สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1114 มีค่า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1114 มีค่า

หลังผ่านสงครามเมืองผิงหยางมาต้าเยี่ยนรับรู้เช่นเดียวกันว่าช้างทรงตัวเป็นพื้นหิมะลื่นไม่ได้ ดังนั้นเมื่อกองทัพมาถึงเมืองผิงตู้พวกเขาจึงช่วยกันเหยียบกองหิมะให้ละลายกลายเป็นพื้นน้ำแข็งทั้งหมด

แม่ทัพซึ่งมากประสบการณ์ในการรบต่างรู้ดีว่าวิธีต่อกรกับศัตรูทุกรูปแบบจะใช้ได้ผลดีที่สุดในครั้งแรกๆ เท่านั้น หากใช้มากเกินไปศัตรูจะจับทางได้ดังนั้นคำสั่งในครั้งนี้ของมู่หรงเหยี่ยนคือทุ่มกำลังกำจัดกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งให้ได้มากที่สุด

“ฝ่าบาท รอต่อไปไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้กองทัพช้างบุกออกไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ศิษย์คนโตของจอมเวทย์ตะโกนด้วยความร้อนใจ

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกำขอบเสลี่ยงบนหลังช้างแน่น เขาหลับตาลงพลางกล่าวขึ้น “บุกออกไป!”

บัดนี้กองทัพช้างของเทียนเฟิ่งถูกล้อมอยู่ในเมือง กองทัพต้าโจวเจ้าเล่ห์ไม่ยอมลงจากกำแพงเมือง กองทัพต้าเยี่ยนล้อมอยู่นอกเมืองไม่ยอมบุกเข้ามาด้านใน…

หากกองทัพช้างบุกออกไปต้องลื่นล้มบนถนนน้ำแข็งที่พวกนั้นทำไว้ จากนั้นถูกทหารต้าเยี่ยนและต้าโจวที่ไม่กลัวตายรุมแทงผ่านช่องว่างของเสื้อเกราะที่สวมอยู่หรือไม่ก็อาจถูกสาดด้วยน้ำมันไฟแน่นอน

นี่คือแผนการต่อกรกับกองทัพช้างที่ต้าโจวและต้าเยี่ยนพร้อมแลกด้วยชีวิตของพวกเขา

หากช้างซึ่งมีขนาดลำตัวใหญ่และสวมเสื้อเกราะหนักอึ้งล้มลงบนพื้นเหล่าทหารจะกรูกันเข้าไปใช้ดาบแทงใส่ลำตัวของมันราวกับฝูงมด พื้นน้ำแข็งที่ลื่นเช่นนี้จะทำให้ช้างลุกขึ้นยืนอีกครั้งได้อย่างยากลำบาก

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นขบกรามแน่น “บุกออกไป!”

สิ้นเสียงคำสั่งของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น เสียงแตรศึกดังขึ้นทั่วทั้งเมืองเมืองผิงตู้

ไป๋จิ่นจื้อที่ชุดเกราะเปื้อนไปด้วยเลือดยืนอยู่บนกำแพงเมืองทิศเหนือ สาวน้อยออกแรงปักธงลงไปบนกำแพง ธงเฮยฟานไป๋หมั่งปลิวสะบัดไปมาตามแรงลม ไป๋จิ่นจื้อยกมือเช็ดคราบเลือดบนใบหน้า ผมที่รวบสูงและสายรัดผมสีแดงสยายไปมาตามแรงลม

ไป๋จิ่นจื้อเห็นช้างที่หนีตายออกไปทางประตูทิศเหนือลื่นล้มลงบนพื้นน้ำแข็งอีกครั้ง จากนั้นถูกทหารต้าโจวที่ไม่กลัวตายใช้โซ่เหล็กหลายเส้นมัดตัวของมันไว้ ทหารนับร้อยกำโซ่เหล็กในมือแน่นพลางตะโกนให้ทุกคนดึงโซ่เหล็กให้ตึงเพื่อควบคุมช้างยักษ์ให้ได้ ไป๋จิ่นจื้อหันไปมองในตัวเมือง…ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ภายในเมืองผิงตู้เต็มไปด้วยเปลวเพลิง ทุกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องอวดครวญและเสียงคำรามของช้าง

โชคดีที่เทียนเฟิ่งต้องการพื้นที่ให้กองทัพช้างเข้ามาอาศัยอยู่ พวกเขาจึงขับไล่ชาวบ้านเมืองผิงตู้ออกไปจากเมืองหมดแล้ว เหลือเพียงคนคอยดูแลช้างเหล่านี้เท่านั้น มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าชาวบ้านจะเสียชีวิตลงในเหตุการณ์วุ่นวายครั้งนี้มากเพียงใด

ประตูทิศตะวันออกของเมืองผิงตู้

ไป๋จิ่นจื้อเริ่มบุกยึดประตูเมืองทิศเหนือเป็นคนแรก ทหารต่างบุกเข้าไปในเมือง กองทัพของหยางอู่เช่อจึงเร่งมือขึ้นไปบนกำแพงเมืองตะวันออกให้เร็วกว่าเดิม ตอนนี้เขายึดครองประตูเมืองทิศตะวันออกได้อย่างราบรื่น

ช้างยักษ์กระแทกจนกำแพงเมืองสั่นไหว ฝุ่นและเศษปูนบนกำแพงหล่นกระจายลงด้านล่าง ประตูเมืองถูกกระแทกจนบิดเบี้ยว เสียงร้องคำรามของช้างดังออกมาจากในเมือง พร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป

หยางอู่เช่อซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้านอกเมืองผิงตู้ทางฝั่งตะวันออกตะโกนเสียงดังลั่น “เตรียมพร้อม!”

พลทหารซึ่งอยู่ทางทิศเหนือและทิศใต้กำโซ่เหล็กในมือแน่น จากนั้นมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทั้งสองด้าน โซ่เหล็กเสียดสีกับพื้นน้ำแข็งที่ราบเรียบไปมา พวกเขาถือโซ่เหล็กรอจับตัวช้างยักษ์หลังจากพวกมันหนีออกมาจากเมืองและลื่นล้มลงบนถนนน้ำแข็ง

ประตูทิศตะวันตกของเมืองผิงตู้

ทหารกลุ่มแรกของต้าเยี่ยนเริ่มบุกโจมตีเมืองแล้ว พวกเขาใช้วิธีเดียวกับที่ไป๋ชิงอวี๋เคยใช้ก่อนหน้านี้นั่นก็คือการใช้เชือกสกัดช้างที่หนีออกมาจากเมืองสะดุดล้มลงบนพื้น ทว่า พวกเขาเปลี่ยนเชือกธรรมดาที่กองทัพหรงตี๋ใช้ในสงครามเมืองผิงหยางเป็นโซ่เหล็กแทน หากกองทัพช้างหนีออกมาจากประตูทิศตะวันตก เขาจะจับเป็นมันกลับไปสืบหาจุดอ่อนของกองทัพช้างเหล่านี้

ประตูทิศใต้ของเมืองผิงหยางเต็มไปด้วยเสียงสู้รบและเสียงร้องอวดครวญของทหาร

กองทัพช้างพยายามบุกออกไปทางประตูเมืองทิศใต้อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อข้ามแม่น้ำตันสุ่ยไปยังค่ายทหารที่เมืองเฉวี่ยนหยา

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเรียกกองกำลังเกือบทั้งหมดของซีเหลียงมายังประตูทิศใต้ บังคับให้ทหารซีเหลียงบุกออกไปต่อสู้กับต้าเยี่ยน จากนั้นให้กองทัพเทียนเฟิ่งตามหลังออกไป ให้ม้าลากวัตถุไวไฟออกไปนอกเมืองเพื่อละลายถนนน้ำแข็ง กองทัพช้างจะได้บุกออกไปได้โดยไม่ลื่นล้ม

กองทัพช้างวิ่งออกไปทางประตูทิศใต้อย่างเป็นระเบียบภายใต้เสียงขลุ่ยบังคับ การใช้ม้าลากวัตุไวไฟออกไปละลายหิมะที่อยู่นอกเมืองดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ได้ผล กองทัพช้างแทบจะไม่ลื่นล้มบนพื้นเลยหลังจากเดินตามหลังม้าออกมา

มู่หรงเหยี่ยนซึ่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าขี่ม้าอยู่ห่างออกไป ชายหนุ่มรู้สึกว่าพื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง

มู่หรงเหยี่ยนหันไปตะโกนสั่ง “พลทหารม้าเตรียมพร้อม!”

พลทหารผ้ารีบใช้ผ้าเปียกปิดจมูกของตัวเองเอาไว้ เหล่าทหารซึ่งยืนถือคบเพลิงอยู่ด้านหลังพลทหารม้าจุดคบเพลิงลงบนตาข่ายพริกแห้งและพริกไทยซึ่งม้าลากเอาไว้ทางด้านหลัง ไม่นานควันไฟกระจายไปทั่วบริเวณ

“บุก!”

สิ้นเสียงคำสั่งของมู่หรงเหยี่ยน พลทหารม้าแต่ละคนที่รอบกายเต็มไปด้วยควันไฟราวกับเตาผิงพุ่งตรงเข้าไปทางกองทัพช้างทันที

ม้าศึกมีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว พวกมันวิ่งไปมารอบกายกองทัพช้าง อย่าว่าแต่กองทัพช้างที่มีประสาทรับกลิ่นที่รวดเร็วเลย แม้แต่ควานช้างที่นั่งอยู่บนหลังช้างยังสำลักจนน้ำตาไหลไม่หยุด กองทัพช้างตวัดงวงไปมาอย่างบ้าคลั่ง พวกมันไม่รู้จะหนีควันไฟที่ลอยอยู่ทั่วบริเวณไปทางใดดี

ช้างบางตัวสะดุดกองหิมะลื่นล้มลงบนพื้น ช้างบ้างตัววิ่งชนกันเองเพราะคลุ้มคลั่งจากกลิ่นฉุนของพริก ช้างบ้างตัวเสียสติถึงขนาดวิ่งชนกำแพงเมือง จากนั้นส่งเสียงร้องคำรามและล้มลงบนพื้น ขอเพียงช้างยักษ์ล้มลง เหล่าทหารจะรีบกรูกันเข้าไปสังหารช้างเหล่านั้นทันที

ประตูเมืองทิศใต้เต็มไปด้วยควันฉุนของพริกแห้งและพริกไทย เลือดสดไหลอาบทั่วบริเวณ ใต้กำแพงเมืองเต็มไปด้วยเลือดที่แข็งตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นฉุนของพริกไทยผสมปนเปกันในอากาศจนน่าสะอิดสะเอียน

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเกือบถูกช้างที่กำลังคลุ้มคลั่งสะบัดหล่นจากหลังช้าง เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากของตัวเองไว้พลางมองไปทางทิศใต้ จากนั้นหยิบขลุ่ยที่แขวนอยู่ที่คอขึ้นมาเป่า

ควานช้างตัวที่ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นนั่งอยู่พยายามบังคับช้างวิ่งไปทางทิศใต้อย่างไม่คิดชีวิต ช้างที่กำลังส่งเสียงร้องอย่างคลุ้มคลั่งวิ่งตามหลังมาติดๆ

ขณะเดียวกันนั้นเองเมื่อหลี่เทียนเจียวได้รับรายงานว่าต้าเยี่ยนและต้าโจวบุกโจมตีเมืองผิงตู้แล้ว หญิงสาวจึงสั่งให้อวิ๋นพั่วสิงนำทัพหัวอวิ๋นบุกไปโจมตีเมืองผิงหยางทันที

อวิ๋นพั่วสิงคิดว่าแม้ประตูทิศใต้ของเมืองผิงหยางจะถูกกองทัพช้างบุกโจมตีจนแทบพังทลายมาก่อน บัดนี้ควรเป็นจุดที่อ่อนแอสุดของเมืองผิงหยาง ทว่า วันนี้ต้าโจวยกทัพไปโจมตีเมืองผิงตู้ ไป๋ชิงเหยียนต้องเตรียมป้องกันกองทัพช้างบุกย้อนมาโจมตีเมืองผิงหยาง ดังนั้นหญิงสาวต้องสั่งให้กองกำลังที่เหลืออยู่ในเมืองผิงหยางคุ้มกันประตูเมืองทิศใต้อย่างแน่นหนาที่สุดแน่นอน

หากเขาพากองทัพหั่วอวิ๋นอ้อมไปโจมทางประตูทิศเหนือของเมืองผิงหยางคงยื้อเวลาที่ทัพเสริมของเมืองผิงหยางจะมาช่วยเหลือได้นานพอสมควร ทว่า หากพวกเขาเริ่มทำสงครามทันทีหลังจากเดินทางไกลไปยังเมืองผิงหยางไม่เพียงแต่กองทัพจะเหนื่อยล้า ความรวดเร็วในการยึดเมืองผิงหยางได้ก็จะช้าลงด้วย

ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นมีจำนวนไม่มาก พวกเขาไม่สามารถแบ่งกองกำลังออกเป็นหลายฝ่ายได้ ดังนั้นอวิ๋นพั่วสิงตัดสินใจเลือกโจมตีเมืองผิงหยางทางประตูทิศตะวันออก

อวิ๋นพั่วสิง อวิ๋นหลิงจื้อ อวิ๋นเทียนเอ้าและแม่ทัพของซีเหลียงนั่งหยิบแผนที่เมืองผิงหยางออกมาปรึกษากันหน้ากองไฟ

บัดนี้ซีเหลียงมีกองทัพหู่อิงเป็นของตัวเองแล้ว พวกเขาไม่สามารถนำสงครามโดยวิธีบุกต่อสู้จนตัวตายอีกแล้ว ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นของพวกเขาไม่ได้ฝึกฝนออกมาได้ง่ายๆ ทุกคนล้วนมีค่ามาก!

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท