”
บารมีของถานเย่สิงเลื่องลือไปทั่วอาณาจักรต้าชิงแล้ว
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ได้ยินมาว่าตอนที่ถานเย่สิงอยู่ในช่วงรุ่งเรือง เขาคัดเลือกทหารชั้นยอดและแข็งแกร่งหลายร้อยนายไปสนามรบ
เขาได้รับตำแหน่งแม่ทัพผู้ไร้พ่ายในทันที และชื่อเสียงของเขาก็เลื่องลือไปทั่วทางเหนือและทางใต้ของต้าชิง
เมื่อกองทัพข้าศึกได้ยินชื่อของเขาก็ตกใจประหวั่นพรั่นพรึง
หลังจากได้ยินชื่อของเขา ผู้คนก็เคารพและรักเขา เรียกเขาว่าผู้พิทักษ์
ถานเย่สิงเป็นตำนานที่อยู่ยงคงกระพันเมื่อสิบกว่าปีก่อน ความสงบสุขของต้าชิงได้รับการปกป้องโดยถานเย่สิงด้วยเลือดและหยาดเหงื่อ
เมื่อจินซื่อข่ายได้ยินชื่อของถานเย่สิง เขาก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้จริง ๆ แต่ปู่ของเขาน่าจะเคยได้ยิน น่าเสียดายที่จินซื่อข่ายมึนงงกับเรื่องนี้
เมื่อได้ยินว่าแม่ทัพใหญ่ระดับสอง ช่างอยู่ห่างไกลจากญาติของเขามาก
จากนั้นเขาก็ไม่ใส่ใจและพูดอย่างเฉยเมย “ก็เป็นแค่ขุนนางระดับสอง ข้านึกว่าเป็นองค์หญิงในวัง ใครก็ได้มานี่หน่อย พาสาวใช้ผู้นี้ไป ข้าอยากจะเห็นว่าระหว่างนายกับสาวใช้ ใครจะยอดเยี่ยมกว่ากัน”
สิ่งที่จินซื่อข่ายพูดไม่ได้แสดงความเคารพต่อแม่ทัพใหญ่เลย อาอวี้และถานอวี้ซูก็ตื่นตระหนกในขณะนี้
เมื่อกู้หนิงผิงเห็นว่าจินซื่อข่ายกำลังจะพรากทั้งนายและคนรับใช้ไป เขาก็แทบจะเป็นบ้า
“อื้อ… อื้อ…” เขานอนอยู่บนพื้น ไม่มีแรงต้านทานเลย ทำได้เพียงกรีดร้องต่อไป
เขาจ้องมองที่จินซื่อข่ายอย่างดุดันราวกับว่าเขาต้องการที่จะฉีกเนื้ออีกฝ่ายออกเป็นชิ้น ๆ
จินซื่อข่ายหัวเราะเมื่อเห็นว่าคนของเขาจับทั้งถานอวี้ซูและอาอวี้ไป
ด้วยรอยยิ้มนี้ เขายื่นมือซ้ายและขวาออกไปสัมผัสใบหน้าของคนทั้งสองตามลำดับ
ถานอวี้ซูและอาอวี้ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างด้วยความโกรธ
เมื่อจินซื่อข่ายเห็นว่านายและคนรับใช้มีอารมณ์รุนแรงเช่นนี้ เขาก็ยิ้มเยาะอีกครั้ง
“จินซื่อข่าย เจ้าไม่ตายดีแน่” ถานอวี้ซูกัดฟันและสาปแช่ง
อาอวี้ยังพูดเสริม “จินซื่อข่าย เจ้าจะทำอะไรก็มาทำที่ข้า ข้าขอร้อง อย่าแตะต้องคุณหนูของข้า”
ถานอวี้ซูเห็นอาอวี้ปกป้องตน จึงเริ่มที่จะขอร้องอ้อนวอนกับจินซื่อข่าย
นางทำไม่ได้ นางจะปล่อยให้ทุกคนต้องทนทุกข์กับนางไม่ได้
“จินซื่อข่าย เจ้าต้องการข้าไม่ใช่หรือ ตกลง ข้าจะไปกับเจ้า ข้าจะทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ ตราบใดที่เจ้าปล่อยท่านพี่หนิงผิงและอาอวี้ไป” ถานอวี้ซูรู้ว่าตอนนี้พวกเขาไม่มีทางออก
“ปล่อยไปอย่างนั้นหรือ ถานอวี้ซู เจ้าไม่รู้หรือว่าสถานการณ์ของเจ้าเป็นอย่างไร เจ้าเป็นเนื้อสัตว์ที่ตระกูลของข้าซื้อมาแล้ว ข้าจะกินเมื่อไรก็ได้ที่ข้าต้องการ” จินซื่อข่ายโบกมือของเขาโดยไม่สนใจสิ่งที่ถานอวี้ซูพูด “ไป ข้าจะไปมีช่วงเวลาดี ๆ”
คนรับใช้ดึงตัวถานอวี้ซูและอาอวี้ให้ออกไป แต่พวกนางขัดขืนไม่ยอมไป
แต่ท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นการดึงของข้ารับใช้ที่แข็งแกร่งเหล่านี้
เมื่อกู้หนิงผิงเห็นจินซื่อข่ายพาถานอวี้ซูและคนของนางออกไป เขาก็แทบคลั่ง เขานอนอยู่บนพื้นและจ้องมองไปยังทิศทางที่พวกเขากำลังเดินไปโดยไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ
ถานอวี้ซูกำลังถูกพาเข้าไปในบ้าน แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ที่รุนแรงดังมาจากลานหน้าบ้าน
เมื่อจินซื่อข่ายได้ยินว่ามีคนกำลังต่อสู้อยู่ที่หน้าบ้านของเขา เขาก็ตะโกนทันที “ไปที่ลานหน้าบ้านและดูซิว่าใครกันที่หยามข้าถึงที่”
ถานอวี้ซูและอาอวี้ยังได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ลานหน้าบ้านอยู่ หัวใจของพวกนางก็เต็มไปด้วยความหวัง
ใช่ท่านพี่เสี่ยวหวานมาช่วยพวกเขาหรือไม่ เมื่อพบว่าพวกเขาหายตัวไป
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ยินดีบนใบหน้าของถานอวี้ซูและอาอวี้ จินซื่อข่ายดูเหมือนจะเดาได้ว่าทั้งสองกำลังคิดอะไร และยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของถานอวี้ซู
ถานอวี้ซูไม่สามารถหลบได้ทันและถูกจินซื่อข่ายสัมผัสเข้า นางรู้สึกว่าตอนนี้ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรก
นางจ้องไปที่จินซื่อข่ายอย่างโกรธเคืองและเอาแต่เอียงศีรษะเพื่อเช็ดหน้า เกือบจะอาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยง
“จินซื่อข่าย เจ้าอย่าแตะต้องคุณหนูของข้า เจ้าจะทำอะไรก็มาทำที่ข้านี่” อาอวี้ตะโกนอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นว่าจินซื่อข่ายดูแคลนถานอวี้ซู
“หวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยพวกเจ้าหรือ ฝันไปเถอะ” จินซื่อข่ายเย้ยหยัน ชี้ไปที่ยังทิศทางของเสียงที่ลานหน้าบ้านและพูดอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าทั้งสองคนไม่รู้เบื้องหลังของตระกูลจินของข้าสินะ ข้าไม่รังเกียจที่จะบอกเจ้าหรอกนะว่า ตระกูลจินของข้าไม่ใช่ตระกูลที่เข้ามาแล้วออกไปได้ง่าย ๆ ใครกล้ามาหยามข้า ข้าจะไม่ปล่อยผู้นั้นไว้”
จินซื่อข่ายตะคอกอย่างเย็นชา “ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ตระกูลของข้ามีญาติที่เป็นขุนนางระดับสูงในเมืองหลวง อย่าคิดว่าข้าจะกลัวคำลวงของพวกเจ้าที่เอาชื่อใครไม่รู้มาอ้าง”
“ถ้าเจ้าไม่กลัว ก็แสดงว่าภูมิหลังของเจ้าไม่ธรรมดาสินะ” ถานอวี้ซูได้ยินว่าจินซื่อข่ายไม่กลัวเจ้าหน้าที่ระดับสอง จึงเดาได้ทันทีว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของบุคคลนี้ไม่ธรรมดา”
——————————————————————–