ตอนที่ 1092 สิ้นสุด
กองทัพซีเหลียงที่ถูกบีบจนไม่รู้จะหันหน้าไปสู้กับกองทัพทางใดดีไม่ได้มีแม่ทัพที่มีความกล้าหาญและมากประสบการณ์อย่างอวิ๋นพั่วสิงคอยสั่งการ พวกเขาหวาดกลัวจนไม่รู้ต้องทำเช่นใดแล้ว
บัดนี้กองทัพซีเหลียงได้ยินเสียงสัญญาณถอยทัพ พวกเขาบุกไปทางกองทัพต้าโจวที่ดูมีจำนวนน้อยที่สุดเพื่อหาทางหนีออกไป ทว่า ระหว่างทางกลับพบกับกองกำลังของหวังชิวลู่เสียก่อน
หวังชิวลู่ยังไม่ลืมคำที่ไป๋ชิงเหยียนสั่งว่าไม่ให้ปล่อยคนเหล่านี้มีชีวิตรอดกลับไป ชายหนุ่มนำทัพอยู่ด้านหน้าสุด จ้องไปทางหลี่เทียนฟู่เขม็ง เขาสาบานว่าจะตัดศีรษะของหลี่เทียนฟู่มาให้ได้จะได้สมกับความไว้ใจที่ฝ่าบาทมอบให้แก่เขา!
ม้าของเซี่ยสวินถูกทหารซีเหลียงที่หนีตายโดยไม่คิดชีวิตใช้ดาบฟันลงบนขาข้างหนึ่ง เซี่ยสวินหล่นลงจากหลังม้า เขาใช้ดาบแทงไปยังหน้าอกของทหารซีเหลียงพลางใช้เท้าถีบไปยังร่างของทหารเทียนเฟิ่งที่ลอบโจมตีเขา
เซี่ยสวินยังไม่ทันชักดาบออกจากร่างของทหารซีเหลียง เขารู้สึกว่ามีสิ่งบางอย่างกำลังตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขากำลังกระโดดหลบ ลูกศรคมลอยเฉียดผ่านใบหูของเขาไปเพียงนิดเดียว เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นจากทางด้านหลัง เซี่ยสวินหันไปมองจึงเห็นลูกศรดอกหนึ่งปักอยู่กลางหน้าอกของทหารซีเหลียง ทหารซีเหลียงที่คิดลอบโจมตีเขาเสียชีวิตลงด้วยสภาพเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
ม้าศึกพุ่งทะยานผ่านร่างของเซี่ยสวินไปอย่างรวดเร็ว เสียงร้องของม้าดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
บุรุษซึ่งสวมหน้ากากสีเงินปิดบังใบหน้าครึ่งซีกนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างสง่างาม เสื้อคลุมกันลมสีแดงสยายกลางสายลมราวกับปีกของนกอินทรี ชายหนุ่มจับบังเหียนม้าด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างกำหอกยาวหงอิงแน่น
เขาชักหอกหงอิงออกมาจากอกของทหารซีเหลียงคนหนึ่ง เลือดสดกระจายไปทั่วบริเวณ
เท้าของม้าศึกจรดลงบนพื้น ร่างของทหารซีเหลียงล้มลงบนพื้น
บุรุษในชุดเกราะสีเงินซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าหันกลับไปมองเซี่ยสวิน เขาจับบังเหียนม้าด้วยมือเพียงข้างเดียว หนึ่งคนหนึ่งม้าหยุดนิ่งท่ามกลางแสงไฟ ไอสังหารแผ่ออกมารอบกายราวกับปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากนรก
สองสายตาประสานกัน เซี่ยสวินรู้สึกคุ้นเคยกับคนผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก แววตาของบุรุษในชุดเกราะสีเงินคมกริบและดุดัน ทว่า เซี่ยสวินยังไม่ทันนึกออกว่าแม่ทัพต้าโจวผู้นี้คือผู้ใดก็รู้สึกว่ากำลังมีดาบพุ่งมาทางเขา เซี่ยสวินตวัดดาบไปรับดาบเล่มนั้นไว้โดยสัญชาตญาณ ดาบสองเล่มปะทันจนเกิดเสียงดังบาดหู
เซี่ยสวินกระโดดถีบทหารซีเหลียงที่คิดโจมตีเขาจนร่างทหารซีเหลียงลอยกระเด็นไปไกล ไม่นานทหารซีเหลียงผู้นั้นจึงเสียชีวิตลงด้วยคมดาบของเซี่ยสวิน
ไป๋จิ่นจื้อซึ่งแขนหักและให้หมอหงต่อแขนให้เรียบร้อยแล้วเดินขึ้นไปบนกำแพงเมือง สาวน้อยตะโกนบอกให้พลธนูเล็งให้ดีก่อนยิงธนูออกไปจะได้ไม่โดนพวกเดียวกันเอง
ไป๋จิ่นจื้อหยิบธนูเล็งยิงไปด้านล่างกำแพง ทว่า สิ่งที่นางเห็นมีเพียงทหารต้าโจวและต้าเยี่ยน สาวน้อยจึงได้แต่ลดธนูในมือลง นางรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะนางแขนหักนางคงสามารถติดตามพี่ชายห้าออกไปสังหารกองทัพเทียนเฟิ่งและซีเหลียงให้สิ้นซากได้เช่นเดียวกัน
บริเวณที่ไกลออกไปเต็มไปด้วยเสียงสู้รบ เสียงอาวุธกระทบกันและเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นชั่วขณะ จากนั้นมอดดับลงเพราะหิมะที่ตกลงบนพื้น กองหิมะบนพื้นกลายเป็นสีแดงเลือด จากนั้นจับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ทุกที่เต็มไปด้วยสีแดงราวกับทะเลสีเลือด
ฝ่ายต้าโจวมีกองกำลังมากกว่าศัตรูดังนั้นสงครามจึงสิ้นสุดลงภายในเที่ยงคืน
มู่หรงเหยี่ยนอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนพาจักรพรรดิมู่หรงลี่แห่งต้าเยี่ยนและบรรดาแม่ทัพเข้าไปในเมืองผิงหยาง ทหารต้าโจวเป็นคนเก็บกวาดสนามรบที่นอกเมือง
ทหารหกพันนายของซีเหลียงเสียชีวิตเกือบทั้งหมด มีหลบหนีไปได้เพียงร้อยกว่านายเท่านั้น
กองทัพช้างสามสิบตัวหลบหนีไปได้สิบสองตัว หกตัวได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจทำสงครามได้อีกสักระยะหนึ่ง อีกแปดตัวเสียชีวิต บัดนี้ถูกจับเป็นได้สี่ตัวเท่านั้น
สงครามครั้งนี้เทียนเฟิ่ง ต้าโจวและต้าเยี่ยนล้วนไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ทว่า สถานที่ สภาพอากาศและเวลาที่เหมาะสมทำให้ต้าโจวและต้าเยี่ยนได้รับชัยชนะ แต่เป็นชัยชนะที่สูญเสียค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน
ช้างศึกโจมตีประตูเมืองผิงหยางเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ประตูเมืองแทบพังทลายลงมา เสาคำยันประตูเอนจนเกือบถล่ม ต้าโจวและต้าเยี่ยนรับรู้ถึงอำนาจการทำลายล้างของกองทัพช้าง
พวกเขารู้ว่าหากพวกเขาไม่ได้ทำสงครามกับกองทัพช้างในช่วงฤดูหนาวแต่เป็นฤดูร้อน แคว้นเทียนเฟิ่งจะเป็นฝ่ายได้เปรียบขึ้นมาทันที ต้าโจวและต้าเยี่ยนจะเป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้น
การทำสงครามกับกองทัพช้างสามสิบตัวของเทียนเฟิ่งและทหารหกพันนายของซีเหลียงในครั้งนี้ทำให้ต้าโจวสูญเสียทหารไปประมาณสามพันกว่านาย ต้าเยี่ยนบุกมาช่วยเหลือต้าโจวได้ทันเวลา ทว่า พวกเขาสูญเสียทหารไปหนึ่งพันห้าร้อยกว่านายเช่นเดียวกัน
โถงรับรองหลักในจวนเจ้าเมืองผิงหยาง
ถ่านในเตาผิงส่งเสียงปะทุดังขึ้น บ่าวรับใช้พากันทยอยถือกะละมังน้ำเดินเข้าไปด้านใน จากนั้นเดินถือกะละมังน้ำที่เต็มไปด้วยเลือดเดินออกไปด้านนอก
เยว่สือคุกเข่าก้มหน้าอยู่ตรงระเบียงทางเดินราวกับเด็กที่ทำความผิด
นอกจากไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นจื้อ เสิ่นคุนหยาง เสิ่นซือคงซึ่งไม่ได้ออกไปสู้รบนอกเมืองแล้ว คนอื่นไม่ว่าจะเป็นมู่หรงเหยี่ยน ไป๋ชิงอวี๋ เฉิงหย่วนจื้อ หวังชิวลู่และเซี่ยสวินล้วนไม่มีผู้ใดล้างคราบเลือดซึ่งติดอยู่บนเสื้อเกราะของตัวเองออก พวกเขาได้แต่ล้างใบหน้าและมือที่เปื้อนไปด้วยเลือดเท่านั้น
ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าขนหนูอุ่นเช็ดมือและใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความหนาว จากนั้นให้เว่ยจงสั่งให้คนต้มน้ำขิงร้อนๆ ให้บรรดาแม่ทัพเหล่านี้
มู่หรงเหยี่ยนอยากประคองให้ไป๋ชิงเหยียนนั่งลง ทว่า ชายหนุ่มกลัวว่าการกระทำที่ใกล้ชิดของตัวเองจะทำให้ผู้อื่นสงสัยได้จึงได้แต่กล่าวขึ้น “ฝ่าบาทกำลังตั้งครรภ์อยู่ ทรงเหน็ดเหนื่อยกับสงครามในครั้งนี้มามากแล้ว รีบนั่งพักผ่อนก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ร่างของไป๋ชิงอวี๋เต็มไปด้วยเลือด เขาไม่อยากเข้าไปใกล้พี่สาวของตัวเองเพราะกลัวว่ากลิ่นคาวเลือดจะทำให้พี่หญิงคลื่นไส้ “ฝ่าบาททรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางนั่งลง จากนั้นกล่าวกับมู่หรงลี่และมู่หรงเหยี่ยน “ขอบใจต้าเยี่ยนมากที่นำทัพมาช่วยเหลือในครั้งนี้”
“ต้าเยี่ยนกับต้าโจวทำสัญญาพันธมิตรกันแล้ว พวกเราควรนำทัพมาช่วยเหลืออยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” มู่หรงเหยี่ยนก้มศีรษะให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างเป็นทางการ ชายหนุ่มรับชามาจากเว่ยจงพลางพยักหน้าขอบคุณ
เมื่อเห็นเจ้านายของตัวเองนั่งลงเซี่ยสวินซึ่งยืนผิงไฟอยู่หน้าเตาผิงจึงนั่งลงตาม
เฉิงหย่วนจื้อและหวังชิวลู่ถูมือไปมาเพื่อเพิ่มความอบอุ่น จากนั้นผละออกจากเตาผิงแล้วนั่งลงข้างเสิ่นคุนหยาง
“ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เคยทำสงครามกับเทียนเฟิ่งมาก่อน ช้างศึกเหล่านั้นช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ ทว่า ข้ารู้สึกว่าพวกเรายังพอสามารถเอาชนะช้างเหล่านั้นได้อยู่ แต่ถึงแม้จะชนะพวกเราก็สูญเสียมากเช่นเดียวกัน”
สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนเคร่งขรึมลง หญิงสาวกำถ้วยชาในมือแน่น
“หากพวกเราไม่สามารถขับไล่กองทัพช้างเหล่านี้กลับไปยังเทียนเฟิ่งได้ก่อนที่ฤดูหนาวจะสิ้นสุดลง เมื่อฤดูร้อนมาเยือนพวกเราคงยากที่จะเอาชนะ”
มู่หรงเหยี่ยนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “บัดนี้กองทัพช้างของเทียนเฟิ่งยังอยู่ในแคว้นซีเหลียง หากพวกเราบุกไปโจมตีพวกนั้นในแคว้นซีเหลียง ชาวบ้านต้าเยี่ยนและต้าโจวจะไม่ได้รับความเดือดร้อน ทว่า หากรอให้ศัตรูบุกมา พวกเราคงต้องทำศึกที่หน้าบ้านของตัวเอง”
ไป๋ชิงอวี๋มองไปทางมู่หรงเหยี่ยนแวบหนึ่ง เขาเห็นด้วยกับคำกล่าวของชายหนุ่ม ทำสงครามที่แคว้นใดชาวบ้านแคว้นนั้นจะได้รับความเดือดร้อน ที่สำคัญซีเหลียงมักสังหารชาวบ้านจนเกลี้ยงเมืองหากยึดเมืองนั้นได้ เทียนเฟิ่งมีประวัติเคยจับชาวบ้านของแคว้นที่ยึดได้ไปเป็นทาสมาก่อน
“พวกเราควรเริ่มทำสงครามโดยเร็วที่สุด…” ไป๋ชิงอวี๋หันไปมองพี่สาวของตัวเอง
“ตอนนี้คือเดือนสิบสอง พวกเราต้องยุติสงครามครั้งนี้ให้ได้ก่อนเข้าฤดูใบไม้ผลิ”