สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1090 ถือศีรษะมาพบ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1090 ถือศีรษะมาพบ

ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่น ดวงตาไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย หญิงสาวถือคันธนูในมือแน่น หยิบลูกธนูออกมาหนึ่งดอก จากนั้นหลับตาลงลงความมืดพยายามหาต้นเสียงของขลุ่ยที่เป่าควบคุมกองทัพช้างเหล่านั้น ทว่า เสียงรอบกายดังเกินไป…

ทหารรอบกายของนางส่งเสียงตะโกนอย่างฮึกเหิม เครื่องยิงธนูยิ่งธนูออกไปทีละสามดอกอย่างต่อเนื่อง เสียงธนูเสียดกระทบลมแรงกลางอากาศดังขึ้นไม่หยุดหย่อน หิมะที่ตกหนักเป็นอุปสรรคในการมองเห็น ไป๋ชิงเหยียนจึงหาตำแหน่งที่แน่นอนไม่พบ

ทหารซีเหลียงรู้แล้ววว่าไม่สามารถเดินเข้าใกล้กำแพงได้ ทุกคนจึงต่างหลบอยู่ด้านหลังกองทัพช้างซึ่งสวมเกราะและเดินไปด้านหน้าอย่างไม่หวาดกลัวฝนธนูที่ตกลงมา

ทว่า ทหารซีเหลียงและกองทัพช้างยังไม่ทันได้เข้าใกล้ประตูเมือง ฝั่งตะวันออกก็มีเปลวไฟลุกโหมขึ้นเสียก่อน ผู้ที่ขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนคือผู้สำเร็จราชการอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนซึ่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าตลอดเวลา ด้านหลังของเขาคือคบเพลิงจำนวนมหาศาลที่สว่างราวกับทะเลเพลิงซึ่งกำลังลุกโหมขึ้นท่ามกลางพายุหิมะที่พัดกระหน่ำ

“ทหารต้าเยี่ยนทุกคน!” เซี่ยสวินชักดาบออกมาพลางตะโกนลั่น “ว่ากันว่าเทียนเฟิ่งมีกองทัพช้างที่ไร้เทียมทานอยู่ วันนี้พวกเราจะเผชิญหน้ากับกองทัพช้างเหล่านั้นเป็นครั้งแรก เราจะแสดงความสามารถให้พวกนั้นได้เห็น ทำให้เทียนเฟิ่งรับรู้ว่าพวกเราคือคนที่จะมาปราบกองทัพช้างของพวกมัน ให้กองทัพเทียนเฟิ่งซึ่งอาศัยอยู่อีกฝั่งของภูเขาหิมะไสหัวกลับดินแดนของพวกมันไป! บุก!”

เซี่ยสวินกล่าวจบจึงขี่ม้าทะยานออกไปเป็นคนแรก

“บุก!”

ทหารต้าเยี่ยนพากันมุ่งหน้าไปยังกองทัพช้างอย่างฮึกเหิม

มู่หรงลี่ซึ่งแต่งกายเป็นทหารธรรมดาอย่างบุกไปเช่นเดียวกัน ทว่า ถูกมู่หรงเหยี่ยนห้ามไว้เสียก่อน

“ท่านอาเก้า!” มู่หรงลี่รู้สึกเลือดร้อนกับคำกล่าวของเซี่ยสวิน เขาอยากต่อสู้วัดความสามารถกับกองทัพเทียนเฟิ่งสักครั้ง

“เยว่สือ” มู่หรงเหยี่ยนตะโกนเรียก

เยว่สือรีบขี่ม้าไปด้านหน้า “นายท่าน”

“ดูแลฝ่าบาทให้ดี ห้ามให้ฝ่าบาทเข้าไปร่วมรบเด็ดขาด”

“ขอรับ!” เยว่สือรับคำ จากนั้นรับเชือกม้าที่มู่หรงลี่นั่งอยู่มาจากมือของมู่หรงเหยี่ยน

“นายท่านไม่ต้องห่วงขอรับ”

“ท่านอาเก้า” มู่หรงลี่ขยับหมวกเกราะของตัวเอง

“ท่านอาเก้าบอกให้ข้ามาสัมผัสด้วยตัวเองว่าสนามรบเป็นเช่นไรไม่ใช่หรือขอรับ”

“ให้เจ้ามาดูเฉยๆ ไม่ได้ให้เจ้าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตราย! เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าคือจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน” มู่หรงเหยี่ยนกล่าวจบจึงมองไปทางเยว่สืออีกครั้ง

“หากฝ่าบาททรงเป็นอันใดไปแม้แต่ปลายเล็บ ถือศีรษะมาพบข้า”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เยว่สือกำเชือกม้าของมู่หรงลี่แน่น รับคำเสียงหนักแน่น “เยว่สือรับบัญชาขอรับ!”

มู่หรงเหยี่ยนมองมู่หรงลี่นิ่งแวบหนึ่ง จากนั้นขี่ม้าฝ่าหิมะจากไปทันที

“ท่านแม่ทัพ”

ทหารที่กำลังย้ายหม้อดินเผาไปแขวนนอกกำแพงเมืองเห็นความเคลื่อนไหวของทหารที่อยู่ด้านล่างกำแพงเมืองจึงตะโกนเรียกเสิ่นคุนหยางเสียงดัง

“ท่านแม่ทัพ!”

เสิ่นคุนหยางมอบต่ำพลางชะเง้อหน้ามองไปยังด้านล่างกำแพง กองทัพหรงตี๋และไป๋ชิงอวี๋อาศัยความมืดเดินทางมาถึงหน้ากำแพงเมืองผิงหยางแล้ว บัดนี้กำลังเผชิญหน้ากับกองทัพซีเหลียงและเทียนเฟิ่ง

ไป๋ชิงอวี๋ซึ่งสวมชุดเกราะสีเงินถือหอกหงอิงสีแดงไว้มือข้างหนึ่ง มืออีกข้างของชายหนุ่มกำบังเหียนม้าแน่น ห่างจากเขาออกไปไม่กี่นิ้วคือฝนธนูที่ตกลงบนพื้น พื้นดินเต็มไปด้วยลูกธนูราวที่มากมายราวกับต้นหญ้า ปลายธนูที่ติดไฟมอบดับลงเพราะหิมะตกทับ มีเพียงควันไฟที่ลอยขึ้นกลางอากาศเล็กน้อยเท่านั้น

จักรพรรดิแห่งต้าโจว พี่หญิงของเขาอยู่ในเมืองผิงหยาง ต่อให้ไป๋ชิงอวี๋ต้องตายก็จะไม่ยอมให้กองทัพช้างและทหารซีเหลียงบุกเข้าไปในเมืองผิงหยางแม้แต่ก้าวเดียว

ยังถือว่ามู่หรงเหยี่ยนมีน้ำใจ บัดนี้กองทัพใหญ่ของต้าเยี่ยนมาถึงแล้วเช่นเดียวกัน ไป๋ชิงอวี๋จึงไม่ต้องกังวลว่ากองทัพช้างจะหลบหนีไปทางทิศตะวันออก ตอนนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับกองทัพช้างได้อย่างไร้ความกังวล

ครั้งนี้กองทัพช้างมีจำนวนไม่เยอะ มีเพียงสามสิบตัวเท่านั้น ไป๋ชิงอวี๋จะได้ทดลองวิธีรับมือกับช้างที่เขาคิดมาตลอดทางที่เดินทางมายังผิงหยางกับกองทัพช้างเหล่านี้ว่าได้ผลหรือไม่

“นั่นคุณชายห้า!” เสิ่นคุนหยางขมวดคิ้วแน่น เขาเข้าใจจุดประสงค์ของไป๋ชิงอวี๋ขึ้นมาทันที เสิ่นคุนหยางกลัวว่าลูกธนูจะพลาดโดนไป๋ชิงอวี๋จนได้รับบาดเจ็บจึงหันไปตะโกนสั่ง

“พลธนูหยุดยิง เร่งเครื่องยิงธนูให้เร็วกว่าเดิม ช่วยเปิดทางให้คุณชายห้า!”

พลธนูลดธนูลงตามคำสั่ง ทหารควบคุมเครื่องยิงธนูเร่งเครื่องยิงธนูให้เร็วกว่าเดิม

ไป๋ชิงเหยียนก้าวไปด้านหน้าสองสามก้าว นางเห็นไป๋ชิงอวี๋ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน ไป๋ชิงเหยียนง้างสายธนูเต็มเหนี่ยวเล็งไปทางความมืดที่มีเสียงร้องของช้างและเสียงตะโกนโห่ร้องของทหารอย่างไม่ลังเลด้วยสีหน้าเย็นชา สายตาของหญิงสาวจ้องไปที่ไป๋ชิงอวี๋นิ่ง นางจะปกป้องน้องชายและกองทัพหรงตี๋เหล่านั้นเอง

“พลธนูเตรียมพร้อม เน้นความแม่นยำไม่เน้นเร็ว คุ้มกันทหารต้าโจวของพวกเราให้ปลอดภัย”

พลธนูได้ยินคำสั่งของไป๋ชิงเหยียนจึงพากันรับคำเสียงดัง พวกเขาต่างเล็งธนูไปยังเบื้องหน้า ครั้งนี้ไม่มีธนูนับร้อยพุ่งไปกลางอากาศอีกต่อไป พวกเขาหาตำแหน่งที่แน่นอนแล้วค่อยยิงออกไป

เมื่อได้ยินเสียงพี่หญิงดังแว่วมาตามสายลม แววตาของไป๋ชิงอวี๋ที่มองไปทางช้างยักษ์เยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม

“ทหารทุกคน!” ไป๋ชิงอวี๋ชี้หอกยาวไปทางเบื้องหน้า แววตาเคร่งขรึม “ลุย!”

สิ้นเสียงคำสั่งของไป๋ชิงอวี๋ พลทหารม้าดุดันซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดกระจายตัวออก จากนั้นบุกเข้าไปโจมตีกองทัพช้างและซีเหลียงซึ่งๆ หน้า

เสิ่นคุนหยางรีบวิ่งไปยังฝั่งตะวันออกของกำแพงเมือง เขากำขอบกำแพงแน่นพลางชะโงกหน้ามองไปทางด้านล่าง หากคุณชายห้าอยู่ที่นี่ เช่นนั้นผู้ใดอยู่ทางทิศตะวันออกกัน

เสิ่นคุนหยางมองเห็นธงนกสีฟ้าท่ามกลางแสงคบเพลิง

“ฝ่าบาท ฝั่งตะวันออกคือกองทัพต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ ธงนกฟ้าของต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ”

เสิ่นคุนหยางหันไปตะโกนเรียกไป๋ชิงเหยียน

“ฝ่าบาท คือต้าเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนนึกไม่ถึงว่าต้าเยี่ยนจะมาช่วยเหลือ มิน่าอาอวี๋จึงกล้าเผชิญหน้ากับกองทัพช้างและซีเหลียงซึ่งๆ หน้า หากนางเดาไม่ผิดอาอวี๋คงอยากทดสอบวิธีที่เขาคิดขึ้นมาได้กับกองทัพช้างที่มีจำนวนไม่มากในตอนนี้

เป็นดั่งที่ไป๋ชิงเหยียนคิด ทหารม้าของหรงตี๋ขี่ม้าสวนทางกันไปคนละฝั่ง ในมือของพวกเขามีเชือกอยู่เส้นหนึ่ง ดูเหมือนพวกเขาต้องการใช้เชือกสกัดให้ช้างสะดุดล้ม

ทว่า วิธีนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ช้างของเทียนเฟิ่งมีขนาดใหญ่กว่าช้างของต้าเหลียงมาก วิธีใช้เชือกสกัดขาของช้างให้ล้มลงของหรงตี๋ไม่มีผลกับช้างยักษ์ของเทียนเฟิ่งแม้แต่น้อย แค่ช้างก้าวถอยหลังไป ทหารสองคนที่จับเชือกอยู่ต้องถูกสะบัดจนกระเด็นไปไกลแน่นอน

แม้แต่หน้าไม้ขนาดใหญ่ที่หนากว่าหอกในมือของทหารซึ่งพุ่งจากกำแพงเมืองไปกระทบเกราะของช้างศึกยังส่งผลเพียงทำให้ช้างเซเล็กน้อยเท่านั้น ช้างไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ส่วนธนูไฟที่พุ่งไปตกบนเสื้อเกราะของช้างก็มอดดับลงเพราะหิมะที่ตกลงมา

ไม่ว่าจะเป็นวิธีเผาพริกแห้งและพริกไทยของไป๋ชิงเหยียนหรือวิธีใช้เชือกสกัดของไป๋ชิงอวี๋ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเผชิญหน้ากับกองทัพช้าง เป็นครั้งแรกที่ใช้วิธีที่ไม่เคยลองมาก่อนจัดการกับกองทัพช้าง

สองกองทัพเผชิญหน้ากัน เสียงต่อสู้ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

ด้านหลังของกองทัพช้างและซีเหลียงคือกองทัพของเฉิงหย่วนจื้อ พวกเขาบุกเข้าไปถึงตัวทหารซีเหลียงซึ่งอยู่ด้านหลังสุดของกองทัพ จากนั้นเริ่มลงมือสังหาร

ด้านหน้าคือไป๋ชิงอวี๋และกองทัพหรงตี๋ที่กำลังสู้รบอย่างดุดัน ไป๋ชิงอวี๋บุกต่อสู้กับศัตรูนับร้อยอยู่ด้านหน้าสุด ทว่า เขาฝ่าเข้าไปในด่านวงล้อมของศัตรูมากเกินไป รอบกายเต็มไปด้วยอันตราย

ไป๋ชิงเหยียนที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองถูกหิมะบดบังวิสัยทัศน์ ทว่า แสงไฟจากลูกธนูไฟที่ตกลงบนพื้นทำให้หญิงสาวพอมองเห็นร่างของน้องชายได้รางๆ ขณะนั้นเองหญิงสาวเห็นร่างๆ หนึ่งพุ่งตรงไปทางด้านหลังของอาอวี๋อย่างรวดเร็ว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท