ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1118 หนิงผิงฟื้นคืนสติ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1118 หนิงผิงฟื้นคืนสติ

บทที่ 1118 หนิงผิงฟื้นคืนสติ

หากมีบางอย่างผิดปกติกับถานอวี้ซู นางเกรงว่า…

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ฉินเย่จือราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ และเห็นว่าฉินเย่จือพยักหน้าให้ตนเองอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่ายอมรับคำขอของถานอวี้ซู

เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือเห็นด้วยจริง ๆ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง

“ตกลง ข้าจะยอมให้เจ้าดูแลหนิงผิง แต่ถ้าร่างกายของเจ้ารับไม่ไหว เจ้าต้องกลับไปพักผ่อนทันทีและอย่าหักโหมมากเกินไปนะ”

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเห็นด้วย ถานอวี้ซูรีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า และพูดอย่างมีความสุขว่า “ข้ารู้เจ้าค่ะพี่เสี่ยวหวาน”

หลังจากพูดสิ่งนี้ ถานอวี้ซูหันศีรษะไปมองกู้หนิงผิงหลับอย่างไม่ได้สติ ดวงตาของนางพร่ามัวอีกครั้ง นางพูดอย่างเศร้าใจ “พี่หนิงผิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะข้า อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยของข้านั้นเทียบไม่ได้เลย”

เมื่อเห็นว่านางยืนยันที่จะทำเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานเองก็จำใจยอมรับความพ่ายแพ้

ถานอวี้ซูทำตามที่นางพูดจริง ๆ นับตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา นางไม่เคยอยู่ห่างจากเตียงของกู้หนิงผิงเลย นางคอยป้อนยา ป้อนอาหาร เปลี่ยนยา และเช็ดตัวให้กู้หนิงผิง นางล้วนทำทั้งหมดด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นการทำงานหนักของถานอวี้ซู กู้เสี่ยวหวานก็รู้ว่าเมื่อมองย้อนกลับไปที่กู้หนิงผิงที่ไม่สนใจชีวิตและความตายของตนเพื่อช่วยถานอวี้ซู มันก็ทำให้นางเข้าใจว่ากู้หนิงผิงมองว่าถานอวี้ซูเหมือนดั่งชีวิตตัวเองจริง ๆ

หลังจากเหตุการณ์นี้ กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของกู้หนิงผิงและถานอวี้ซูอีกต่อไป

นางไม่ต้องกังวลว่าสถานะของกู้หนิงผิงไม่คู่ควรกับถานอวี้ซูอีกต่อไป

ถ้าชอบใครสักคนจริง ๆ จนถึงขั้นตายแทนกันได้

หากอีกฝ่ายยังคงปฏิเสธที่จะตกหลุมรักด้วย เพียงอ้างเรื่องสถานะสูงหรือต่ำก็อาจกล่าวได้ว่า ถานอวี้ซูไม่ได้ดีพอสำหรับกู้หนิงผิง

ด้วยการดูแลอย่างระมัดระวังของถานอวี้ซูทั้งตลอดทั้งวันและทั้งคืน กู้หนิงผิงก็ฟื้นขึ้นมาในที่สุด

กู้หนิงผิงลืมตาอย่างเชื่องช้า และเมื่อกวาดสายตามองไปรอบด้านก็พบกับม่านเตียงอันแสนอบอุ่น

เขาสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าที่นี่คือร้านจิ่นฝู และนี่คือห้องของเขา

เมื่อนึกย้อนไปถึงฉากที่กู้เสี่ยวหวานและท่านอาจารย์ที่มาช่วยพวกเขาในบ้านตระกูลจินก่อนที่เขาจะตกอยู่ในอาการสาหัส เสียงร้องโหยหวนของถานอวี้ซูทำให้กู้หนิงผิงรู้สึกกังวลอยู่พักหนึ่ง

อวี้ซูเป็นอย่างไรบ้าง?

เพื่อช่วยตัวเขา นางจึงถูกคนรับใช้ของตระกูลจินตบใบหน้า

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้หนิงผิงก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะนอนบนเตียงจึงผุดลุกขึ้นทันที

เขาพยุงร่างกายตนเองขึ้น แต่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากบริเวณแขนทำให้เขาล้มลงอีกครั้ง

เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว ถานอวี้ซูซึ่งนอนพักอยู่ข้างเตียงก็ตื่นขึ้นทันที และเปิดม่านโผล่หน้าเข้าไป

เมื่อกู้หนิงผิงเห็นนาง เขาเบิกตากว้างจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา

ถานอวี้ซูตกตะลึงในตอนแรกก่อนจะตามด้วยความปีติยินดี หลังจากนั้นก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ หยาดน้ำตาหยดลงบนร่างกายของกู้หนิงผิง แต่เมื่อพิจารณาถึงอาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย ก็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา “ท่านพี่หนิงผิง ในที่สุดท่านก็ฟื้น”

กู้หนิงผิงตกตะลึงในตอนแรก

เขาไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้น คนแรกที่เขาเห็นคือถานอวี้ซูที่กำลังคิดถึง

กู้หนิงผิงไม่สามารถยับยั้งความปีติยินดีของเขาได้

“อวี้ซู ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

กู้หนิงผิงผงะเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เบ้าตาที่ดำคล้ำของถานอวี้ซู เขาก็มั่นใจในความคิดของตัวเองมากขึ้น

กู้หนิงผิงไม่สามารถบังคับมุมปากที่ยกขึ้นของตนเองที่ยกขึ้นได้

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเขาตื่นขึ้น นางก็รู้สึกดีใจ

ท่านหมอพานกล่าวว่า ตราบใดที่กู้หนิงผิงฟื้นขึ้น ให้เขาขยับมือที่บาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นเขาจะสามารถดูว่ามีปัญหาร้ายแรงหรือไม่

ภายใต้คำแนะนำของท่านหมอพาน กู้หนิงผิงขยับทุกนิ้วเล็กน้อย ท่านหมอพานมองดูแล้วยิ้ม “ไม่ต้องห่วง กล้ามเนื้อและกระดูกไม่บาดเจ็บ ถือว่าโชคดีท่ามกลางความโชคร้าย”

ท่านหมอพานกล่าวว่า ตอนนี้ไม่เป็นไร ไม่มีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อและกระดูก อาการบาดเจ็บของกู้หนิงผิดนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกคนรู้สึกโล่งใจและกำลังรอให้กู้หนิงผิงฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ

อีกไม่กี่วันผ่านไป กู้หนิงผิงก็สามารถเดินเหินได้จากการช่วยเหลือของถานอวี้ซู

แผนการที่กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือจะไปที่ภูเขาหมินนั้นถูกระงับไว้เพราะเรื่องนี้

กู้หนิงผิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ว่ากู้เสี่ยวหวานจะทำอะไร นางจะไม่ทิ้งกู้หนิงผิงไว้ข้างหลัง และอาสาทำมันคนเดียวทั้งหมด

ฉินเย่จือเข้าใจความคิดของกู้เสี่ยวหวานเป็นอย่างดี

เดิมทีทุกคนคิดว่า พวกเขาจะกลับไปยังเมืองหลิวเจียเมื่อกู้หนิงผิงฟื้นตัว แต่ผู้ใดจะไปคาดคิดว่า วันนี้ก่อนที่ท้องฟ้าจะสลัว ร้านจิ่นฝูจะถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน

เนื่องจากยังไม่รุ่งสาง บนท้องถนนจึงไม่ได้มีผู้คนมากนัก และมีคนบางส่วนเท่านั้นที่มุ่งหน้าไปที่ตลาดเช้า บรรยากาศรอบด้านจึงเงียบสงบ

กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ถูกปลุกขึ้นจากห้วงแห่งความฝันด้วยเปลวไฟที่ลุกโชนด้านนอก กู้เสี่ยวหวานมองออกไปข้างนอกและเห็นกลุ่มคนท่ามกลางบรรยากาศที่มืดมิด

กู้เสี่ยวหวานตกใจเมื่อเห็นคนมากมายมายืนล้อมรอบร้านจิ่นฝูไว้

ป้าจาง กู้ฟางสี่ ฉือโถว และคนอื่น ๆ ต่างเข้ามาหากู้เสี่ยวหวานเมื่อเห็นสถานการณ์วุ่นวายข้างนอก และสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“เสี่ยวหวาน เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้างนอกถึงมีคนเยอะขนาดนี้”

กู้เสี่ยวหวานเดาว่าคนเหล่านี้ถูกส่งมาจากตระกูลจินอย่างแน่นอน

เมื่อทุกคนจัดการตนเองเรียบร้อยและลงไปถึงข้างล่าง ฉินเย่จือกำลังรอพวกเขาอยู่ข้างล่างและเตรียมจะเปิดประตูออกไป

เมื่อเห็นว่าเขาจะออกไปเผิชญหน้ากับคนเหล่านั้นคนเดียว กู้เสี่ยวหวานรีบลุกขึ้นและตะโกนว่า “พี่เย่จือ ข้าจะไปด้วย”

ฉินเย่จือหันหน้าไปมองกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า “พวกเจ้ารออยู่ด้านใน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าคนเหล่านั้นต่างถือดาบไว้ในมือ หลายคนถือคันธนู จากนั้นฉินเย่จือก็ก้าวออกไปจากร้านจิ่นฝู

———————————————–

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท